xs
xsm
sm
md
lg

เตือน ปชช.พื้นที่ใกล้โรงงานไม่ควรเก็บน้ำฝนไว้ใช้ ชี้อาจมีสารพิษปนเปื้อน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ภาพ plangnoo.blogspot.com
สธ.แนะชาวบ้านเก็บน้ำฝนไว้ใช้ ต้องทำความสะอาดหลังคาและรางรับน้ำฝนก่อน ไม่ควรเก็บน้ำฝนทันทีที่ตก ควรปล่อยทิ้งไว้สักระยะแล้วค่อยรองรับ เตือนพื้นที่ใกล้อุตสาหกรรมไม่ควรเก็บ ชี้อาจปนเปื้อนแบคทีเรียและสารพิษ กลายเป็นฝนกรด

นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ช่วงนี้มีฝนตกหนักติดต่อกันเป็นประจำ ประชาชนบางพื้นที่ที่ขาดแคลนน้ำดื่มอาจมีการเก็บน้ำฝนไว้ใช้ในการอุปโภคบริโภค เพราะน้ำฝนจัดว่าเป็นน้ำที่สะอาด แต่ก็สามารถเกิดสิ่งสกปรกได้ง่ายเช่นกัน ขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของสถานที่ตั้งบ้านเรือน หลังคา และภาชนะเก็บกักน้ำฝน โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับโรงงานอุตสาหกรรม การจราจรหนาแน่น หรือมีมลพิษทางอากาศ ล้วนมีความเสี่ยงจากฝุ่นละออง ไอจากท่อไอเสีย ควันจากโรงงาน อาจทำให้เสี่ยงปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียและสารเคมีต่างๆ โดยเฉพาะก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล คือซัลเฟอร์ไดออกไซด์ และออกไซด์ของไนโตรเจนที่จะปนเปื้อนกับน้ำฝนที่ตกลงมา เกิดเป็นภาวะฝนกรดคือมีค่าพีเอชต่ำกว่า 5.6 ที่เกิดผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมและสิ่งก่อสร้างอย่างมาก

นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า การเก็บน้ำฝนอย่างปลอดภัยจึงไม่ควรรองรับน้ำฝนที่ตกในช่วงแรกๆ ควรปล่อยให้ฝนตกสักระยะหนึ่งก่อนเพื่อชะล้างสิ่งสกปรกในอากาศและหลังคาให้สะอาด ดังนั้น ก่อนการเก็บน้ำฝนไว้ใช้ ควรเริ่มจากการทำความสะอาดหลังคา รางรับน้ำฝน และภาชนะเก็บน้ำให้พร้อมใช้งาน ส่วนภาชนะใช้รองรับน้ำฝนก็ต้องล้างให้สะอาด ปิดด้วยมุ้งพลาสติก และปิดภาชนะให้มิดชิด เพื่อให้มั่นใจก่อนนำน้ำฝนมาดื่มควรนำไปฆ่าเชื้อโรคด้วยการต้มในน้ำเดือดอย่างน้อยประมาณ 5 นาที เป็นการลดอัตราเสี่ยงจากการเจ็บป่วย เนื่องจากน้ำเป็นสื่อ อาทิ โรคระบบทางเดินอาหาร อุจจาระร่วง เป็นต้น ซึ่งจากข้อมูลการเฝ้าระวังทางระบาดวิทยาตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน 2556 พบรายงานผู้ป่วยด้วยโรคอุจจาระร่วงสูงสุด จำนวน 6,946 ราย คิดเป็นอัตราป่วย 532.24 ต่อแสนประชากร

ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ประชาชนควรหลีกเลี่ยงการตากฝนเพื่อป้องกันไข้หวัด โดยเฉพาะกลุ่มเด็กเล็ก พ่อแม่ผู้ปกครองจึงต้องมีความเข้าใจและดูแลอย่างใกล้ชิดเพื่อป้องกันการเกิดโรคต่างๆ ที่เกี่ยวกับโรคระบบทางเดินหายใจ ไข้หวัด อาจส่งผลให้เป็นโรคหลอดลมอักเสบ และโรคปอดบวมได้ในที่สุด การป้องกันจึงควรให้เด็กกินอาหารที่มีประโยชน์ เน้นกินผักหลากหลายทั้งสดหรือลวก และผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม ฝรั่ง องุ่น สับปะรด และให้พักผ่อนให้เพียงพอ สวมใส่เสื้อผ้าหนาๆ เพื่อให้ร่างกายอบอุ่นอยู่ตลอดเวลา


กำลังโหลดความคิดเห็น