ว่าที่อธิบดี กสร.มอบนโยบายข้าราชการในสังกัด เร่งแก้ปัญหาค้ามนุษย์-ใช้แรงงานเด็ก-ยาเสพติดในโรงงาน ส่งเสริมความสัมพันธ์นายจ้าง-ลูกจ้าง เล็งทำเอ็มโอยูกับสถานประกอบการ-หน่วยงานต่างๆ เดือน พ.ย.นี้
วันนี้ (7 พ.ย.) นายพานิช จิตต์แจ้ง ว่าที่อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน กล่าวในการประชุมขับเคลื่อนนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และการกดขี่แรงงานที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ กรุงเทพฯ โดยมีผู้บริหารและหัวหน้าส่วนราชการส่วนกลางและภูมิภาคเข้ารวมกว่า 100 คนว่า ขอให้หน่วยงานของ กสร.ทั้งส่วนกลางและภูมิภาคร่วมกันผลักดันภารกิจของ กสร.ตามของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (รมว.รง.) ใน 3 เรื่องคือ การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์โดยในเรื่องการใช้แรงงานเด็กนั้น จะเชิญชวนสถานประกอบการต่างๆ มาลงนามความร่วมมือ (เอ็มโอยู) และสัตยาบันร่วมกันเพื่อไม่มีการใช้แรงงานเด็กโดยเด็ดขาด และจะมีการส่งคณะกรรมการไปตรวจทุกปีและออกหนังสือรับรอง ขณะเดียวกันในส่วนของแรงงานภาคประมง ก็จะทำเอ็มโอยูกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กรมเจ้าท่า กรมประมง ตำรวจน้ำไม่ให้มีการใช้แรงงานบังคับ และ กสร.จะแต่งตั้งเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมเจ้าท่า ตำรวจน้ำ ให้เป็นพนักงานตรวจแรงงาน ทั้งนี้ ในสองเรื่องนี้คาดว่าจะมีการทำเอ็มโอยูในเดือน พ.ย.นี้
นายพานิช กล่าวอีกว่า ส่วนการแก้ปัญหายาเสพติด จะเร่งขยายผลโครงการโรงงานสีขาวให้มากที่สุด และจะมีการออกเกณฑ์มาตรฐานป้องกันยาเสพติดในสถานประกอบการเพื่อให้สถานประกอบการที่เป็นโรงงานสีขาวนำไปใช้ในการดำเนินการป้องกันยาเสพติดให้เป็นโรงงานสีขาวอย่างยั่งยืน โดยมีการประเมินทุก 3 ปี รวมทั้งให้ส่งเสริมแรงงานสัมพันธ์เพื่อให้นายจ้างและลูกจ้างมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ลดข้อพิพาทโดยเฉพาะศูนย์แรงงานสัมพันธ์ภาคทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ จ.พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา ชลบุรี ราชบุรี และภูเก็ต จะต้องทำงานให้เข้มข้นขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาสถิติข้อพิพาทระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างแต่ละปียังเท่าเดิม ไม่ได้ลดลง และช่วงนี้อยู่ในปลายปีสหภาพแรงงานแต่ละแห่งจะยื่นข้อเรียกร้องโบนัสและสวัสดิการต่างๆ จึงขอให้สำนักงานสวัสดิการจังหวัดต่างๆ และศูนย์แรงงานสัมพันธ์ภาคทั้ง 5 แห่ง ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับนายจ้างและลูกจ้างเพื่อลดข้อขัดแย้ง หากมีข้อพิพาทก็ต้องเร่งเข้าไปช่วยเจรจาเพื่อให้ข้อพิพาทได้ข้อยุติในพื้นที่ แต่หากแก้ไขปัญหาไม่ได้ก็ขอให้แจ้งมายัง กสร.
