นร.สวนกุหลาบปทุม ฯ บุก ศธ.ยื่นหนังสือถึงมือ “จาตุรนต์” วอนปลด ผอ.ร.ร.ระบุบริหารงานส่อในทางไม่โปร่งใส ทั้งโครงการนมถั่วเหลือง การให้เอกชนมาเปิดร้านขายของแทนตั้งสหกรณ์โรงเรียน รวมทั้งตัดงบทีมฟุตบอล ชี้รวมตัวขับไล่ตั้งแต่ 11 พ.ย.มีตัวแทนเขตฯมารับเรื่อง แต่ก็เงียบหาย พร้อมตั้งคำถาม ผอ.ติดคดีอนาจาร นร.จากโรงเรียนเดิม ทำไมยังส่งมาเป็น ผอ.ร.ร.อีก ขณะที่ ผอ.ร.ร.โบ้ยโครงการนมฯ ให้ถามฝ่ายคหกรรม ย้ำไม่เกี่ยวข้อง
วันนี้ (18 พ.ย.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนนักเรียนประมาณ 30 คน จากโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย ปทุมธานี ได้เดินทางมายื่นหนังสือกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ เพื่อขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนายสาทร สมบุญ ผู้อำนวยการโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบฯ ซึ่งย้ายบริหารงานประมาณ 2 ปี โดยนายจาตุรนต์ ได้รับหนังสือร้องเรียนด้วยตัวเอง และมอบให้ นายกมล รอดคล้าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) รับเรื่องไปดูแลแทนนายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการ กพฐ.ซึ่งเดินทางไปราชการที่ต่างจังหวัด
ตัวแทนนักเรียนชั้น ม.6 กล่าวว่า กลุ่มนักเรียนทุกชั้นปีกว่า 1,500 คน จากประมาณ 2,000 คน ได้ร่วมชุนนุมที่โรงเรียนเพื่อขับไล่ ผอ.โรงเรียน มาตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา และในวันเดียวกันก็ได้ล่ารายชื่อผู้ที่ต้องการขับไล่ ผอ.โรงเรียน ซึ่งมีนักเรียนร่วมลงชื่อประมาณ 1,300 รายชื่อ โดยสาเหตุที่นักเรียนต่างออกมาขับไล่ ผอ.โรงเรียน เพราะไม่พอใจการบริหารของ นายสาทร ซึ่งส่อแนวโน้มว่าจะเป็นการบริหารงานที่ไม่โปร่งใส อาทิ โครงการนมถั่วเหลือง การเปิดเอกชนเข้ามาเปิดร้านค้าในโรงเรียนแทนการจัดตั้งสหกรณ์โรงเรียน เป็นต้น
“โครงการนมถั่วเหลืองนั้น ผอ.สาทร เป็นผู้ริเริ่มโครงการขึ้นมา โดยขอเก็บเงินนักเรียนทุกคนภาคเรียนละ 200 บาท เพื่อนำไปจัดหานมถั่วเหลืองมาบริการเด็กทุกคนตลอดทั้งวัน แต่ปรากฏว่าจัดเตรียมนมถั่วเหลืองไว้แค่วันละ 4 คูลเลอร์เท่านั้น ไม่เพียงพอสำหรับให้นักเรียนทั้ง 2,000 คนได้ดื่มตลอดวัน แค่ช่วงสายๆ นมถั่วเหลืองก็หมดแล้ว ทั้งๆ ที่เงินที่เก็บได้จาก นร.นั้น รวมกันแล้วเก็บได้ถึงประมาณภาคเรียน 400,000 บาท แต่เท่าที่รู้มา งบประมาณที่ใช้สำหรับจัดเตรียมนมถั่วเหลืองตลอดภาคเรียนแค่ 160,000 บาทเท่านั้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเงินที่เหลือไปไหน และยังมีกรณีสั่งยุบร้านน้ำผลไม้และนมสด ซึ่งครูและแม่บ้านของ ร.