กรมสุขภาพจิตชี้การเมืองรุนแรง เพราะมีแต่พูดจาที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง ยั่วยุ ปลุกปั่น ชี้จะเกิดการตอบโต้ไม่มีที่สิ้นสุด เพราะเป็นกลไกในการปกป้องตัวเอง สร้างจุดเด่นเพื่อลบข้อด้อยของตน แนะปีใหม่ให้คนไทยทุกคนหันหน้าพูดจาสิ่งดีๆ เริ่มต้นที่ครอบครัว ไม่ไม่ลืมที่จะชื่นชมให้กำลังใจตัวเอง
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ปีใหม่นี้ความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ ซึ่งความสุขที่ทำได้ง่ายและใกล้ตัวที่สุด คือ ความสุขจากการใช้คำพูดที่ดีต่อกัน เพราะคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งและความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม ส่วนหนึ่งนั้นมาจากการใช้คำพูดที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง ทั้งการใช้คำพูดที่ลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เช่น พูดเหยียดหยาม ดูถูก พูดเปรียบเทียบที่ทำให้ผู้อื่นไม่ใช่คน การพูดเหยียดชนชั้น สีผิว เผ่าพันธุ์ เชื้อชาติ ถิ่นกำเนิด หรือการกล่าวโจมตี ด่าทอ เยาะเย้ย ลดทอนคุณค่าของคนอื่น รวมทั้งการใช้คำพูดข่มขู่ อาฆาตมาดร้าย ยั่วยุ ปลุกปั่นเพื่อให้เกิดความรุนแรง ซึ่งในบางประเทศได้กำหนดให้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ผิดกฎหมายอีกด้วย
นพ.เจษฎา กล่าวอีกว่า การใช้คำพูดที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังนั้น เมื่อใดก็ตามที่ฝ่ายหนึ่งพูด อีกฝ่ายหนึ่งย่อมตอบโต้ เพราะไม่มีใครยอมให้ผู้อื่นดูถูกตนอยู่เพียงฝ่ายเดียว ความโกรธ ความโมโห เคียดแค้นชิงชังจึงไม่มีวันสิ้นสุด ทั้งนี้ ตามหลักจิตวิทยาแล้ว การใช้คำพูดที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง ถือเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างกลไกปกป้องตนเองที่คนเรามักจะหาเหตุผลเข้าข้างตนเองมองว่าตนเองถูกหรือดีกว่าคนอื่นและมักกล่าวโทษความผิดที่เกิดขึ้นเป็นของคนอื่น การใช้คำพูดในลักษณะนี้ จึงเป็นเหมือนการสร้างจุดเด่นเพื่อลบข้อด้อยหรือข้อบกพร่องของตนเอง
นพ.เจษฎา กล่าวด้วยว่า คำพูดที่ดีสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใย ความเห็นอกเห็นใจ ให้อภัย ที่ช่วยสร้างความสุข สร้างกำลังใจ ปราศจากศัตรู ได้รับมิตรภาพมากมาย ซึ่งคำพูดที่ง่ายที่สุดที่เราทุกคนสามารถจะทำได้ ก็คือ คำพูดที่แสดงถึงความชื่นชม ซึ่งจะทำให้ผู้ได้รับคำชมเห็นคุณค่าของตัวเอง เกิดพลังใจ มีความเชื่อมั่น ในการทำสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นต่อไป ขณะที่ ผู้พูดหรือกล่าวชื่นชมผู้อื่นก็ย่อมเป็นผู้มีเสน่ห์ ได้รับความเมตตา ที่สำคัญ ช่วยสร้างความสุขให้กับคนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ชิดได้
นพ.เจษฎา กล่าวต่อว่า สำหรับในครอบครัว การดุด่าว่ากล่าว โต้เถียง หรือพูดจาด่าทอ เสียดสีกันแม้เพียงเล็กน้อย แต่หากเกิดขึ้นบ่อยและสะสมเป็นระยะเวลานานจะกลายเป็นความรุนแรงที่ทำให้เกิดแผลในใจให้กับสมาชิกในครอบครัว ทำให้สูญเสียความมั่นใจ สูญเสียคุณค่าความเป็นคน เกิดความเศร้า เบื่อหน่าย เป็นปัญหาสุขภาพจิต นำไปสู่ความรุนแรงต่อตนเองและคนในครอบครัวได้ ดังนั้น เพื่อสร้างความสุขให้เกิดขึ้นกับตนเอง ครอบครัว และสังคมไทย จึงขอเชิญชวนทุกคนหันมาพูดดีต่อกัน โดยเริ่มต้นที่ครอบครัว จากการมองหาด้านบวกหรือด้านดีของอีกฝ่ายและกล่าวชมเชย ซึ่งต้องเป็นการชื่นชมจากใจจริงและชื่นชมในด้านดีของอีกฝ่ายหนึ่งจริงๆ แม้จะเป็นความดีที่ผ่านมานานแล้วก็ตาม
“ที่สำคัญ อย่าลืมที่จะชื่นชมตัวเอง ชื่นชมในข้อดีของตัวเอง เพื่อช่วยสร้างกำลังใจและพลังใจในการพูดดี ทำดีให้กับตนเองและสังคมต่อไป เราทุกคนเลือกที่จะสร้างความสุขให้กับตัวเองและคนในสังคมได้ การใช้คำพูดที่ดีต่อกัน จึงถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่เราทุกคนสามารถทำได้ และในวาระขึ้นปีใหม่ 2557 นี้ ขอให้ทุกท่านคิดดี ทำดี พูดดี เพื่อนำสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต ประสบแต่ความสุขตลอดปี” อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว
นพ.เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ปีใหม่นี้ความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการ ซึ่งความสุขที่ทำได้ง่ายและใกล้ตัวที่สุด คือ ความสุขจากการใช้คำพูดที่ดีต่อกัน เพราะคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งและความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม ส่วนหนึ่งนั้นมาจากการใช้คำพูดที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง ทั้งการใช้คำพูดที่ลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เช่น พูดเหยียดหยาม ดูถูก พูดเปรียบเทียบที่ทำให้ผู้อื่นไม่ใช่คน การพูดเหยียดชนชั้น สีผิว เผ่าพันธุ์ เชื้อชาติ ถิ่นกำเนิด หรือการกล่าวโจมตี ด่าทอ เยาะเย้ย ลดทอนคุณค่าของคนอื่น รวมทั้งการใช้คำพูดข่มขู่ อาฆาตมาดร้าย ยั่วยุ ปลุกปั่นเพื่อให้เกิดความรุนแรง ซึ่งในบางประเทศได้กำหนดให้คำพูดในลักษณะเช่นนี้ผิดกฎหมายอีกด้วย
นพ.เจษฎา กล่าวอีกว่า การใช้คำพูดที่ก่อให้เกิดความเกลียดชังนั้น เมื่อใดก็ตามที่ฝ่ายหนึ่งพูด อีกฝ่ายหนึ่งย่อมตอบโต้ เพราะไม่มีใครยอมให้ผู้อื่นดูถูกตนอยู่เพียงฝ่ายเดียว ความโกรธ ความโมโห เคียดแค้นชิงชังจึงไม่มีวันสิ้นสุด ทั้งนี้ ตามหลักจิตวิทยาแล้ว การใช้คำพูดที่ก่อให้เกิดความเกลียดชัง ถือเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างกลไกปกป้องตนเองที่คนเรามักจะหาเหตุผลเข้าข้างตนเองมองว่าตนเองถูกหรือดีกว่าคนอื่นและมักกล่าวโทษความผิดที่เกิดขึ้นเป็นของคนอื่น การใช้คำพูดในลักษณะนี้ จึงเป็นเหมือนการสร้างจุดเด่นเพื่อลบข้อด้อยหรือข้อบกพร่องของตนเอง
นพ.เจษฎา กล่าวด้วยว่า คำพูดที่ดีสามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นคำพูดที่เต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใย ความเห็นอกเห็นใจ ให้อภัย ที่ช่วยสร้างความสุข สร้างกำลังใจ ปราศจากศัตรู ได้รับมิตรภาพมากมาย ซึ่งคำพูดที่ง่ายที่สุดที่เราทุกคนสามารถจะทำได้ ก็คือ คำพูดที่แสดงถึงความชื่นชม ซึ่งจะทำให้ผู้ได้รับคำชมเห็นคุณค่าของตัวเอง เกิดพลังใจ มีความเชื่อมั่น ในการทำสิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นต่อไป ขณะที่ ผู้พูดหรือกล่าวชื่นชมผู้อื่นก็ย่อมเป็นผู้มีเสน่ห์ ได้รับความเมตตา ที่สำคัญ ช่วยสร้างความสุขให้กับคนอื่นๆ ที่อยู่ใกล้ชิดได้
นพ.เจษฎา กล่าวต่อว่า สำหรับในครอบครัว การดุด่าว่ากล่าว โต้เถียง หรือพูดจาด่าทอ เสียดสีกันแม้เพียงเล็กน้อย แต่หากเกิดขึ้นบ่อยและสะสมเป็นระยะเวลานานจะกลายเป็นความรุนแรงที่ทำให้เกิดแผลในใจให้กับสมาชิกในครอบครัว ทำให้สูญเสียความมั่นใจ สูญเสียคุณค่าความเป็นคน เกิดความเศร้า เบื่อหน่าย เป็นปัญหาสุขภาพจิต นำไปสู่ความรุนแรงต่อตนเองและคนในครอบครัวได้ ดังนั้น เพื่อสร้างความสุขให้เกิดขึ้นกับตนเอง ครอบครัว และสังคมไทย จึงขอเชิญชวนทุกคนหันมาพูดดีต่อกัน โดยเริ่มต้นที่ครอบครัว จากการมองหาด้านบวกหรือด้านดีของอีกฝ่ายและกล่าวชมเชย ซึ่งต้องเป็นการชื่นชมจากใจจริงและชื่นชมในด้านดีของอีกฝ่ายหนึ่งจริงๆ แม้จะเป็นความดีที่ผ่านมานานแล้วก็ตาม
“ที่สำคัญ อย่าลืมที่จะชื่นชมตัวเอง ชื่นชมในข้อดีของตัวเอง เพื่อช่วยสร้างกำลังใจและพลังใจในการพูดดี ทำดีให้กับตนเองและสังคมต่อไป เราทุกคนเลือกที่จะสร้างความสุขให้กับตัวเองและคนในสังคมได้ การใช้คำพูดที่ดีต่อกัน จึงถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่เราทุกคนสามารถทำได้ และในวาระขึ้นปีใหม่ 2557 นี้ ขอให้ทุกท่านคิดดี ทำดี พูดดี เพื่อนำสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต ประสบแต่ความสุขตลอดปี” อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว
