อภ.สั่งย้ายพนักงานฝ่ายผลิต 13 คน เซ่นเหตุบรรจุยาหัวใจลงแผงความดัน สหภาพฯ รับทำให้องค์กรเสียหาย จี้ผู้บริหารกู้คืนภาพลักษณ์ด่วน
นายระวัย ภู่ผะกา ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวถึงปัญหาการบรรจุยาผิดซองขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) โดยมีการบรรจุยารักษาโรคหัวใจ Isosorbide dinitrate ขนาด 10 มิลลิกรัม (มก.) ลงในซองยาความดัน Amlodipine ขนาด 5 มก.ซึ่งเภสัชกรประจำโรงพยาบาลมะการักษ์ จ.กาญจนบุรี เป็นผู้พบความปิดปกติและแจ้งเรื่องมายังกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า จากการสอบสวนของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีความผิดพลาดในการบรรจุยา โดยผลการสอบสวนเบื้องต้นคาดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของพนักงานระหว่างกระบวนการบรรจุยาลงถังที่ 4 ซึ่งเป็นถังสุดท้าย ซึ่งเป็นขั้นตอนของการเกลี่ยยา ดังนั้น คณะกรรมการจึงได้มีความเห็นว่าจะให้พนักงานที่รับผิดชอบในการผลิตยาล็อตดังกล่าว จำนวน 13 คน ได้แก่ หัวหน้าฝ่ายผลิต ผู้ควบคุมการผลิตยา พนังงานผลิตยา เภสัชกรรม พนักงานคุมเครื่องปั๊มยา เป็นต้น ย้ายจากตำแหน่งเดิมตามอำนาจการบริหารตามระเบียบของ อภ.โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา
“หลังจากนี้ อภ.จะประเมินถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นและจะทำการตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนทางวินัยกับพนักงานทั้ง 13 คนอีกครั้ง และยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายให้กับ อภ.เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของความเชื่อมั่น และผลกระทบจากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) สั่งให้หยุดการผลิตเพื่อตรวจสอบความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่ต้องเร่งแก้ไขคือการเร่งสร้างภาพลักษณ์ของ อภ.ให้กลับคืนมา” นายระวัย กล่าวว่า
นายระวัย ภู่ผะกา ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวถึงปัญหาการบรรจุยาผิดซองขององค์การเภสัชกรรม (อภ.) โดยมีการบรรจุยารักษาโรคหัวใจ Isosorbide dinitrate ขนาด 10 มิลลิกรัม (มก.) ลงในซองยาความดัน Amlodipine ขนาด 5 มก.ซึ่งเภสัชกรประจำโรงพยาบาลมะการักษ์ จ.กาญจนบุรี เป็นผู้พบความปิดปกติและแจ้งเรื่องมายังกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่า จากการสอบสวนของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณีความผิดพลาดในการบรรจุยา โดยผลการสอบสวนเบื้องต้นคาดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจะเกิดขึ้นจากความผิดพลาดของพนักงานระหว่างกระบวนการบรรจุยาลงถังที่ 4 ซึ่งเป็นถังสุดท้าย ซึ่งเป็นขั้นตอนของการเกลี่ยยา ดังนั้น คณะกรรมการจึงได้มีความเห็นว่าจะให้พนักงานที่รับผิดชอบในการผลิตยาล็อตดังกล่าว จำนวน 13 คน ได้แก่ หัวหน้าฝ่ายผลิต ผู้ควบคุมการผลิตยา พนังงานผลิตยา เภสัชกรรม พนักงานคุมเครื่องปั๊มยา เป็นต้น ย้ายจากตำแหน่งเดิมตามอำนาจการบริหารตามระเบียบของ อภ.โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา
“หลังจากนี้ อภ.จะประเมินถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นและจะทำการตั้งคณะกรรมการเพื่อสอบสวนทางวินัยกับพนักงานทั้ง 13 คนอีกครั้ง และยอมรับว่าสิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายให้กับ อภ.เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในเรื่องของความเชื่อมั่น และผลกระทบจากการที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) สั่งให้หยุดการผลิตเพื่อตรวจสอบความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่ต้องเร่งแก้ไขคือการเร่งสร้างภาพลักษณ์ของ อภ.ให้กลับคืนมา” นายระวัย กล่าวว่า