ร.ร่วมกันเปิดบริการมากว่า 20 ปีแล้วให้เอกชนมาดำเนินการแทน รวมถึงให้เอกชนมาเปิดร้านค้าในโรงเรียนแทนที่จะจัดตั้งสหกรณ์ของโรงเรียนขึ้นมาดำเนินการเอง นอกจากนี้ ยังตัดงบประมาณของทีมฟุตบอลโรงเรียนด้วย ไม่มีเงินสนับสนุนทั้งค่ารถ ค่าอาหาร และไม่ยอมเงินให้โค้ชภายนอกที่จ้างมาด้วย” นักเรียนชั้น ม.6 กล่าว
ขณะที่ นักเรียนชั้น ม.6 อีกราย ให้ข้อมูลว่า งบประมาณของโรงเรียนถูกนำไปใช้ไม่ถูกจุดด้วย ทั้งๆ ที่ นายสาทร รู้อยู่ว่า ห้องเรียนขาดแคลนโต๊ะเรียน เพราะบางส่วนชำรุดไปตามเวลา และนักเรียนก็ได้ขอให้จัดงบประมาณสำหรับซื้อโต๊ะเรียน เก้าอี้เพิ่ม แต่กลับถูกปฏิเสธว่าไม่มีงบประมาณ เด็กบางคนต้องปูเสื่อนั่งเรียนแทนเป็นที่น่าอเนจอนาถ แต่ นายสาทร กลับสั่งทาสีห้องเรียนและใช้งบประมาณต่อห้องสูงถึง 21,000 บาท โดยอ้างว่าเป็นสีคุณภาพสีทนทานเป็นสิบปี แต่ปัจจุบันสีก็เริ่มลอกแล้ว
“ ก่อนจะมาดำรงตำแหน่งที่นี่ นายสาทรได้ถูกฟ้องในคดีอาญา ทำอนาจารเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ในโรงเรียนคดียังอยู่ในการพิจารณาของศาล เพราะฉะนั้นก็ไม่เข้าใจ ทำไมยังส่งคนที่มีคดีอนาจารติดตัวมาเป็น ผอ.ที่โรงเรียน เพราะฉะนั้น จากเหตุผลหลายเรื่องข้างต้น คณะนักเรียนจึงมายื่นหนังสือต่อ รมว.ศึกษาธิการ และ สพฐ.เพื่อขอให้ปลด นายสาทร ออกจากการเป็น ผอ.โรงเรียนนี้ และให้ตรวจสอบการบริหารงานของนายสาทรด้วย อย่างไรก็ตาม ในการชุมนุมในวันที่ 11 พ.ย.มีตัวแทนสำนักเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 ได้มารับเรื่องจากตัวแทนนักเรียนไปแล้ว แต่เห็นเรื่องเงียบหาย นักเรียนจึงรวมตัวกันมายื่นข้อเรียกร้องกับ รมว.ศึกษาธิการ เอง” นักเรียน ม.6 กล่าว
ด้าน นายสาทร กล่าวต่อไปว่า การบริหารงานของตนนั้นดำเนินการตามนโยบายของ ศธ.คณะกรรมการสถานศึกษา และชุมชนเป็นหลัก ซึ่งตลอดเวลาที่เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนมา 5-6 แห่ง ก็บริหารงานด้วยความโปร่งใส และพร้อมให้ตรวจสอบได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ทราบมาว่าที่ผ่านมาไม่ว่าผู้อำนวยการโรงเรียนคนใดจะมาอยู่ที่แห่งนี้ ก็จะถูกไล่ทุกคน ตนจึงไม่ได้ใส่ใจกับเด็กกลุ่มนี้ โดยจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพราะเข้ามาช่วยสร้าง ไม่ได้เข้ามาช่วยทำลาย
