สธ.เผยผลตรวจ “อาหารและน้ำ” ในจุดพักพิงช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม 5 จังหวัด พบปนเปื้อนเชื้อ “โคลิฟอร์มแบคทีเรีย” ถึง 37% และ 42% ตามลำดับ ระบุพบมากที่สุดในน้ำฝน ชี้เชื้อไม่อันตรายเพราะมีในลำไส้อยู่แล้ว แต่เป็นดัชนีบอกความเสี่ยงเชื้อบิด อหิวาต์ ไทฟอยด์ ปะปนร่วม
นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ประธานวอร์รูมน้ำท่วม สธ. กล่าวว่า สธ.ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ในพื้นที่น้ำท่วมและน้ำลด เฝ้าระวังโรคจากน้ำท่วม และฟื้นฟูสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม น้ำ และอาหาร โดยเชื้อที่เน้นหนักคือ โคลิฟอร์มแบคทีเรีย ซึ่งอยู่ในลำไส้ของคนและสัตว์โดยไม่ก่อให้เกิดโรค แต่ใช้เป็นดัชนีบ่งชี้ความสกปรกที่ปนเปื้อนมาจากสิ่งขับถ่ายของมนุษย์และสัตว์ได้ หากพบในแหล่งน้ำมาก แสดงว่ามีโอกาสจะมีเชื้อโรคบางชนิดแพร่กระจายปะปนอยู่ในแหล่งน้ำ เช่น บิด ไทฟอยด์ อหิวาต์ เป็นต้น
นพ.วชิระ กล่าวอีกว่า จากการเฝ้าระวังคุณภาพความปลอดภัยน้ำและอาหารในพื้นที่น้ำท่วม 5 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ปราจีนบุรี ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ เมื่อวันที่ 17 ต.ค.โดยสุ่มตรวจอาหารและน้ำดื่มที่จุดช่วยเหลือ จุดพักพิง และจุดบริการอาหารผู้ประสบภัย ผลการตรวจอาหารปรุงเสร็จพร้อมบริโภคจำนวน 22 ตัวอย่าง ได้แก่ ข้าวผัดกุนเชียง ผัดวุ้นเส้น ผัดกะเพราหมู คะน้าหมูกรอบ และแกงจืด พบปนเปื้อนโคลิฟอร์มแบคทีเรีย 8 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 37 และตรวจน้ำบริโภคทั้งหมด 31 ตัวอย่าง ได้แก่ น้ำดื่มบรรจุขวด น้ำบรรจุในถังน้ำขนาด 20 ลิตร น้ำผ่านเครื่องกรอง น้ำบรรจุในถังแกลลอนขนาด 5 ลิตร น้ำฝน น้ำบาดาล และน้ำบรรจุเสร็จในแก้วพลาสติก พบปนเปื้อนโคลิฟอร์มแบคทีเรียจำนวน 13 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 42 โดยน้ำที่ตรวจพบโคลิฟอร์มแบคทีเรียมากที่สุดคือ น้ำฝนพบ 9 ใน 12 ตัวอย่าง ส่วนน้ำดื่มบรรจุขวดส่วนใหญ่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน
นพ.วชิระ กล่าวด้วยว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบอาหารในจุดพักพิง เรื่องความสะอาดในการประกอบอาหาร เลือกวัตถุดิบในการปรุงอาหารที่สด ใหม่ ชนิดอาหารที่ไม่บูดเสียง่าย ไม่ยุ่งยากในการบรรจุ เพื่อลำเลียงส่งให้ผู้ประสบภัยรับประทานได้ภายใน 4 ชั่วโมง ส่วนผักผลไม้ ควรล้างให้สะอาดก่อนนำไปหั่น สำหรับผู้ประสบภัยขอให้ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร และภายหลังเข้าห้องน้ำห้องส้วมทุกครั้ง ควรอุ่นอาหารที่เหลือค้างมื้อให้ร้อนก่อนรับประทาน ส่วนน้ำดื่มขอให้ดื่มน้ำบรรจุขวดที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย.หากเป็นน้ำที่มาจากน้ำกรองบรรจุแกลลอน น้ำฝน น้ำบาดาล ขอให้ต้มให้เดือดก่อน หรือใส่หยดทิพย์ ซึ่งเป็นคลอรีนน้ำที่อยู่ในชุดนายสะอาดที่ได้รับแจกจากกรมอนามัย เพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อนบริโภค และขณะเดียวกัน สธ.ได้ให้ทุกจังหวัดตรวจค่าคลอรีนตกค้างในน้ำประปาในพื้นที่น้ำท่วมทุกประเภท ให้อยู่ในระดับ 0.5 ppm ซึ่งจะปลอดภัยต่อผู้บริโภค
