ประชุม อ.ก.พ.สกศ.4 ชั่วโมง พิจารณาโทษ “ศศิธารา” ส่อทุจริตจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์อาชีวะ เจ้าตัวโวยไม่โปร่งใสเพียบ ตั้งเป้าเล่นงานตนวาระเดียว แถมองค์ประชุมไม่ครบ แค่ 7 ใน 13 คน ท้วงขอเลื่อนการประชุม แต่ “จาตุรนต์” ไม่ยอม จวกกลับต้องการปกป้องตัวเองหรือ เชื่อเล็งเอาตนออกจากราชการ
วันนี้ (21 ม.ค.) เมื่อเวลา 14.00 น.ที่สำนักพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรอาชีวศึกษา(สสอ.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน อ.ก.พ.สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ทำหน้าที่ อ.ก.พ.กระทรวง ซึ่งมีการพิจารณาวาระลับตามระเบียบข้าราชการพลเรือน ซึ่งเป็นการพิจารณาโทษทางวินัย น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการ สกศ.กรณีเอกสารการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์อาชีวศึกษา โครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ ระยะที่ 2 (SP2) : ไทยเข้มแข็ง 2555 สูญหายและส่อว่าจะเกิดความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์โครงการดังกล่าว เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (เลขาธิการ กอศ.)
ผู้สื่อรายงานว่า ภายหลังการประชุมผ่านไปนานกว่า 4 ชั่วโมง น.ส.ศศิธารา ได้เดินออกจากห้องประชุมเพื่อมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดย น.ส.ศศิธารา กล่าวว่า ตนเห็นว่าการประชุมครั้งนี้มีความไม่ชอบ ไม่โปร่งใส ทั้งตั้งเป้าพิจารณากรณีโทษทางวินัยของตนเพียงวาระเดียวเท่านั้น อีกทั้งยังมีหลายประเด็นที่น่าเคลือบแคลงในการประชุมครั้งนี้ ตั้งแต่กรรมการ อ.ก.พ.สกศ.ไม่ครบองค์ประชุม เนื่องจาก รองเลขาธิการ สกศ.2 ราย ย้ายไปเป็นปลัด ศธ.และรองปลัด ศธ. ขณะที่ นางรัตนา ศรีเหรัญ รองเลขาฯ ใหม่ก็ยังไม่มีสิทธิ์เข้าประชุม เพราะตนยังไม่มอบหมายให้ทำหน้าที่กรรมการ อ.ก.พ.สกศ.ขณะเดียวกัน กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ 3 ด้านคือด้านบริหารทรัพยากรบุคคล ด้านกฎหมาย และด้านบริหารและการจัดการ ก็ไม่เข้าร่วมประชุมด้วย ดังนั้นการประชุมครั้งนี้จึงมีผู้เข้าร่วมประชุมแค่ 7 คน จากทั้งหมด 13 คน
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาเรื่องตัวผู้ทำหน้าที่เลขานุการการประชุมด้วย เพราะ นายจาตุรนต์ ยืนยันให้ นายนภมณฑล สิบหมื่นเปี่ยม เป็นเลขานุการ ทั้งที่ นายนภมณฑลไม่มีสิทธิ์ เนื่องจากไม่ได้ดูแลงานบุคคลของ สกศ.เพราะถูกย้ายไปดูแลกลุ่มพัฒนาระบบราชการ หรือ ก.พ.ร.สกศ.ซึ่งตามปกติเลขานุการการประชุมต้องเป็นผู้ดูแลงานบริหารงานบุคคลเท่านั้น แต่ นายจาตุรนต์ ยังยืนยันที่จะให้นายนภมณฑล เป็นเลขานุการต่อ เพราะดูแลเรื่องนี้มาตั้งแต่ตน ซึ่งตนก็ได้ชี้แจงในที่ประชุมว่า เป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แต่ นายจาตุรนต์ ก็ยืนยันให้บุคคลรายนี้เป็นเลขานุการการประชุมต่อไป เพื่อให้การประชุมวันนี้เดินหน้าต่อ เพื่อจะได้ชงเข้าสู่วาระพิจารณาวินัยตน ทำให้เห็นว่าการประชุมวันนี้มีความน่าเคลือบแคลงมาก
ทั้งนี้ ยังมีหลายประเด็นที่ยังไม่ถูกต้อง ตนและผู้แทน ก.พ.จึงเสนอให้เลื่อนการประชุมออกไป โดยผู้แทน ก.พ.ให้เหตุผลว่า บรรยากาศการประชุมครั้งนี้ไม่ชัดเจน และมีความขัดแย้ง ให้ สกศ.ไปดำเนินการให้ถูกต้องทั้งหมดก่อน แล้วค่อยจัดประชุมอีกครั้ง แต่ รมว.ศธ.ไม่ยอม เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเร่งด่วนที่ต้องพิจารณาโทษตน
“ นายจาตุรนต์ ยังได้บอกในที่ประชุมว่า วันนี้ตั้งใจอย่างเดียวว่าจะพิจารณาเรื่องวินัยของ น.ส.ศศิธารา จึงไม่อยากเอาเรื่องอื่นเข้ามาเกี่ยวของ เพราะเป็นที่สังคมจับตามอง ว่า รมว.ศึกษาธิการ จะตัดสินอย่างไร ถ้าไม่ทำรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ก็จะมีความผิด ดิฉันจึงได้ถามกลับไปว่าท่านรัฐมนตรี เร่งร้อนเรื่องนี้ต้องการปกป้องตัวเองเท่านั้นใช่หรือไม่ ความไม่ถูกต้องชอบธรรมที่เกิดขึ้นกับดิฉันท่านไม่สนใจใช่หรือไม่ ดังนั้นจึงน่าเชื่อถือว่ากระบวนการสอบสวนครั้งนี้ไม่เป็นธรรมและไม่น่าเชื่อถือ ซึ่งดิฉันมั่นใจว่าถูกกลั่นแกล้ง 100% เพราะการสอบสวนตั้งต้นที่เกิดขึ้น เร่งรีบ ไม่มีการสืบหาข้อเท็จจริง แม้กระทั่งการประชุมวันนี้ ก็ส่อชัดเจนว่า เป็นการประชุมที่ไม่ชอบแน่นอน ดังนั้นการตัดสินโทษใดๆ ก็ตามในวันนี้ผู้ที่อยู่ในที่ประชุมทั้ง 7 คน จะต้องรับผิดชอบ ซึ่งหากมีการลงโทษให้ดิฉันออกจากราชการ ก็จะขออุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม ก.พ.ค. ก.พ.รวมทั้งจะฟ้องศาลปกครองและศาลอาญาด้วย น.ส.ศศิธารา กล่าว และว่า ทั้งนี้ตนเชื่อว่าที่ประชุมครั้งนี้ตั้งเป้าจะตัดสินลงโทษให้ตนออกจากราชการแน่นอน เพราะได้เตรียมสำเนาหนังสือแบบฟอร์มรับทราบคำสั่งให้ออกจากราชการ วางไว้ให้ตนตรงที่นั่งประชุมด้วย