“โครงการนมถั่วเหลืองที่เด็กร้องเรียนว่าจัดไว้ให้ไม่เพียงพอนั้น ในเรื่องนี้คงต้องสอบถามไปยังฝ่ายคหกรรมศาสตร์ เพราะทุกโครงการตนจะมอบให้แต่ละฝ่ายไปดำเนินการเลย ซึ่งตนจะไม่เข้าไม่เกี่ยวข้อง ส่วนที่ระบุว่าตัดงบประมาณของทีมฟุตบอล ก็ไม่เป็นความจริง เพราะมีแต่หางบฯเพิ่มให้ ซึ่งล่าสุดทอดผ้าป่าของโรงเรียนได้เงินกว่า 3 ล้านบาท ก็ได้แบ่งเงิน 1 ล้านบาท มาตั้งเป็นกองทุนฟุตบอล ส่วนเงินที่เหลือก็นำไปพัฒนาการศึกษาในส่วนอื่นๆ” นายสาทร กล่าว
วันนี้ (18 พ.ย.) ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตัวแทนนักเรียนประมาณ 30 คน จากโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบวิทยาลัย ปทุมธานี ได้เดินทางมายื่นหนังสือกับนายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ เพื่อขอให้ตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของนายสาทร สมบุญ ผู้อำนวยการโรงเรียนนวมินทราชินูทิศ สวนกุหลาบฯ ซึ่งย้ายบริหารงานประมาณ 2 ปี โดยนายจาตุรนต์ ได้รับหนังสือร้องเรียนด้วยตัวเอง และมอบให้ นายกมล รอดคล้าย รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) รับเรื่องไปดูแลแทนนายอภิชาติ จีระวุฒิ เลขาธิการ กพฐ.ซึ่งเดินทางไปราชการที่ต่างจังหวัด
ตัวแทนนักเรียนชั้น ม.6 กล่าวว่า กลุ่มนักเรียนทุกชั้นปีกว่า 1,500 คน จากประมาณ 2,000 คน ได้ร่วมชุนนุมที่โรงเรียนเพื่อขับไล่ ผอ.โรงเรียน มาตั้งแต่วันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา และในวันเดียวกันก็ได้ล่ารายชื่อผู้ที่ต้องการขับไล่ ผอ.โรงเรียน ซึ่งมีนักเรียนร่วมลงชื่อประมาณ 1,300 รายชื่อ โดยสาเหตุที่นักเรียนต่างออกมาขับไล่ ผอ.โรงเรียน เพราะไม่พอใจการบริหารของ นายสาทร ซึ่งส่อแนวโน้มว่าจะเป็นการบริหารงานที่ไม่โปร่งใส อาทิ โครงการนมถั่วเหลือง การเปิดเอกชนเข้ามาเปิดร้านค้าในโรงเรียนแทนการจัดตั้งสหกรณ์โรงเรียน เป็นต้น
“โครงการนมถั่วเหลืองนั้น ผอ.สาทร เป็นผู้ริเริ่มโครงการขึ้นมา โดยขอเก็บเงินนักเรียนทุกคนภาคเรียนละ 200 บาท เพื่อนำไปจัดหานมถั่วเหลืองมาบริการเด็กทุกคนตลอดทั้งวัน แต่ปรากฏว่าจัดเตรียมนมถั่วเหลืองไว้แค่วันละ 4 คูลเลอร์เท่านั้น ไม่เพียงพอสำหรับให้นักเรียนทั้ง 2,000 คนได้ดื่มตลอดวัน แค่ช่วงสายๆ นมถั่วเหลืองก็หมดแล้ว ทั้งๆ ที่เงินที่เก็บได้จาก นร.นั้น รวมกันแล้วเก็บได้ถึงประมาณภาคเรียน 400,000 บาท แต่เท่าที่รู้มา งบประมาณที่ใช้สำหรับจัดเตรียมนมถั่วเหลืองตลอดภาคเรียนแค่ 160,000 บาทเท่านั้น ซึ่งก็ไม่รู้ว่าเงินที่เหลือไปไหน และยังมีกรณีสั่งยุบร้านน้ำผลไม้และนมสด ซึ่งครูและแม่บ้านของ ร.ร.ร่วมกันเปิดบริการมากว่า 20 ปีแล้วให้เอกชนมาดำเนินการแทน รวมถึงให้เอกชนมาเปิดร้านค้าในโรงเรียนแทนที่จะจัดตั้งสหกรณ์ของโรงเรียนขึ้นมาดำเนินการเอง นอกจากนี้ ยังตัดงบประมาณของทีมฟุตบอลโรงเรียนด้วย ไม่มีเงินสนับสนุนทั้งค่ารถ ค่าอาหาร และไม่ยอมเงินให้โค้ชภายนอกที่จ้างมาด้วย” นักเรียนชั้น ม.6 กล่าว
