เอเจนซีส์ - “ทวิตเตอร์” สื่อสังคมยอดนิยม เตรียมเปิดตัวซื้อขายในตลาดวอลล์สตรีทวันพฤหัสบดี (7 พ.ย.) ตั้งราคาหุ้นละ 26 ดอลลาร์ คาดระดมทุนได้ 2,100 ล้านดอลลาร์ และนับเป็นการทำไอพีโอที่มีคนตั้งตารอมากที่สุดหลังจาก “เฟซบุ๊ก”
ทวิตจากบริษัทแห่งนี้ระบุว่า จะมีการนำหุ้นออกเสนอขายต่อสาธารณชนครั้งแรก (ไอพีโอ) 70 ล้านหุ้นในตลาดนิวยอร์กวันพฤหัสบดี รวมมูลค่า 1,820 ล้านดอลลาร์ และให้เวลาอันเดอร์ไรเตอร์ 30 วันในการซื้อหุ้นสามัญที่กันไว้ 10.5 ล้านหุ้นเพิ่มเติม
มูลค่าการทำไอพีโอครั้งนี้เท่ากับตีราคาว่า ทวิตเตอร์ บริษัทบริการข้อความในอินเทอร์เน็ตยอดนิยมในหมู่คนดัง นักข่าว ผู้นำทางการเมือง และบุคคลทั่วไป มีมูลค่าตลาดราว 14,400 ล้านดอลลาร์ และถือเป็นการทำไอพีโอในหุ้นกลุ่มไฮเทคที่มีมูลค่ามากที่สุดอันดับ 2 รองจากความพยายามของเฟซบุ๊กเมื่อปีที่แล้วที่มีมูลค่า 16,000 ล้านดอลลาร์ และมากกว่าการเสนอขายหุ้นของกูเกิลเมื่อปี 2004 ที่ระดมทุนได้ 1,920 ล้านดอลลาร์ ทั้งนี้ จากข้อมูลของบริษัทวิจัย ดีลโลจิก
หุ้นของทวิตเตอร์จะถูกนำออกขายต่อสาธารณชน 12.8-14.5% ขึ้นอยู่กับผลการเสนอขายหุ้นสามัญต่ออันเดอร์ไรเตอร์ สำหรับหุ้นที่เหลือนั้นอยู่ในมือของผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นเริ่มแรกกลุ่มเล็กๆ
นักวิเคราะห์จำนวนมากมองว่า แม้ฝังตัวเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมยอดนิยมอย่างรวดเร็ว แต่ทวิตเตอร์ยังต้องโน้มน้าวนักลงทุนให้เชื่อมั่นในรูปแบบธุรกิจของบริษัท หลังจากขาดทุนกว่า 440 ล้านดอลลาร์นับจากปี 2010 ความทรงจำเกี่ยวกับในการทำไอพีโอของเฟซบุ๊กที่ไม่เปรี้ยงปร้างอย่างคาด อาจกลับมาหลอกหลอนทวิตเตอร์ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ การที่เสน่ห์ของทวิตเตอร์ในหลายส่วนของเอเชียที่ถือเป็นตลาดที่โตเร็วที่สุด โดยเฉพาะญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เริ่มเจือจางลง เนื่องจากผู้ใช้เห็นว่า บริการของทวิตเตอร์เปิดกว้างเกินไป แออัดเกินไป และยากเกินไปนั้น ยังเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่บริษัทแห่งนี้กำลังเผชิญขณะพยายามมัดใจผู้ใช้นอกอเมริกา รวมทั้งบากบั่นสร้างรายได้จากโฆษณาให้มากพอถึงระดับที่ทำกำไรได้
ทั้งนี้ ผู้ใช้นอกสหรัฐฯ บ้านเกิดของทวิตเตอร์ มีจำนวนคิดเป็นสัดส่วนถึงราว 3 ใน 4 ของยอดสมาชิกทั้งหมด แต่สร้างรายได้ให้บริษัทเพียง 1 ใน 3 ในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ และ 25% ของผู้ใช้ที่ใช้เป็นประจำทั้งหมด 232 ล้านคน อยู่ในเอเชีย
กระนั้น นักวิเคราะห์บางคนเชื่อว่า ด้วยจำนวนผู้ใช้ 232 ล้านคนทั่วโลกและยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ทวิตเตอร์อาจทำกำไรได้จากการนำเสนอโฆษณาในรูปทวิตโปรโมทสินค้าและบริการ และการวิเคราะห์ข้อมูล
บริษัทวิจัย อีมาร์เก็ตเตอร์ ประเมินว่า ทวิตเตอร์จะทำรายได้จากโฆษณาได้ 582.8 ล้านในปีนี้ และเกือบ 1,000 ล้านในปีหน้า
อีเดน โซลเลอร์ จากบริษัทที่ปรึกษา โอวุม แนะนำว่า ทวิตเตอร์ต้องแสดงให้นักลงทุนเห็นว่า มีรูปแบบธุรกิจที่ยั่งยืน ซึ่งกุญแจสำคัญคือ การสร้างนวัตกรรมด้านบริการและโฆษณาเพื่อดึงลูกค้าไว้ให้ได้ควบคู่กับการขยายรายได้จากโฆษณา
ทว่า ยังมีนักวิเคราะห์หลายคนเห็นว่า โมเดลธุรกิจของทวิตเตอร์ยังไม่ได้ผ่านการพิสูจน์ ขณะที่แนวโน้มสื่อสังคมเป็นสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ดังนั้น จึงไม่อาจยืนยันได้ว่า ทวิตเตอร์มีราคาสมกับที่ตั้งไว้หรือไม่
รายงานจากบริษัทการลงทุน สเติร์น เอจีขานรับว่า ทวิตเตอร์ตั้งมูลค่าตัวเองสูงกว่าเพื่อนร่วมวงการอย่างเฟซบุ๊ก, ลิงด์อิน และเยลป์ ถึงกว่า 50%
นอกจากทวิตเตอร์แล้ว หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัล รายงานว่า ยังมีบริษัทไฮเทคอีกแห่งกำลังชั่งใจร่วมกระแสไอพีโอด้วย ได้แก่ สแควร์ ที่บริหารโดยแจ็ค ดอร์ซีย์ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งทวิตเตอร์ โดยสแควร์อาจนำหุ้นออกขายปีหน้า