หวัดนกในจีนทำหญิงแก่ตายแล้ว 1 ราย พบเป็นสายพันธุ์ เอช10เอ็น8 สธ.ระบุยังไม่พบในทยมาก่อน สั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับมือเฝ้าระวังป้องกันด่วน
วันนี้ (19 ธ.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์กรณีหญิงชาวจีนวัย 73 ปี เสียชีวิตจากการติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ เอช10เอ็น8 เป็นรายแรก ซึ่งไม่เคยพบการติดต่อสู่คนมาก่อน โดยหญิงดังกล่าวมีอาการปอดบวม มีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกมาก่อน และเสียชีวิตในวันที่ 6 ธันวาคม 2556 ว่า คณะกรรมการวางแผนครอบครัวและสุขภาพแห่งชาติของประเทศจีนยืนยันผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากไข้หวัดนกสายพันธุ์ เอช10เอ็น8 เป็นผู้ป่วยรายแรก ซึ่งน่าจะเป็นการติดมาจากสัตว์ จากการสอบสวนโรคเบื้องต้นพบว่า ผู้ป่วยอาศัยอยู่ในเขตมณฑลเจียงซี มีประวัติเดินทางไปตลาดสดค้าสัตว์ปีกในท้องถิ่นเข้ารับรักษาในโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 และเสียชีวิตด้วยอาการปอดอักเสบรุนแรง เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2556 โดยทางการจีนได้เฝ้าระวังคนในครอบครัวและผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ขณะนี้ทุกคนไม่มีอาการผิดปกติและจัดระบบการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่ติดชายแดนทุกจุด
นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า สำหรับประเทศไทยยังไม่เคยมีรายงานพบผู้ป่วยไข้หวัดนก ทั้งสายพันธุ์ เอช10เอ็น8 และ เอช7เอ็น5 ชนิดที่พบในประเทศจีน เคยพบเฉพาะสายพันธุ์ เอช5เอ็น1 (H5N1) ซึ่งเป็นเชื้อที่มีความรุนแรง ในช่วงปี 2547-2549 และไม่มีรายงานผู้ป่วยติดต่อกันจนถึงขณะนี้รวมกว่า 6 ปี โดยไทยมีระบบการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกทั้งในคนและสัตว์ปีกอย่างต่อเนื่อง ทำงานร่วมกัน 3 กระทรวง คือกระทรวงสาธารณสุข เฝ้าระวังในคน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเฝ้าระวังในนกธรรมชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สุ่มตรวจสัตว์ปีกภายในประเทศ ทั้งนี้ สธ.ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง กทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำการเฝ้าระวังการติดเชื้อโรคไข้หวัดนกในคนทุกสายพันธุ์ โดยให้โรงพยาบาลทุกแห่งเอาใจใส่ตรวจสอบผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจที่มีอาการรุนแรงทุกราย และดำเนินการสอบสวนโรค พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาสาเหตุการป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีประวัติเสี่ยง เช่น สัมผัสหรืออยู่ในพื้นที่มีสัตว์ปีกป่วย ตาย หรือได้เดินทางไปประเทศที่มีการระบาดของโรค พร้อมทั้งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจยืนยันเชื้อ
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การป้องกันโรคไข้หวัดนก ขอให้ประชาชนรับประทานเนื้อไก่และไข่ที่ปรุงสุก หลีกเลี่ยงการคลุกคลีสัมผัสกับสัตว์ปีก หากไปที่ตลาดค้าสัตว์ปีกมีชีวิตควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ กรงขังสัตว์ และพื้นตลาด ไม่นำสัตว์ปีกที่ป่วยมีอาการหงอย ซึม ขนยุ่ง หรือป่วยตายมาชำแหละเป็นอาหารอย่างเด็ดขาด ล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ และทุกครั้งหลังสัมผัสสัตว์ปีก หากเป็นไข้ ไอ ปวดเมื่อยร่างกาย และเคยสัมผัสสัตว์ปีก หรือใกล้ชิดกับผู้ป่วยปอดบวมมาก่อนให้รีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติสัมผัสสัตว์ปีกและประวัติการเดินทางด้วย หากพบสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อสม.หรือผู้นำชุมชน เพื่อป้องกันควบคุมโรคและนำตัวอย่างสัตว์ปีกไปตรวจพิสูจน์เชื้อทางห้องปฏิบัติการต่อไปสำหรับสถานการณ์โรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ เอช5เอ็น1 ทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2546 - 10 ธันวาคม 2556 องค์การอนามัยโลกรายงานผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไข้หวัดนกรวม 648 ราย เสียชีวิต 384 ราย ใน 15 ประเทศ ได้แก่ อาเซอร์ไบจาน บังกลาเทศ กัมพูชา จีน สาธารณรัฐจิบูตี อียิปต์ อินโดนีเซีย อิรัก ลาว พม่า ไนจีเรีย ปากีสถาน ไทย ตุรกี และเวียดนาม สำหรับสายพันธุ์ เอช7เอ็น9 ตั้งแต่มีนาคม - 25 ตุลาคม 2556 พบผู้ป่วยทั้งหมด 137 ราย เสียชีวิต 45 ราย พบในประเทศจีนและไต้หวัน
