ร.ร.เอกชนอ่วม! เจอเก็บภาษีโรงเรือนอัตราภาษีธุรกิจ สช.เร่งประสานกรมสรรพากร ออกพระราชกฤษฎีกาลดหย่อนภาษีเสนอคิดขั้นต่ำสุด 1-2% พร้อมขายไอเดีย 1 สถานบริการ 1 ทุน หวังสร้างแรงจูงใจเด็กเรียนอาชีวะเอกชน และเกิดการจัดการศึกษาทวิภาคีได้ผล 100%
นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรรมการขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมภาคเอกชนร่วมจัดและสนับสนุนการศึกษา เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์การจัดการศึกษาของเอกชน ที่ขณะนี้ประสบปัญหาในหลายด้านโดยเฉพาะการสนับสนุนจากภาครัฐ ปัญหาการคิดอัตราภาษีโรงเรือน ซึ่งปัจจุบันการคิดอัตราภาษีจะขึ้นอยู่กับการประเมินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทำให้ผลการประเมินมีความหลากหลาย อีกทั้งอัตราภาษีก็คิดในรูปแบบธุรกิจบริการซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสถานศึกษา เนื่องจากการจัดธุรกิจการศึกษาไม่ใช่ธุรกิจที่มีรายได้เหมือนธุรกิจบริการต่างๆ ที่มีรายได้มาก ซึ่งขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) อยู่ระหว่างประสานกรมสรรพากร เพื่อขอให้ออกพระราชกฤษฎีกายกเว้นภาษีอากรการโอนภาษีที่ดินให้แก่สถานศึกษาเอกชน ซึ่งที่ผ่านมาเคยเสนอขอให้คิดในอัตราต่ำสุดที่ 1-2% ขณะเดียวกัน ยังมีปัญหาในเรื่องของการเสียภาษีนำเข้าสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัยจากต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมามีการคิดในอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โรงเรียนเอกชนส่วนใหญ่เสนอว่าอยากให้มีการลดหย่อนภาษี หรือคิดในอัตราภาษีการศึกษาแทน
“ขณะนี้มีเสียงสะท้อนจากสถานประกอบการด้วยว่าการจัดการศึกษาระบบทวิภาคีนั้นยังไม่มีผู้เรียนเข้าร่วมตามเป้าหมายอย่างพอเพียง จึงเสนอว่าอยากให้อาชีวศึกษาเอกชนเข้าร่วมกับสถานประกอบการในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี 100% นอกจากนี้ มีข้อเสนอด้วยว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่สถานประกอบการในตำบล หรือในจังหวัดที่อยากได้คนเข้าทำงานจัดสรรทุนให้เด็กอาชีวะ โดยทำเป็นโครงการ 1 สถานประกอบการ 1 ทุน หรือ 1 ตำบล 1 ทุน ซึ่งจะมีรูปแบบคล้าย 1 อำเภอ 1 ทุน ซึ่งจะเป็นการจูงใจ และส่งเสริมคนมาเรียนอาชีวะเพราะได้เรียนฟรี หรืออาจจะจูงใจว่าเมื่อมาเรียนจบแล้วมีงานทำในสถานประกอบการด้วย” ปลัด ศธ. กล่าว
นางสุทธศรี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีปัญหาความล่าช้าในเรื่องการขออนุมัติหลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียนเอกชน วิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชน ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าควรจะไปทบทวนและแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องหากจำเป็นที่ต้องแก้ไขเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม จากปัญหาต่างๆ ที่ประชุมจึงได้ตั้งคณะทำงาน 3 ชุดเพื่อดูแล ได้แก่ คณะทำงานที่มีหน้าที่ดูแลปัญหาภาษีโรงเรือน การลดหย่อนภาษี คณะทำงานดูแลกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคในการจัดการศึกษาเอกชน คณะทำงานที่ส่งเสริมการเพิ่มผู้เรียนอาชีวศึกษาเอกชน ซึ่งจะรวมถึงการดูแลการจัดการศึกษาให้ได้คุณภาพมาตรฐาน และผลิตกำลังคนอาชีวศึกษาเอกชนให้สอดคล้องต่อความต้องการของภาคเอกชนด้วย
นางสุทธศรี วงษ์สมาน ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรรมการขับเคลื่อนนโยบายส่งเสริมภาคเอกชนร่วมจัดและสนับสนุนการศึกษา เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์การจัดการศึกษาของเอกชน ที่ขณะนี้ประสบปัญหาในหลายด้านโดยเฉพาะการสนับสนุนจากภาครัฐ ปัญหาการคิดอัตราภาษีโรงเรือน ซึ่งปัจจุบันการคิดอัตราภาษีจะขึ้นอยู่กับการประเมินขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทำให้ผลการประเมินมีความหลากหลาย อีกทั้งอัตราภาษีก็คิดในรูปแบบธุรกิจบริการซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสถานศึกษา เนื่องจากการจัดธุรกิจการศึกษาไม่ใช่ธุรกิจที่มีรายได้เหมือนธุรกิจบริการต่างๆ ที่มีรายได้มาก ซึ่งขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) อยู่ระหว่างประสานกรมสรรพากร เพื่อขอให้ออกพระราชกฤษฎีกายกเว้นภาษีอากรการโอนภาษีที่ดินให้แก่สถานศึกษาเอกชน ซึ่งที่ผ่านมาเคยเสนอขอให้คิดในอัตราต่ำสุดที่ 1-2% ขณะเดียวกัน ยังมีปัญหาในเรื่องของการเสียภาษีนำเข้าสื่อการเรียนการสอนที่ทันสมัยจากต่างประเทศ ซึ่งที่ผ่านมามีการคิดในอัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ โรงเรียนเอกชนส่วนใหญ่เสนอว่าอยากให้มีการลดหย่อนภาษี หรือคิดในอัตราภาษีการศึกษาแทน
“ขณะนี้มีเสียงสะท้อนจากสถานประกอบการด้วยว่าการจัดการศึกษาระบบทวิภาคีนั้นยังไม่มีผู้เรียนเข้าร่วมตามเป้าหมายอย่างพอเพียง จึงเสนอว่าอยากให้อาชีวศึกษาเอกชนเข้าร่วมกับสถานประกอบการในการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคี 100% นอกจากนี้ มีข้อเสนอด้วยว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่สถานประกอบการในตำบล หรือในจังหวัดที่อยากได้คนเข้าทำงานจัดสรรทุนให้เด็กอาชีวะ โดยทำเป็นโครงการ 1 สถานประกอบการ 1 ทุน หรือ 1 ตำบล 1 ทุน ซึ่งจะมีรูปแบบคล้าย 1 อำเภอ 1 ทุน ซึ่งจะเป็นการจูงใจ และส่งเสริมคนมาเรียนอาชีวะเพราะได้เรียนฟรี หรืออาจจะจูงใจว่าเมื่อมาเรียนจบแล้วมีงานทำในสถานประกอบการด้วย” ปลัด ศธ. กล่าว
นางสุทธศรี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ยังมีปัญหาความล่าช้าในเรื่องการขออนุมัติหลักสูตรการเรียนการสอนของโรงเรียนเอกชน วิทยาลัยอาชีวศึกษาเอกชน ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าควรจะไปทบทวนและแก้ไขกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องหากจำเป็นที่ต้องแก้ไขเพื่อให้การดำเนินการเป็นไปอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม จากปัญหาต่างๆ ที่ประชุมจึงได้ตั้งคณะทำงาน 3 ชุดเพื่อดูแล ได้แก่ คณะทำงานที่มีหน้าที่ดูแลปัญหาภาษีโรงเรือน การลดหย่อนภาษี คณะทำงานดูแลกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคในการจัดการศึกษาเอกชน คณะทำงานที่ส่งเสริมการเพิ่มผู้เรียนอาชีวศึกษาเอกชน ซึ่งจะรวมถึงการดูแลการจัดการศึกษาให้ได้คุณภาพมาตรฐาน และผลิตกำลังคนอาชีวศึกษาเอกชนให้สอดคล้องต่อความต้องการของภาคเอกชนด้วย