สอศ.ปรับการศึกษาแบบทวิภาคี ออกแบบหลักสูตรเน้นกำลังคนโดยเฉพาะเเรงงานฝีมือ คาดเริ่มใช้เร็วสุดปี 57 พร้อมปรับระบบคุณวุฒิวิชาชีพให้มีความยืดหยุ่นรองรับการเปลี่ยนแปลง เกรงเป็นอุปสรรค-ไม่สนองความต้องการภาคเอกชน
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวในที่ประชุมระดมความคิดเห็นผู้ประกอบการ เพื่อเร่งขับเคลื่อนการปฏิรูปอาชีวศึกษา จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ว่า ที่ประชุมเห็นว่าจะต้องมีการผลิกจุดยืนในการจัดการศึกษาในรูปแบบทวิภาคี จากเดิมที่เป็นความร่วมมือระหว่างสถานประกอบการกับสถานศึกษา มาเป็นการจัดทวิภาคีที่ต้องมองภาพรวมระดับประเทศ โดยให้เร่งไปจัดระบบการดำเนินงานร่วมระหว่างอาชีวศึกษาทั้งรัฐและเอกชนกับภาคเอกชน เพื่อร่วมกันออกแบบความต้องการกำลังคนโดยเฉพาะแรงงานฝีมือ ที่จะนำไปสู่การกำหนดสมรรถนะ การออกแบบหลักสูตร และการฝึกอบรม โดยจะต้องเร่งรัดให้เกิดขึ้นโดยเร็วและเริ่มใช้ให้ได้เร็วที่สุดในต้นปีการศึกษา 2557 ภายใต้เงื่อนไขที่มีคุณภาพ จากนั้นจะต้องมีการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจให้เกิดในสังคม เพื่อให้เกิดประโยชน์กับการจัดการอาชีวศึกษาในอนาคต
“การปรับรูปแบบทวิภาคีดังกล่าว จะทำให้ทุกฝ่ายได้เห็นภาพรวมและมีข้อมูลที่ตรงกัน ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของอาชีวะ และค่านิยมของผู้ปกครองที่มักจะส่งลูกเรียนต่อสายสามัญมากกว่า เพราะจะทำให้เห็นอนาคตว่าเรียนอาชีวศึกษาแล้วจะมีความมั่นคงในวิชาชีพ มีงานทำ และมีรายได้ที่สูงกว่าปริญญาตรี” รมว.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า ส่วนความคืบหน้าการจัดทำระบบคุณวุฒิวิชาชีพนั้น ขณะนี้ได้มีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการยกร่างกรอบคุณวุฒิวิชาชีพ ซึ่งในอนาคตจะมีอาชีพที่หลากหลายและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเร็ว ดังนั้นระบบคุณวุฒิวิชาชีพต้องมีความยืดหยุ่นและรองรับกับการเปลี่ยนแปลง ไม่เช่นนั้นจะเป็นอุปสรรคและไม่สนองต่อความต้องการของภาคเอกชน ส่วนเรื่องโครงสร้างคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน ด้านอาชีวศึกษา ที่มีการเสนอให้มีคณะกรรมการทั้งระดับชาติ ระดับสถาบัน ระดับจังหวัด และระดับวิทยาลัยนั้น ที่ประชุมให้กลับไปทบทวนใหม่ เพราะเห็นว่าการจัดตั้งเหมือนกันทุกจังหวัดอาจจะไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากหลายจังหวัดอาจจะไม่มีอุตสาหกรรม หรือภาคการผลิตที่ต้องการกำลังคน
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ กล่าวในที่ประชุมระดมความคิดเห็นผู้ประกอบการ เพื่อเร่งขับเคลื่อนการปฏิรูปอาชีวศึกษา จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ว่า ที่ประชุมเห็นว่าจะต้องมีการผลิกจุดยืนในการจัดการศึกษาในรูปแบบทวิภาคี จากเดิมที่เป็นความร่วมมือระหว่างสถานประกอบการกับสถานศึกษา มาเป็นการจัดทวิภาคีที่ต้องมองภาพรวมระดับประเทศ โดยให้เร่งไปจัดระบบการดำเนินงานร่วมระหว่างอาชีวศึกษาทั้งรัฐและเอกชนกับภาคเอกชน เพื่อร่วมกันออกแบบความต้องการกำลังคนโดยเฉพาะแรงงานฝีมือ ที่จะนำไปสู่การกำหนดสมรรถนะ การออกแบบหลักสูตร และการฝึกอบรม โดยจะต้องเร่งรัดให้เกิดขึ้นโดยเร็วและเริ่มใช้ให้ได้เร็วที่สุดในต้นปีการศึกษา 2557 ภายใต้เงื่อนไขที่มีคุณภาพ จากนั้นจะต้องมีการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเข้าใจให้เกิดในสังคม เพื่อให้เกิดประโยชน์กับการจัดการอาชีวศึกษาในอนาคต
“การปรับรูปแบบทวิภาคีดังกล่าว จะทำให้ทุกฝ่ายได้เห็นภาพรวมและมีข้อมูลที่ตรงกัน ซึ่งจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ของอาชีวะ และค่านิยมของผู้ปกครองที่มักจะส่งลูกเรียนต่อสายสามัญมากกว่า เพราะจะทำให้เห็นอนาคตว่าเรียนอาชีวศึกษาแล้วจะมีความมั่นคงในวิชาชีพ มีงานทำ และมีรายได้ที่สูงกว่าปริญญาตรี” รมว.ศึกษาธิการ กล่าวและว่า ส่วนความคืบหน้าการจัดทำระบบคุณวุฒิวิชาชีพนั้น ขณะนี้ได้มีการร่วมมือกับมหาวิทยาลัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการยกร่างกรอบคุณวุฒิวิชาชีพ ซึ่งในอนาคตจะมีอาชีพที่หลากหลายและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเร็ว ดังนั้นระบบคุณวุฒิวิชาชีพต้องมีความยืดหยุ่นและรองรับกับการเปลี่ยนแปลง ไม่เช่นนั้นจะเป็นอุปสรรคและไม่สนองต่อความต้องการของภาคเอกชน ส่วนเรื่องโครงสร้างคณะกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชน ด้านอาชีวศึกษา ที่มีการเสนอให้มีคณะกรรมการทั้งระดับชาติ ระดับสถาบัน ระดับจังหวัด และระดับวิทยาลัยนั้น ที่ประชุมให้กลับไปทบทวนใหม่ เพราะเห็นว่าการจัดตั้งเหมือนกันทุกจังหวัดอาจจะไม่มีประสิทธิภาพ เนื่องจากหลายจังหวัดอาจจะไม่มีอุตสาหกรรม หรือภาคการผลิตที่ต้องการกำลังคน
