ตารางการทำงานของแต่ละคนแตกต่างกัน บางคนเป็นคนนอนแต่หัวค่ำ ตื่นแต่เช้าเพื่อทำงาน ส่วนบางคนเป็นคนที่สมองแล่นในเวลากลางคืนจึงเลือกทำงานช่วงดึกแต่ตื่นสาย จากการศึกษาผู้ที่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้านการงานและการอาชีพ เช่น นางมากาเร็ต แท็ชเชอร์ พบว่า เธอตื่นนอนตั้งแต่ตีห้าครึ่งและเริ่มวันใหม่ด้วยสมองที่ปลอดโปร่งแจ่มใส หรือผู้กำกับหนังวอลท์ดิสนี่ย์ ตื่นตั้งแต่ตีสี่ตีห้าเพื่อเริ่มงานของเขา นิตยสารฉบับหนึ่งระบุว่า คนที่ตื่นแต่เช้าและเริ่มวันใหม่ในการทำงาน จะมีผลผลิตของงานที่ดีกว่า ทั้งยังที่ผลดีต่อสุขภาพมากกว่าด้วย เราลองมาศึกษาดูว่าคนกลุ่มนี้เขาทำอะไรก่อนแปดโมงเช้าก่อนเวลาทำงานกันบ้าง
1. ออกกำลังกาย การออกกำลังกายในตอนเช้า ไม่ว่าจะเป็นการทำโยคะหรือออกกำลังกายในฟิตเนส ล้วนแล้วแต่เป็นการกระตุ้นพลังงานให้ขับออกมาใช้ในตลอดทั้งวัน ทั้งยังช่วยให้อารมณ์แจ่มใสอีกด้วย ถึงแม้ว่าเราอาจดูไม่สวยปิ๊งในตอนเช้า แต่การออกกำลังกายสัก15นาทีในทุกเช้า จะช่วยให้การทำงานของเรามีประสิทธิภาพขึ้น และเป็นการเตรียมตัวของเราในการเข้าเผชิญวันใหม่ได้อย่างกระฉับกระเฉงอีกด้วย
2. วางแผนการทำงาน หลังออกกำลังกายเสร็จแล้ว เราควรใช้เวลาในการวางแผนงานในแต่ละวันว่าเราจะทำอะไร เป้าหมายที่ต้องการทำให้สำเร็จนั้นคืออะไร เวลาเช้าเป็นเวลาที่แสนสงบที่สมองของเราจะทำงานเกี่ยวกับการตัดสินใจและการวางแผนงานต่างๆได้ดี คนที่ตื่นแต่เช้าและวางแผนในการทำงานส่วนใหญ่ จะแก้ปัญหาและตัดสินใจในการทำงานได้ดีกว่าคนที่ตื่นสาย นอกจากนี้ เราควรให้มีเวลาพักสัก10นาที หลังการทำงานในแต่ละช่วงเพื่อให้สมองกลับมาสดชื่นอีกครั้ง เช่น การพักหลังจากการประชุมเครียด หรือการพักหลังจากอ่านหรือทำเอกสารกองใหญ่
3. อาหารมื้อเช้าดีต่อสุขภาพ ทุกคนคงมีวันที่รีบเร่งในช่วงเช้า ถ้าเราดื่มแค่เพียงกาแฟถ้วยเดียวโดยที่ไม่มีอาหารอื่นๆ ตกถึงท้องเลย อาจทำให้โรคกระเพาะถามหาเป็นแน่ และที่สำคัญจะทำให้สมองไม่พร้อมต่อการทำงาน ดังนั้น เราจึงควรรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพในช่วงเช้าเพื่อเพิ่มพลังงานให้ร่างกายตลอดทั้งวัน อีกทั้งสารอาหารที่มีประโยชน์ก็จะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของสมองได้ด้วย การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพช่วยให้สมอง มือ รวมทั้งกระเพาะอาหารทำงานอย่างสมดุลกัน ไม่เพียงแค่อาหารเช้าช่วยให้ร่างกายแข็งแรงกระปรี้กระเปร่าตลอดทั้งวันเท่านั้น ยังช่วยให้การเข้าสังคมของเราดีด้วยเช่นกัน โดยการใช้เวลาในระหว่างรับประทานอาหารเช้าเพียงแค่ 5-10 นาที พูดคุยกับลูกและภรรยา/สามี หรือเพื่อนร่วมงาน ก็ทำให้เกิดการเสริมสร้างกำลังใจและเสริมแรงให้กันและกันเพื่อที่จะไปเผชิญกับงานต่อไปได้
4. สร้างทัศนคติที่ดี คือการมีความคิดทางบวกหรือใคร่ครวญจิตใจไปสู่ความคิดทางบวก ว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดีของเรา มองเห็นภาพการทำงานที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่คนมักจะมองข้ามเรื่องของจิตใจและเห็นความสำคัญของทางด้านร่างกายมากกว่า แต่หารู้ไม่ว่าบางครั้งจิตใจก็เป็นใหญ่กว่ากาย เพราะจิตใจเป็นสิ่งควบคุมร่างกายได้ การมีจิตที่เป็นสมาธิ คิดถึงสิ่งที่ดีงามจะทำให้วันใหม่ของเราสดใสมีกำลังใจมากขึ้น
5. เริ่มงานที่ยากก่อน คงมีงานที่เราอยากผลักออกไปให้พ้น เพราะแสนน่าเบื่อและยาก แต่อย่างไรก็ตาม ควรจัดการทำงานแรกของแต่ละวันด้วยงานที่ยากก่อน เพราะจะช่วยให้การทำงานในทั้งวันของเราง่ายขึ้นและปิดท้ายการทำงานด้วยความผ่อนคลาย
การทำงานให้ประสบความสำเร็จต้องประกอบด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง การเตรียมตัวในตอนเช้าก่อนเริ่มการทำงานเป็นสิ่งสำคัญที่จะส่งผลให้การทำงานของเราประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก ลองใช้วิธีการตามที่กล่าวไว้ข้างต้นดู เผื่อว่าเราจะทำงานได้อย่างดีและมีความสุขมากขึ้น
ข้อมูลอ้างอิง
http://smallbusiness.yahoo.com/advisor/5-things-super-successful-people-8-am-190800886.html
1. ออกกำลังกาย การออกกำลังกายในตอนเช้า ไม่ว่าจะเป็นการทำโยคะหรือออกกำลังกายในฟิตเนส ล้วนแล้วแต่เป็นการกระตุ้นพลังงานให้ขับออกมาใช้ในตลอดทั้งวัน ทั้งยังช่วยให้อารมณ์แจ่มใสอีกด้วย ถึงแม้ว่าเราอาจดูไม่สวยปิ๊งในตอนเช้า แต่การออกกำลังกายสัก15นาทีในทุกเช้า จะช่วยให้การทำงานของเรามีประสิทธิภาพขึ้น และเป็นการเตรียมตัวของเราในการเข้าเผชิญวันใหม่ได้อย่างกระฉับกระเฉงอีกด้วย
2. วางแผนการทำงาน หลังออกกำลังกายเสร็จแล้ว เราควรใช้เวลาในการวางแผนงานในแต่ละวันว่าเราจะทำอะไร เป้าหมายที่ต้องการทำให้สำเร็จนั้นคืออะไร เวลาเช้าเป็นเวลาที่แสนสงบที่สมองของเราจะทำงานเกี่ยวกับการตัดสินใจและการวางแผนงานต่างๆได้ดี คนที่ตื่นแต่เช้าและวางแผนในการทำงานส่วนใหญ่ จะแก้ปัญหาและตัดสินใจในการทำงานได้ดีกว่าคนที่ตื่นสาย นอกจากนี้ เราควรให้มีเวลาพักสัก10นาที หลังการทำงานในแต่ละช่วงเพื่อให้สมองกลับมาสดชื่นอีกครั้ง เช่น การพักหลังจากการประชุมเครียด หรือการพักหลังจากอ่านหรือทำเอกสารกองใหญ่
3. อาหารมื้อเช้าดีต่อสุขภาพ ทุกคนคงมีวันที่รีบเร่งในช่วงเช้า ถ้าเราดื่มแค่เพียงกาแฟถ้วยเดียวโดยที่ไม่มีอาหารอื่นๆ ตกถึงท้องเลย อาจทำให้โรคกระเพาะถามหาเป็นแน่ และที่สำคัญจะทำให้สมองไม่พร้อมต่อการทำงาน ดังนั้น เราจึงควรรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพในช่วงเช้าเพื่อเพิ่มพลังงานให้ร่างกายตลอดทั้งวัน อีกทั้งสารอาหารที่มีประโยชน์ก็จะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของสมองได้ด้วย การรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพช่วยให้สมอง มือ รวมทั้งกระเพาะอาหารทำงานอย่างสมดุลกัน ไม่เพียงแค่อาหารเช้าช่วยให้ร่างกายแข็งแรงกระปรี้กระเปร่าตลอดทั้งวันเท่านั้น ยังช่วยให้การเข้าสังคมของเราดีด้วยเช่นกัน โดยการใช้เวลาในระหว่างรับประทานอาหารเช้าเพียงแค่ 5-10 นาที พูดคุยกับลูกและภรรยา/สามี หรือเพื่อนร่วมงาน ก็ทำให้เกิดการเสริมสร้างกำลังใจและเสริมแรงให้กันและกันเพื่อที่จะไปเผชิญกับงานต่อไปได้
4. สร้างทัศนคติที่ดี คือการมีความคิดทางบวกหรือใคร่ครวญจิตใจไปสู่ความคิดทางบวก ว่าวันนี้จะเป็นวันที่ดีของเรา มองเห็นภาพการทำงานที่ประสบความสำเร็จ ส่วนใหญ่คนมักจะมองข้ามเรื่องของจิตใจและเห็นความสำคัญของทางด้านร่างกายมากกว่า แต่หารู้ไม่ว่าบางครั้งจิตใจก็เป็นใหญ่กว่ากาย เพราะจิตใจเป็นสิ่งควบคุมร่างกายได้ การมีจิตที่เป็นสมาธิ คิดถึงสิ่งที่ดีงามจะทำให้วันใหม่ของเราสดใสมีกำลังใจมากขึ้น
5. เริ่มงานที่ยากก่อน คงมีงานที่เราอยากผลักออกไปให้พ้น เพราะแสนน่าเบื่อและยาก แต่อย่างไรก็ตาม ควรจัดการทำงานแรกของแต่ละวันด้วยงานที่ยากก่อน เพราะจะช่วยให้การทำงานในทั้งวันของเราง่ายขึ้นและปิดท้ายการทำงานด้วยความผ่อนคลาย
การทำงานให้ประสบความสำเร็จต้องประกอบด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง การเตรียมตัวในตอนเช้าก่อนเริ่มการทำงานเป็นสิ่งสำคัญที่จะส่งผลให้การทำงานของเราประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก ลองใช้วิธีการตามที่กล่าวไว้ข้างต้นดู เผื่อว่าเราจะทำงานได้อย่างดีและมีความสุขมากขึ้น
ข้อมูลอ้างอิง
http://smallbusiness.yahoo.com/advisor/5-things-super-successful-people-8-am-190800886.html