วันนี้ (19 ธ.ค.) นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์กรณีหญิงชาวจีนวัย 73 ปี เสียชีวิตจากการติดเชื้อไข้หวัดนกสายพันธุ์ เอช10เอ็น8 เป็นรายแรก ซึ่งไม่เคยพบการติดต่อสู่คนมาก่อน โดยหญิงดังกล่าวมีอาการปอดบวม มีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกมาก่อน และเสียชีวิตในวันที่ 6 ธันวาคม 2556 ว่า คณะกรรมการวางแผนครอบครัวและสุขภาพแห่งชาติของประเทศจีนยืนยันผู้ป่วยที่เสียชีวิตจากไข้หวัดนกสายพันธุ์ เอช10เอ็น8 เป็นผู้ป่วยรายแรก ซึ่งน่าจะเป็นการติดมาจากสัตว์ จากการสอบสวนโรคเบื้องต้นพบว่า ผู้ป่วยอาศัยอยู่ในเขตมณฑลเจียงซี มีประวัติเดินทางไปตลาดสดค้าสัตว์ปีกในท้องถิ่นเข้ารับรักษาในโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2556 และเสียชีวิตด้วยอาการปอดอักเสบรุนแรง เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2556 โดยทางการจีนได้เฝ้าระวังคนในครอบครัวและผู้สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย ขณะนี้ทุกคนไม่มีอาการผิดปกติและจัดระบบการเฝ้าระวังป้องกันควบคุมโรคในพื้นที่ติดชายแดนทุกจุด
นพ.ณรงค์ กล่าวอีกว่า สำหรับประเทศไทยยังไม่เคยมีรายงานพบผู้ป่วยไข้หวัดนก ทั้งสายพันธุ์ เอช10เอ็น8 และ เอช7เอ็น5 ชนิดที่พบในประเทศจีน เคยพบเฉพาะสายพันธุ์ เอช5เอ็น1 (H5N1) ซึ่งเป็นเชื้อที่มีความรุนแรง ในช่วงปี 2547-2549 และไม่มีรายงานผู้ป่วยติดต่อกันจนถึงขณะนี้รวมกว่า 6 ปี โดยไทยมีระบบการเฝ้าระวังโรคไข้หวัดนกทั้งในคนและสัตว์ปีกอย่างต่อเนื่อง ทำงานร่วมกัน 3 กระทรวง คือกระทรวงสาธารณสุข เฝ้าระวังในคน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเฝ้าระวังในนกธรรมชาติ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สุ่มตรวจสัตว์ปีกภายในประเทศ ทั้งนี้ สธ.ได้ให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง กทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำการเฝ้าระวังการติดเชื้อโรคไข้หวัดนกในคนทุกสายพันธุ์ โดยให้โรงพยาบาลทุกแห่งเอาใจใส่ตรวจสอบผู้ป่วยโรคทางเดินหายใจที่มีอาการรุนแรงทุกราย และดำเนินการสอบสวนโรค พร้อมทั้งเก็บตัวอย่างส่งตรวจหาสาเหตุการป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีประวัติเสี่ยง เช่น สัมผัสหรืออยู่ในพื้นที่มีสัตว์ปีกป่วย ตาย หรือได้เดินทางไปประเทศที่มีการระบาดของโรค พร้อมทั้งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ตรวจยืนยันเชื้อ
ด้าน นพ.โสภณ เมฆธน อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การป้องกันโรคไข้หวัดนก ขอให้ประชาชนรับประทานเนื้อไก่และไข่ที่ปรุงสุก หลีกเลี่ยงการคลุกคลีสัมผัสกับสัตว์ปีก หากไปที่ตลาดค้าสัตว์ปีกมีชีวิตควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ กรงขังสัตว์ และพื้นตลาด ไม่นำสัตว์ปีกที่ป่วยมีอาการหงอย ซึม ขนยุ่ง หรือป่วยตายมาชำแหละเป็นอาหารอย่างเด็ดขาด ล้างมือด้วยน้ำและสบู่บ่อยๆ และทุกครั้งหลังสัมผัสสัตว์ปีก หากเป็นไข้ ไอ ปวดเมื่อยร่างกาย และเคยสัมผัสสัตว์ปีก หรือใกล้ชิดกับผู้ป่วยปอดบวมมาก่อนให้รีบไปพบแพทย์ พร้อมแจ้งประวัติสัมผัสสัตว์ปีกและประวัติการเดินทางด้วย หากพบสัตว์ปีกป่วยตายผิดปกติ ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อสม.หรือผู้นำชุมชน เพื่อป้องกันควบคุมโรคและนำตัวอย่างสัตว์ปีกไปตรวจพิสูจน์เชื้อทางห้องปฏิบัติการต่อไปสำหรับสถานการณ์โรคไข้หวัดนกสายพันธุ์ เอช5เอ็น1 ทั่วโลก ตั้งแต่ปี 2546 - 10 ธันวาคม 2556 องค์การอนามัยโลกรายงานผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อไข้หวัดนกรวม 648 ราย เสียชีวิต 384 ราย ใน 15 ประเทศ ได้แก่ อาเซอร์ไบจาน บังกลาเทศ กัมพูชา จีน สาธารณรัฐจิบูตี อียิปต์ อินโดนีเซีย อิรัก ลาว พม่า ไนจีเรีย ปากีสถาน ไทย ตุรกี และเวียดนาม สำหรับสายพันธุ์ เอช7เอ็น9 ตั้งแต่มีนาคม - 25 ตุลาคม 2556 พบผู้ป่วยทั้งหมด 137 ราย เสียชีวิต 45 ราย พบในประเทศจีนและไต้หวัน