นพ.วชิระ เพ็งจันทร์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ประธานวอร์รูมน้ำท่วม สธ. กล่าวว่า สธ.ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ในพื้นที่น้ำท่วมและน้ำลด เฝ้าระวังโรคจากน้ำท่วม และฟื้นฟูสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม น้ำ และอาหาร โดยเชื้อที่เน้นหนักคือ โคลิฟอร์มแบคทีเรีย ซึ่งอยู่ในลำไส้ของคนและสัตว์โดยไม่ก่อให้เกิดโรค แต่ใช้เป็นดัชนีบ่งชี้ความสกปรกที่ปนเปื้อนมาจากสิ่งขับถ่ายของมนุษย์และสัตว์ได้ หากพบในแหล่งน้ำมาก แสดงว่ามีโอกาสจะมีเชื้อโรคบางชนิดแพร่กระจายปะปนอยู่ในแหล่งน้ำ เช่น บิด ไทฟอยด์ อหิวาต์ เป็นต้น
นพ.วชิระ กล่าวอีกว่า จากการเฝ้าระวังคุณภาพความปลอดภัยน้ำและอาหารในพื้นที่น้ำท่วม 5 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ปราจีนบุรี ชัยภูมิ บุรีรัมย์ สุรินทร์ เมื่อวันที่ 17 ต.ค.โดยสุ่มตรวจอาหารและน้ำดื่มที่จุดช่วยเหลือ จุดพักพิง และจุดบริการอาหารผู้ประสบภัย ผลการตรวจอาหารปรุงเสร็จพร้อมบริโภคจำนวน 22 ตัวอย่าง ได้แก่ ข้าวผัดกุนเชียง ผัดวุ้นเส้น ผัดกะเพราหมู คะน้าหมูกรอบ และแกงจืด พบปนเปื้อนโคลิฟอร์มแบคทีเรีย 8 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 37 และตรวจน้ำบริโภคทั้งหมด 31 ตัวอย่าง ได้แก่ น้ำดื่มบรรจุขวด น้ำบรรจุในถังน้ำขนาด 20 ลิตร น้ำผ่านเครื่องกรอง น้ำบรรจุในถังแกลลอนขนาด 5 ลิตร น้ำฝน น้ำบาดาล และน้ำบรรจุเสร็จในแก้วพลาสติก พบปนเปื้อนโคลิฟอร์มแบคทีเรียจำนวน 13 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 42 โดยน้ำที่ตรวจพบโคลิฟอร์มแบคทีเรียมากที่สุดคือ น้ำฝนพบ 9 ใน 12 ตัวอย่าง ส่วนน้ำดื่มบรรจุขวดส่วนใหญ่ผ่านเกณฑ์มาตรฐาน
นพ.วชิระ กล่าวด้วยว่า ได้ให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้คำแนะนำแก่ผู้ประกอบอาหารในจุดพักพิง เรื่องความสะอาดในการประกอบอาหาร เลือกวัตถุดิบในการปรุงอาหารที่สด ใหม่ ชนิดอาหารที่ไม่บูดเสียง่าย ไม่ยุ่งยากในการบรรจุ เพื่อลำเลียงส่งให้ผู้ประสบภัยรับประทานได้ภายใน 4 ชั่วโมง ส่วนผักผลไม้ ควรล้างให้สะอาดก่อนนำไปหั่น สำหรับผู้ประสบภัยขอให้ล้างมือก่อนรับประทานอาหาร และภายหลังเข้าห้องน้ำห้องส้วมทุกครั้ง ควรอุ่นอาหารที่เหลือค้างมื้อให้ร้อนก่อนรับประทาน ส่วนน้ำดื่มขอให้ดื่มน้ำบรรจุขวดที่ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก อย.หากเป็นน้ำที่มาจากน้ำกรองบรรจุแกลลอน น้ำฝน น้ำบาดาล ขอให้ต้มให้เดือดก่อน หรือใส่หยดทิพย์ ซึ่งเป็นคลอรีนน้ำที่อยู่ในชุดนายสะอาดที่ได้รับแจกจากกรมอนามัย เพื่อฆ่าเชื้อโรคก่อนบริโภค และขณะเดียวกัน สธ.ได้ให้ทุกจังหวัดตรวจค่าคลอรีนตกค้างในน้ำประปาในพื้นที่น้ำท่วมทุกประเภท ให้อยู่ในระดับ 0.5 ppm ซึ่งจะปลอดภัยต่อผู้บริโภค