อ.นพ.ประเวชย์ มหาวิทิตวงศ์
ภาควิชาศัลยศาสตร์
ตับ เป็นอวัยวะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกาย อยู่บริเวณช่องท้องส่วนบนด้านขวาที่ระดับซี่โครงซี่สุดท้าย ทำหน้าที่ผลิตโปรตีน ซึ่งช่วยในเรื่องการแข็งตัวของเลือด เก็บสะสมไขมัน น้ำตาล เหล็ก และวิตามิน สำหรับใช้กำจัดสารที่เป็นพิษต่อร่างกาย เช่น ยา แอลกอฮอล์ เป็นต้น
การที่ตับถูกทำลายจนไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีอื่น จำเป็นต้องผ่าตัดปลูกถ่ายตับ ผู้ป่วยควรมีความรู้เรื่องการปลูกถ่ายตับก่อนเข้ารับการรักษา โดยแพทย์จะตรวจประเมินความพร้อมของผู้ป่วย ตั้งแต่
-ตรวจกระดูก เต้านม ตรวจภายใน ตรวจต่อมลูกหมาก ซึ่งการตรวจเหล่านี้เป็นการตรวจคัดกรองมะเร็ง ไปพร้อมๆ กัน หากพบว่ามีมะเร็งในร่างกาย ผู้ป่วยจะไม่สามารถปลูกถ่ายตับได้
-ตรวจอัลตราซาวนด์ ดูขนาด รูปร่าง และเส้นเลือดของตับ ร่วมกับการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT)
-ตรวจการทำงานของปอดและหัวใจ เพื่อพิจารณาความพร้อมของร่างกายในการดมยาสลบขณะทำการผ่าตัด
-ตรวจรักษาฟัน เพื่อเตรียมความพร้อมให้ปราศจากเชื้อโรค เพราะหลังผ่าตัดผู้ป่วยต้องรับประทานยากดภูมิคุ้มกัน ทำให้ง่ายต่อการติดเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อโรคในช่องปาก ที่เป็นสาเหตุของความเสี่ยง
-ในรายที่มีประวัติการดื่มสุราเรื้อรัง ซึ่งเป็นสาเหตุของตับแข็ง ต้องงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดไม่น้อยกว่า 6 เดือน และต้องผ่านการประเมินจากจิตแพทย์ว่าหยุดแอลกอฮอล์ได้จริง ไม่กลับไปดื่มซ้ำอีก เพื่อผลการรักษาที่ดี
หลังการผ่าตัดปลูกถ่ายตับ ผู้ป่วยต้องรับประทานยา และมารับการตรวจตามแพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามการทำงานของตับ และปรับระดับของยาให้เหมาะสม เป็นที่น่ายินดีที่ปัจจุบัน แพทย์สามารถนำตับของผู้ที่มีหมู่เลือดตรงกันหรือเข้ากันได้ มาปลูกถ่ายให้กัน โดยไม่จำเป็นต้องเป็นสายเลือดเดียวกัน ซึ่งเป็นการรักษาที่ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
พบกิจกรรมดีๆ ที่ศิริราช
ศูนย์เบาหวานศิริราช ร่วมกับสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ ขอเชิญผู้เป็นเบาหวานและประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมวันเบาหวานโลก ประจำปี 2556 “พิทักษ์อนาคตไทย พ้นภัยเบาหวาน” วันที่ 12-14 พฤศจิกายนนี้ เวลา 08.00-15.00 น.ณ โถงอาคาร ๑๐๐ ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ รพ.ศิริราช พบกิจกรรมในงาน อาทิ ตรวจสุขภาพ เสวนา การให้ความรู้ต่างๆ ฯลฯ สอบถาม โทร. 0 2419 9568 (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)
ภาควิชาศัลยศาสตร์
ตับ เป็นอวัยวะที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในร่างกาย อยู่บริเวณช่องท้องส่วนบนด้านขวาที่ระดับซี่โครงซี่สุดท้าย ทำหน้าที่ผลิตโปรตีน ซึ่งช่วยในเรื่องการแข็งตัวของเลือด เก็บสะสมไขมัน น้ำตาล เหล็ก และวิตามิน สำหรับใช้กำจัดสารที่เป็นพิษต่อร่างกาย เช่น ยา แอลกอฮอล์ เป็นต้น
การที่ตับถูกทำลายจนไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีอื่น จำเป็นต้องผ่าตัดปลูกถ่ายตับ ผู้ป่วยควรมีความรู้เรื่องการปลูกถ่ายตับก่อนเข้ารับการรักษา โดยแพทย์จะตรวจประเมินความพร้อมของผู้ป่วย ตั้งแต่
-ตรวจกระดูก เต้านม ตรวจภายใน ตรวจต่อมลูกหมาก ซึ่งการตรวจเหล่านี้เป็นการตรวจคัดกรองมะเร็ง ไปพร้อมๆ กัน หากพบว่ามีมะเร็งในร่างกาย ผู้ป่วยจะไม่สามารถปลูกถ่ายตับได้
-ตรวจอัลตราซาวนด์ ดูขนาด รูปร่าง และเส้นเลือดของตับ ร่วมกับการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT)
-ตรวจการทำงานของปอดและหัวใจ เพื่อพิจารณาความพร้อมของร่างกายในการดมยาสลบขณะทำการผ่าตัด
-ตรวจรักษาฟัน เพื่อเตรียมความพร้อมให้ปราศจากเชื้อโรค เพราะหลังผ่าตัดผู้ป่วยต้องรับประทานยากดภูมิคุ้มกัน ทำให้ง่ายต่อการติดเชื้อ โดยเฉพาะเชื้อโรคในช่องปาก ที่เป็นสาเหตุของความเสี่ยง
-ในรายที่มีประวัติการดื่มสุราเรื้อรัง ซึ่งเป็นสาเหตุของตับแข็ง ต้องงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดไม่น้อยกว่า 6 เดือน และต้องผ่านการประเมินจากจิตแพทย์ว่าหยุดแอลกอฮอล์ได้จริง ไม่กลับไปดื่มซ้ำอีก เพื่อผลการรักษาที่ดี
หลังการผ่าตัดปลูกถ่ายตับ ผู้ป่วยต้องรับประทานยา และมารับการตรวจตามแพทย์นัดอย่างสม่ำเสมอ เพื่อติดตามการทำงานของตับ และปรับระดับของยาให้เหมาะสม เป็นที่น่ายินดีที่ปัจจุบัน แพทย์สามารถนำตับของผู้ที่มีหมู่เลือดตรงกันหรือเข้ากันได้ มาปลูกถ่ายให้กัน โดยไม่จำเป็นต้องเป็นสายเลือดเดียวกัน ซึ่งเป็นการรักษาที่ช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
พบกิจกรรมดีๆ ที่ศิริราช
ศูนย์เบาหวานศิริราช ร่วมกับสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทยฯ ขอเชิญผู้เป็นเบาหวานและประชาชนเข้าร่วมกิจกรรมวันเบาหวานโลก ประจำปี 2556 “พิทักษ์อนาคตไทย พ้นภัยเบาหวาน” วันที่ 12-14 พฤศจิกายนนี้ เวลา 08.00-15.00 น.ณ โถงอาคาร ๑๐๐ ปี สมเด็จพระศรีนครินทร์ รพ.ศิริราช พบกิจกรรมในงาน อาทิ ตรวจสุขภาพ เสวนา การให้ความรู้ต่างๆ ฯลฯ สอบถาม โทร. 0 2419 9568 (ไม่เสียค่าใช้จ่าย)