“ศิริพร”เล็งเสนอปรับวัตถุประสงค์กองทุนหมุนเวียน จากที่ให้ครูกู้ใช้หนี้มาเป็นการใช้เพื่อพัฒนาตนเอง โดยปรับวงเงินกู้สูงลดดอกเบี้ยลง ระบุปัจจุบันกองทุนมีเงิน 1.6 พันล.บาท ปล่อยกู้ไปแล้วกว่า 5 หมื่นราย เป็นเงินกว่า 3 ล.บาท
นางศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (เลขาธิการ ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู ได้พิจารณาอนุมัติจัดสรรเงินกู้ยืม ปีงบประมาณ 2557 ให้แก่ข้าราชการครูแล้วทั้งสิ้น 2,199 ราย รวมเป็นเงิน 439,800,000 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ได้จากการสำรวจความต้องการของข้าราชการครูในแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา โดยขณะนี้ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังเขตพื้นที่การศึกษาและส่วนราชการต่างๆ แล้วว่าแต่ละเขตพื้นที่ฯ ได้รับการอนุมัติวงเงินกู้ยืมจำนวนเท่าใด เพื่อที่จะทำการประชาสัมพันธ์ให้ครูมากู้ยืม และพิจารณาครูผู้ที่จะได้รับเงินกู้ต่อไป ทั้งนี้ จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มี.ค.นี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากภาระหนี้สิน และให้ครูสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข อีกทั้งทำให้ครูมีขวัญและกำลังใจการปฏิบัติหน้าที่การสอน อันจะส่งผลให้คุณภาพการเรียนการสอนของเด็กไทยดีขึ้น
ทั้งนี้ เงินทุนหมุนเวียนฯ ได้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2540 มีเงินทุนตั้งต้นที่รัฐบาลจัดสรรให้ 1,200 ล้านบาท ปัจจุบันมีเงินทุน 1,600 กว่าล้านบาท และที่ผ่านมาได้ให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนด้านภาระหนี้สินโดยให้ข้าราชการครูกู้ยืมไปแล้ว 50,646 ราย รวมเป็นเงิน 3,153,689,277 ล้านบาท ทั้งนี้ ครูจะได้กู้ยืมรายละไม่เกิน 200,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ MLR-1 ต่อปี (ปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 5.875 ต่อปี) ให้ผ่อนชำระเป็นงวดรายเดือนรวม 96 งวด (8 ปี) อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาพบว่าการดำเนินการมีปัญหาบ้าง โดยเฉพาะเมื่อมีการแบ่งเป็นเขตพื้นที่การศึกษา ทำให้การส่งทอดข้อมูลไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ครูบางคนย้ายออกจากเขตพื้นที่นี้ก็ไม่มีการแจ้ง จึงทำให้ไม่สามารถเก็บหนี้สินได้ จึงขอกำชับให้เขตพื้นที่ฯ ช่วยดูแลในเรื่องนี้ด้วย เพื่อให้สามารถเก็บหนี้สินได้
“ในการประชุมสัมมนาเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจการดำเนินงานเงินทุนฯ เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งมีอนุกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนเขตพื้นที่การศึกษา/ส่วนราชการในภาคกลางและใต้เข้าร่วมประชุม โดยที่ประชุมมีข้อเสนอแนะหลากหลาย บางส่วนอยากให้มีการดำเนินงานเงินทุนหมุนเวียนฯ ต่อ แต่อยากให้ปรับหลักเกณฑ์ โดยเพิ่มวงเงินกู้ยืมให้สูงขึ้น ลดดอกเบี้ยลง และให้สิทธิ์การกู้ยืมแก่บุคลากรทางการศึกษาด้วย แต่บางส่วนก็อยากให้ปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์ของเงินทุนหมุนเวียนฯ ซึ่งไม่ใช่เพื่อกู้หนี้ยืมสินอีกต่อไปแล้ว แต่ควรเป็นกองทุนส่งเสริมครูมากกว่า เพราะขณะนี้มีแหล่งเงินกู้ให้ครูได้กู้ยืมมากเพียงพอแล้ว และแต่ละโครงการก็มีวงเงินให้ครูกู้ค่อนข้างสูง อาทิ โครงการเงินกู้พัฒนาชีวิตครู ของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่ให้กู้ยืมได้เป็นหลักล้านบาท” นางศิริพร กล่าวและว่า หลังจากนี้คงต้องนำประเด็นความคิดเห็นต่างๆ ไปหารือในคณะกรรมการบริหารฯ อีกครั้ง ก่อนเสนอ รมว.ศึกษาธิการ พิจารณาต่อไปว่าในปีงบประมาณ 2558 เงินทุนหมุนเวียนฯจะดำเนินการในทิศทางใด