ขณะที่ นักเรียนชั้น ม.6 อีกราย ให้ข้อมูลว่า งบประมาณของโรงเรียนถูกนำไปใช้ไม่ถูกจุดด้วย ทั้งๆ ที่ นายสาทร รู้อยู่ว่า ห้องเรียนขาดแคลนโต๊ะเรียน เพราะบางส่วนชำรุดไปตามเวลา และนักเรียนก็ได้ขอให้จัดงบประมาณสำหรับซื้อโต๊ะเรียน เก้าอี้เพิ่ม แต่กลับถูกปฏิเสธว่าไม่มีงบประมาณ เด็กบางคนต้องปูเสื่อนั่งเรียนแทนเป็นที่น่าอเนจอนาถ แต่ นายสาทร กลับสั่งทาสีห้องเรียนและใช้งบประมาณต่อห้องสูงถึง 21,000 บาท โดยอ้างว่าเป็นสีคุณภาพสีทนทานเป็นสิบปี แต่ปัจจุบันสีก็เริ่มลอกแล้ว
“ ก่อนจะมาดำรงตำแหน่งที่นี่ นายสาทรได้ถูกฟ้องในคดีอาญา ทำอนาจารเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ในโรงเรียนคดียังอยู่ในการพิจารณาของศาล เพราะฉะนั้นก็ไม่เข้าใจ ทำไมยังส่งคนที่มีคดีอนาจารติดตัวมาเป็น ผอ.ที่โรงเรียน เพราะฉะนั้น จากเหตุผลหลายเรื่องข้างต้น คณะนักเรียนจึงมายื่นหนังสือต่อ รมว.ศึกษาธิการ และ สพฐ.เพื่อขอให้ปลด นายสาทร ออกจากการเป็น ผอ.โรงเรียนนี้ และให้ตรวจสอบการบริหารงานของนายสาทรด้วย อย่างไรก็ตาม ในการชุมนุมในวันที่ 11 พ.ย.มีตัวแทนสำนักเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 4 ได้มารับเรื่องจากตัวแทนนักเรียนไปแล้ว แต่เห็นเรื่องเงียบหาย นักเรียนจึงรวมตัวกันมายื่นข้อเรียกร้องกับ รมว.ศึกษาธิการ เอง” นักเรียน ม.6 กล่าว
ด้าน นายสาทร กล่าวต่อไปว่า การบริหารงานของตนนั้นดำเนินการตามนโยบายของ ศธ.คณะกรรมการสถานศึกษา และชุมชนเป็นหลัก ซึ่งตลอดเวลาที่เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนมา 5-6 แห่ง ก็บริหารงานด้วยความโปร่งใส และพร้อมให้ตรวจสอบได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม ทราบมาว่าที่ผ่านมาไม่ว่าผู้อำนวยการโรงเรียนคนใดจะมาอยู่ที่แห่งนี้ ก็จะถูกไล่ทุกคน ตนจึงไม่ได้ใส่ใจกับเด็กกลุ่มนี้ โดยจะพยายามทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพราะเข้ามาช่วยสร้าง ไม่ได้เข้ามาช่วยทำลาย
“โครงการนมถั่วเหลืองที่เด็กร้องเรียนว่าจัดไว้ให้ไม่เพียงพอนั้น ในเรื่องนี้คงต้องสอบถามไปยังฝ่ายคหกรรมศาสตร์ เพราะทุกโครงการตนจะมอบให้แต่ละฝ่ายไปดำเนินการเลย ซึ่งตนจะไม่เข้าไม่เกี่ยวข้อง ส่วนที่ระบุว่าตัดงบประมาณของทีมฟุตบอล ก็ไม่เป็นความจริง เพราะมีแต่หางบฯเพิ่มให้ ซึ่งล่าสุดทอดผ้าป่าของโรงเรียนได้เงินกว่า 3 ล้านบาท ก็ได้แบ่งเงิน 1 ล้านบาท มาตั้งเป็นกองทุนฟุตบอล ส่วนเงินที่เหลือก็นำไปพัฒนาการศึกษาในส่วนอื่นๆ” นายสาทร กล่าว