กทม.คาดปีนี้มีต่างชาติแห่เที่ยวกรุงเทพฯมากถึง 24 ล้านคน มีรถทัวร์เข้าออกเกาะรัตนโกสินทร์วันละ 400-500 คัน รถตู้อีก 200-300 คัน ส่งผลแรงสั่นสะเทือนเกินค่ามาตรฐาน เสี่ยงกระทบโบราณสถาน เชื่อให้จอดรถนักท่องเที่ยวที่สายใต้เก่าช่วยได้ พร้อมเสนอให้รถทัวร์วิ่งผ่านเกาะกลางสนามหลวง แก้ปัญหาจราจร เล็งเสริมการล่องเรือเที่ยวอนุรักษ์ความเป็นไทย
วันนี้ (18 ก.ย.) ที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวระหว่างเป็นประธานในการประชุมหาแนวทางการจัดตั้งสถานีจอดรถ ซึ่งจัดร่วมกับ สำนักการโยธา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว สำนักการจราจรและขนส่ง สำนักพระราชวัง โดยในที่ประชุมสำนักการขนส่งและการจราจร ว่า สถิตินักท่องเที่ยวโดยสำรวจช่วง ต.ค.พบว่ามีมากถึง 2.5 ล้านคน และคาดว่าในปีนี้จะมีมากถึง 24 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลกระทบไปถึงการจราจรรอบเกาะรัตนโกสินทร์ เนื่องจากว่าจะมีรถทัวร์เข้ามา 400-500 คันต่อวัน รถตู้ 200-300 คันต่อวัน โดยจำนวนรถที่มีมากจะก่อให้เกิดปัญหาตามมา เนื่องจากว่าเมื่อช่วงที่ผ่านมาได้มีการตรวจวัดแรงสั่นสะเทือนรอบๆ พบว่ามีค่าแรงสั่นสะเทือนเกินกว่ามาตรฐาน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโบราณสถาน ทั้งนี้ จึงได้มีแนวคิดแก้ปัญหา โดยจัดสถานที่บริเวณขนส่งสายใต้เก่า ซึ่งมีระยะทางห่างจากเกาะรัตนโกสินทร์ 6 กิโลเมตร ส่วนบริเวณรอบๆ เกาะจะจัดให้มีที่จอดรถเพื่อรับ-ส่ง นักท่องเที่ยวชั่วคราว โดยได้กำหนดไว้ 3 จุด คือ 1.หน้ากรมศิลปากร 2.หลังสวนสราญรมย์ และ 3.ด้านหลังศาลฎีกา
นายอมร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จะจัดทำท่าเรือเพื่อรับส่งนักท่องเที่ยวจากสายใต้เก่า ซึ่งจะใช้เส้นทางล่องมาตามคลองบางกอกน้อยออกมาถึงแม่น้ำเจ้าพระยา และขึ้นที่ท่าเตียน รวมทั้งจะปิดถนนหน้าพระลานเพื่อทำเป็นถนนคนเดิน ด้านสภาพการจราจรการที่จัดให้รถทัวร์นักท่องเที่ยวเดินทางไปจอดที่บริเวณขนส่งสายใต้เก่านั้น จะไม่ส่งผลกระทบการปัญหาจราจรอย่างแน่นอน อีกทั้งยังจะช่วยทำให้ระบบการจราจรบริเวณรอบสนามหลวงระบายได้ดีขึ้น ทั้งนี้ในที่ประชุมได้มีการเสนอให้นำรถทัวร์วิ่งผ่านเกาะกลางสนามหลวงได้ เพื่อที่รถจะสามารถวิ่งได้โดยไม่ติดขัดตลอดทั้งสาย ซึ่งเห็นว่าดีกว่าการกำหนดจุดให้รถกลับมารับ และเสนอให้รถเดินทางเดียวตลอดเส้นทาง และห้ามให้มีการวิ่งตัดกัน โดยวิธีการนี้จะต้องมีการดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนพื้นผิวจราจรทั้งหมด ซึ่งวิธีดังกล่าวจะสามารถแก้ไขปัญหาการจราจรได้ดี แต่การจะให้รถวิ่งตัดสนามหลวงนั้นก็ยังมีข้อจำกัด เนื่องจากว่าไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับรถที่มีน้ำหนักมากๆ ซึ่งหากให้รถวิ่งได้จริงก็จะสร้างความเสียหาย
นายอมร กล่าวว่า ในการจัดระเบียบรถทัวร์นั้น ทาง กทม.อยากให้มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เข้าไปด้วย เพื่อที่จะได้เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น ซึ่งทางกทม.จะมีการจัดให้ล่องเรือไปตามคลอดชักพระ และไปขึ้นที่ท่าปากคลองตลอด เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานคร และนักท่องเที่ยวเองก็จะได้ชมทั้งวัด และวังไปพร้อมๆ กัน ทั้งนี้แนวทางที่ได้หารือกันตนจะรีบเร่งรัดให้ทีการตกผลึกแนวทางที่ชัดเจน ซึ่งสำนักจราจรและขนส่งจะนำข้อสรุปมากำหนดแผนภายใน 3 เดือน โดยเฉพาะจุดจอดรับส่งนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นหลังจากนี้ โดยภายในเดือนตุลาคมกทม.จะลงนามกับบริษัท ขนส่ง เพื่อเป็นความร่วมมืออย่างเป็นทางการ