นางศิริพร กิจเกื้อกูล เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (เลขาธิการ ก.ค.ศ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู ได้พิจารณาอนุมัติจัดสรรเงินกู้ยืม ปีงบประมาณ 2557 ให้แก่ข้าราชการครูแล้วทั้งสิ้น 2,199 ราย รวมเป็นเงิน 439,800,000 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ได้จากการสำรวจความต้องการของข้าราชการครูในแต่ละเขตพื้นที่การศึกษา โดยขณะนี้ได้ส่งหนังสือแจ้งไปยังเขตพื้นที่การศึกษาและส่วนราชการต่างๆ แล้วว่าแต่ละเขตพื้นที่ฯ ได้รับการอนุมัติวงเงินกู้ยืมจำนวนเท่าใด เพื่อที่จะทำการประชาสัมพันธ์ให้ครูมากู้ยืม และพิจารณาครูผู้ที่จะได้รับเงินกู้ต่อไป ทั้งนี้ จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มี.ค.นี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากภาระหนี้สิน และให้ครูสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุข อีกทั้งทำให้ครูมีขวัญและกำลังใจการปฏิบัติหน้าที่การสอน อันจะส่งผลให้คุณภาพการเรียนการสอนของเด็กไทยดีขึ้น
ทั้งนี้ เงินทุนหมุนเวียนฯ ได้เริ่มมาตั้งแต่ปี 2540 มีเงินทุนตั้งต้นที่รัฐบาลจัดสรรให้ 1,200 ล้านบาท ปัจจุบันมีเงินทุน 1,600 กว่าล้านบาท และที่ผ่านมาได้ให้ความช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนด้านภาระหนี้สินโดยให้ข้าราชการครูกู้ยืมไปแล้ว 50,646 ราย รวมเป็นเงิน 3,153,689,277 ล้านบาท ทั้งนี้ ครูจะได้กู้ยืมรายละไม่เกิน 200,000 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ MLR-1 ต่อปี (ปัจจุบันเท่ากับร้อยละ 5.875 ต่อปี) ให้ผ่อนชำระเป็นงวดรายเดือนรวม 96 งวด (8 ปี) อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาพบว่าการดำเนินการมีปัญหาบ้าง โดยเฉพาะเมื่อมีการแบ่งเป็นเขตพื้นที่การศึกษา ทำให้การส่งทอดข้อมูลไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ ครูบางคนย้ายออกจากเขตพื้นที่นี้ก็ไม่มีการแจ้ง จึงทำให้ไม่สามารถเก็บหนี้สินได้ จึงขอกำชับให้เขตพื้นที่ฯ ช่วยดูแลในเรื่องนี้ด้วย เพื่อให้สามารถเก็บหนี้สินได้
“ในการประชุมสัมมนาเพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจการดำเนินงานเงินทุนฯ เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งมีอนุกรรมการบริหารเงินทุนหมุนเวียนเขตพื้นที่การศึกษา/ส่วนราชการในภาคกลางและใต้เข้าร่วมประชุม โดยที่ประชุมมีข้อเสนอแนะหลากหลาย บางส่วนอยากให้มีการดำเนินงานเงินทุนหมุนเวียนฯ ต่อ แต่อยากให้ปรับหลักเกณฑ์ โดยเพิ่มวงเงินกู้ยืมให้สูงขึ้น ลดดอกเบี้ยลง และให้สิทธิ์การกู้ยืมแก่บุคลากรทางการศึกษาด้วย แต่บางส่วนก็อยากให้ปรับเปลี่ยนวัตถุประสงค์ของเงินทุนหมุนเวียนฯ ซึ่งไม่ใช่เพื่อกู้หนี้ยืมสินอีกต่อไปแล้ว แต่ควรเป็นกองทุนส่งเสริมครูมากกว่า เพราะขณะนี้มีแหล่งเงินกู้ให้ครูได้กู้ยืมมากเพียงพอแล้ว และแต่ละโครงการก็มีวงเงินให้ครูกู้ค่อนข้างสูง อาทิ โครงการเงินกู้พัฒนาชีวิตครู ของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ที่ให้กู้ยืมได้เป็นหลักล้านบาท” นางศิริพร กล่าวและว่า หลังจากนี้คงต้องนำประเด็นความคิดเห็นต่างๆ ไปหารือในคณะกรรมการบริหารฯ อีกครั้ง ก่อนเสนอ รมว.ศึกษาธิการ พิจารณาต่อไปว่าในปีงบประมาณ 2558 เงินทุนหมุนเวียนฯจะดำเนินการในทิศทางใด