"ผมจะเร่งส่งเสริมเรื่องความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานโดยจะเร่งจัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) และจะทำเอ็มโอยูร่วมกับมหาวิทยาลัย 29 แห่ง สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสถานประกอบการในการผลิตบัณฑิตด้านความปลอดภัยและส่งเสริมให้นักศึกษามหาวิทยาลัยและอาชีวศึกษาฝึกงานในสถานประกอบการเพื่อให้มีความรู้และมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน อีกทั้งจะจัดทำร่างมาตรฐานแรงงานไทย (มรท.) 18,000 ด้านความปลอดภัยในสถานประกอบการ เพื่อให้สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กนำไปใช้ได้ง่าย และดูแลแรงงานนอกระบบ 24 ล้านคน ให้ได้รับการคุ้มครองดูแลเท่าเทียมกับแรงงานในระบบโดย กสร.จะจัดทำร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงานนอกระบบ เร็วๆ นี้จะตั้งคณะทำงานศึกษาการจัดทำร่างกฎหมาย ” นายพานิช กล่าว
วันนี้ (7 พ.ย.) นายพานิช จิตต์แจ้ง ว่าที่อธิบดีกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน (กสร.) กระทรวงแรงงาน กล่าวในการประชุมขับเคลื่อนนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์และการกดขี่แรงงานที่โรงแรมรอยัลริเวอร์ กรุงเทพฯ โดยมีผู้บริหารและหัวหน้าส่วนราชการส่วนกลางและภูมิภาคเข้ารวมกว่า 100 คนว่า ขอให้หน่วยงานของ กสร.ทั้งส่วนกลางและภูมิภาคร่วมกันผลักดันภารกิจของ กสร.ตามของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (รมว.รง.) ใน 3 เรื่องคือ การแก้ปัญหาการค้ามนุษย์โดยในเรื่องการใช้แรงงานเด็กนั้น จะเชิญชวนสถานประกอบการต่างๆ มาลงนามความร่วมมือ (เอ็มโอยู) และสัตยาบันร่วมกันเพื่อไม่มีการใช้แรงงานเด็กโดยเด็ดขาด และจะมีการส่งคณะกรรมการไปตรวจทุกปีและออกหนังสือรับรอง ขณะเดียวกันในส่วนของแรงงานภาคประมง ก็จะทำเอ็มโอยูกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กรมเจ้าท่า กรมประมง ตำรวจน้ำไม่ให้มีการใช้แรงงานบังคับ และ กสร.จะแต่งตั้งเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมเจ้าท่า ตำรวจน้ำ ให้เป็นพนักงานตรวจแรงงาน ทั้งนี้ ในสองเรื่องนี้คาดว่าจะมีการทำเอ็มโอยูในเดือน พ.ย.นี้
นายพานิช กล่าวอีกว่า ส่วนการแก้ปัญหายาเสพติด จะเร่งขยายผลโครงการโรงงานสีขาวให้มากที่สุด และจะมีการออกเกณฑ์มาตรฐานป้องกันยาเสพติดในสถานประกอบการเพื่อให้สถานประกอบการที่เป็นโรงงานสีขาวนำไปใช้ในการดำเนินการป้องกันยาเสพติดให้เป็นโรงงานสีขาวอย่างยั่งยืน โดยมีการประเมินทุก 3 ปี รวมทั้งให้ส่งเสริมแรงงานสัมพันธ์เพื่อให้นายจ้างและลูกจ้างมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ลดข้อพิพาทโดยเฉพาะศูนย์แรงงานสัมพันธ์ภาคทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ จ.พระนครศรีอยุธยา นครราชสีมา ชลบุรี ราชบุรี และภูเก็ต จะต้องทำงานให้เข้มข้นขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาสถิติข้อพิพาทระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างแต่ละปียังเท่าเดิม ไม่ได้ลดลง และช่วงนี้อยู่ในปลายปีสหภาพแรงงานแต่ละแห่งจะยื่นข้อเรียกร้องโบนัสและสวัสดิการต่างๆ จึงขอให้สำนักงานสวัสดิการจังหวัดต่างๆ และศูนย์แรงงานสัมพันธ์ภาคทั้ง 5 แห่ง ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับนายจ้างและลูกจ้างเพื่อลดข้อขัดแย้ง หากมีข้อพิพาทก็ต้องเร่งเข้าไปช่วยเจรจาเพื่อให้ข้อพิพาทได้ข้อยุติในพื้นที่ แต่หากแก้ไขปัญหาไม่ได้ก็ขอให้แจ้งมายัง กสร.
"ผมจะเร่งส่งเสริมเรื่องความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานโดยจะเร่งจัดตั้งสถาบันส่งเสริมความปลอดภัยอาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์การมหาชน) และจะทำเอ็มโอยูร่วมกับมหาวิทยาลัย 29 แห่ง สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) และสถานประกอบการในการผลิตบัณฑิตด้านความปลอดภัยและส่งเสริมให้นักศึกษามหาวิทยาลัยและอาชีวศึกษาฝึกงานในสถานประกอบการเพื่อให้มีความรู้และมาตรฐานด้านความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน อีกทั้งจะจัดทำร่างมาตรฐานแรงงานไทย (มรท.) 18,000 ด้านความปลอดภัยในสถานประกอบการ เพื่อให้สถานประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็กนำไปใช้ได้ง่าย และดูแลแรงงานนอกระบบ 24 ล้านคน ให้ได้รับการคุ้มครองดูแลเท่าเทียมกับแรงงานในระบบโดย กสร.จะจัดทำร่างกฎหมายคุ้มครองแรงงานนอกระบบ เร็วๆ นี้จะตั้งคณะทำงานศึกษาการจัดทำร่างกฎหมาย ” นายพานิช กล่าว
