ศิริราชฟุ้งค่ายเบาหวานช่วยผู้ป่วยปรับพฤติกรรม เจาะเลือดตรวจน้ำตาลด้วยตัวเองเป็น เพื่อควบคุมอาหารไม่ให้น้ำตาลสูงหรือต่ำเกินไป รู้จักการออกกำลังกาย เผยจัดยาวนานกว่า 20 ปี บุคลากรมีความชำนาญ ช่วยผู้ป่วยไม่รู้สึกเบาหวานเป็นอุปสรรคการใช้ชีวิต
รศ.พญ.สุภาวดี ลิขิตมาศกุล กุมารแพทย์ต่อมไร้ท่อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และประธานศูนย์เบาหวานศิริราช กล่าวว่า รพ.ศิริราช มีผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวานในทุกสาขา ซึ่งต่างก็มีความเชื่อมโยงกันในการรักษา แต่สิ่งที่ รพ.ศิริราช เน้นก็คือ การให้ผู้ป่วยเบาหวานมีความรู้ในการดูแลตนเอง เพราะกระบวนการรักษาที่ดีที่สุดคือปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ซึ่งผู้ป่วยต้องมีส่วนร่วมอย่างมากและไม่ใช่เรื่องของแพทย์เพียงอย่างเดียว ดังนั้น ผู้ป่วยต้องมีความรู้ในเรื่องการกิน การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการป้องกันภาวะแทรกซ้อน
รศ.พญ.สุภาวดี กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา รพ.ศิริราช จึงจัดค่ายให้ความรู้ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ที่ต้องฉีดยาทุกวัน โดยฝึกให้ผู้ป่วยรู้จักการเจาะเลือดเพื่อดูปริมาณน้ำตาลในเลือดด้วยตัวเองว่า ปริมาณน้ำตาลในเลือดเป็นอย่างไร เพื่อนำมาใช้ปรับพฤติกรรมการกินในแต่ละมื้อในแต่ละวัน เพื่อไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำจนเกินไป และเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลัน ทั้งนี้ ค่ายดังกล่าวจะใช้ระยะเวลาฝึกอบรม 5 วัน 4 คืน หากเป็นเด็กและวัยรุ่นจะให้ค้างคืนที่ รพ.ศิริราช ส่วนกลุ่มผู้ใหญ่จะเป็นลักษณะมาเช้าเย็นกลับ โดยในค่ายจะมีการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานเบื้องต้น การกินอาหาร การใช้ชีวิตและการออกกำลังกายด้วย
รศ.พญ.สุภาวดี กล่าวต่อว่า ค่ายดังกล่าวจะมีนักโภชนาการและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเบาหวานอยู่กับผู้ป่วยตลอด ทำให้ผู้ป่วยมีประสบการณ์และรู้ว่าการใช้ชีวิตที่ถูกต้องคืออะไร รู้ว่าการออกกำลังกายต้องทำอย่างไร และหลังออกจากค่ายแล้วจะมีการจัดเป็นชมรมในการเรียนรู้ร่วมกันของผู้ป่วย หรือหลังจากอบรมผู้ป่วยเกิดมีคำถาม โรงพยาบาลก็จะมีโค้ชคอยดูแลให้คำปรึกษากับผู้ป่วย ทั้งนี้ ค่ายเบาหวานชนิดที่ 1 มีการจัดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2533 แต่จะเป็นการจัดอบรมแบบปีเว้นปี ทำให้บุคลากรมีประสบการณ์ตรง ไม่ใช่แค่เรื่องทฤษฎี ทำให้ผู้ป่วยที่เข้าอบรมมีการพัฒนาที่ดี ไม่เป็นอุปสรรคในการเรียนและการใช้ชีวิต
รศ.พญ.สุภาวดี ลิขิตมาศกุล กุมารแพทย์ต่อมไร้ท่อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล และประธานศูนย์เบาหวานศิริราช กล่าวว่า รพ.ศิริราช มีผู้เชี่ยวชาญด้านเบาหวานในทุกสาขา ซึ่งต่างก็มีความเชื่อมโยงกันในการรักษา แต่สิ่งที่ รพ.ศิริราช เน้นก็คือ การให้ผู้ป่วยเบาหวานมีความรู้ในการดูแลตนเอง เพราะกระบวนการรักษาที่ดีที่สุดคือปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน ซึ่งผู้ป่วยต้องมีส่วนร่วมอย่างมากและไม่ใช่เรื่องของแพทย์เพียงอย่างเดียว ดังนั้น ผู้ป่วยต้องมีความรู้ในเรื่องการกิน การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการป้องกันภาวะแทรกซ้อน
รศ.พญ.สุภาวดี กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา รพ.ศิริราช จึงจัดค่ายให้ความรู้ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 ที่ต้องฉีดยาทุกวัน โดยฝึกให้ผู้ป่วยรู้จักการเจาะเลือดเพื่อดูปริมาณน้ำตาลในเลือดด้วยตัวเองว่า ปริมาณน้ำตาลในเลือดเป็นอย่างไร เพื่อนำมาใช้ปรับพฤติกรรมการกินในแต่ละมื้อในแต่ละวัน เพื่อไม่ให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำจนเกินไป และเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนเฉียบพลัน ทั้งนี้ ค่ายดังกล่าวจะใช้ระยะเวลาฝึกอบรม 5 วัน 4 คืน หากเป็นเด็กและวัยรุ่นจะให้ค้างคืนที่ รพ.ศิริราช ส่วนกลุ่มผู้ใหญ่จะเป็นลักษณะมาเช้าเย็นกลับ โดยในค่ายจะมีการให้ความรู้เกี่ยวกับโรคเบาหวานเบื้องต้น การกินอาหาร การใช้ชีวิตและการออกกำลังกายด้วย
รศ.พญ.สุภาวดี กล่าวต่อว่า ค่ายดังกล่าวจะมีนักโภชนาการและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเบาหวานอยู่กับผู้ป่วยตลอด ทำให้ผู้ป่วยมีประสบการณ์และรู้ว่าการใช้ชีวิตที่ถูกต้องคืออะไร รู้ว่าการออกกำลังกายต้องทำอย่างไร และหลังออกจากค่ายแล้วจะมีการจัดเป็นชมรมในการเรียนรู้ร่วมกันของผู้ป่วย หรือหลังจากอบรมผู้ป่วยเกิดมีคำถาม โรงพยาบาลก็จะมีโค้ชคอยดูแลให้คำปรึกษากับผู้ป่วย ทั้งนี้ ค่ายเบาหวานชนิดที่ 1 มีการจัดขึ้นมาตั้งแต่ปี 2533 แต่จะเป็นการจัดอบรมแบบปีเว้นปี ทำให้บุคลากรมีประสบการณ์ตรง ไม่ใช่แค่เรื่องทฤษฎี ทำให้ผู้ป่วยที่เข้าอบรมมีการพัฒนาที่ดี ไม่เป็นอุปสรรคในการเรียนและการใช้ชีวิต