ด้านสมาคมมัคคุเทศก์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากมีการจัดระเบียรถทัวร์ และระบบการท่องเที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ใหม่ ก็จะส่งผลกระทบกับทางบริษัททัวร์ เนื่องจากว่าในการพานักท่องเที่ยวทัวร์นั้น มีการวางแผนไว้แล้ว ฉะนั้นการจัดการจะต้องมีการแบ่งพื้นที่ให้ชัดเจนเพื่อมัคคุเทศก์และนักท่องเที่ยวจะได้มีความเข้าใจที่ตรงกัน และหาก กทม.จะให้นักท่องเที่ยวข้ามฟากก็ควรจะจัดระบบรักษาปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย นอกจากนี้หากเป็นไปได้ กทม.ควรจะจัดระเบียบรถตุ๊กตุ๊ก และแท็กซี่ และไม่ควรจะเลือกปฏิบัติ
วันนี้ (18 ก.ย.) ที่ห้องเจ้าพระยา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวระหว่างเป็นประธานในการประชุมหาแนวทางการจัดตั้งสถานีจอดรถ ซึ่งจัดร่วมกับ สำนักการโยธา สำนักวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว สำนักการจราจรและขนส่ง สำนักพระราชวัง โดยในที่ประชุมสำนักการขนส่งและการจราจร ว่า สถิตินักท่องเที่ยวโดยสำรวจช่วง ต.ค.พบว่ามีมากถึง 2.5 ล้านคน และคาดว่าในปีนี้จะมีมากถึง 24 ล้านคน ซึ่งจะส่งผลกระทบไปถึงการจราจรรอบเกาะรัตนโกสินทร์ เนื่องจากว่าจะมีรถทัวร์เข้ามา 400-500 คันต่อวัน รถตู้ 200-300 คันต่อวัน โดยจำนวนรถที่มีมากจะก่อให้เกิดปัญหาตามมา เนื่องจากว่าเมื่อช่วงที่ผ่านมาได้มีการตรวจวัดแรงสั่นสะเทือนรอบๆ พบว่ามีค่าแรงสั่นสะเทือนเกินกว่ามาตรฐาน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อโบราณสถาน ทั้งนี้ จึงได้มีแนวคิดแก้ปัญหา โดยจัดสถานที่บริเวณขนส่งสายใต้เก่า ซึ่งมีระยะทางห่างจากเกาะรัตนโกสินทร์ 6 กิโลเมตร ส่วนบริเวณรอบๆ เกาะจะจัดให้มีที่จอดรถเพื่อรับ-ส่ง นักท่องเที่ยวชั่วคราว โดยได้กำหนดไว้ 3 จุด คือ 1.หน้ากรมศิลปากร 2.หลังสวนสราญรมย์ และ 3.ด้านหลังศาลฎีกา
นายอมร กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จะจัดทำท่าเรือเพื่อรับส่งนักท่องเที่ยวจากสายใต้เก่า ซึ่งจะใช้เส้นทางล่องมาตามคลองบางกอกน้อยออกมาถึงแม่น้ำเจ้าพระยา และขึ้นที่ท่าเตียน รวมทั้งจะปิดถนนหน้าพระลานเพื่อทำเป็นถนนคนเดิน ด้านสภาพการจราจรการที่จัดให้รถทัวร์นักท่องเที่ยวเดินทางไปจอดที่บริเวณขนส่งสายใต้เก่านั้น จะไม่ส่งผลกระทบการปัญหาจราจรอย่างแน่นอน อีกทั้งยังจะช่วยทำให้ระบบการจราจรบริเวณรอบสนามหลวงระบายได้ดีขึ้น ทั้งนี้ในที่ประชุมได้มีการเสนอให้นำรถทัวร์วิ่งผ่านเกาะกลางสนามหลวงได้ เพื่อที่รถจะสามารถวิ่งได้โดยไม่ติดขัดตลอดทั้งสาย ซึ่งเห็นว่าดีกว่าการกำหนดจุดให้รถกลับมารับ และเสนอให้รถเดินทางเดียวตลอดเส้นทาง และห้ามให้มีการวิ่งตัดกัน โดยวิธีการนี้จะต้องมีการดำเนินการแก้ไขเปลี่ยนพื้นผิวจราจรทั้งหมด ซึ่งวิธีดังกล่าวจะสามารถแก้ไขปัญหาการจราจรได้ดี แต่การจะให้รถวิ่งตัดสนามหลวงนั้นก็ยังมีข้อจำกัด เนื่องจากว่าไม่ได้สร้างขึ้นมาเพื่อรองรับรถที่มีน้ำหนักมากๆ ซึ่งหากให้รถวิ่งได้จริงก็จะสร้างความเสียหาย
นายอมร กล่าวว่า ในการจัดระเบียบรถทัวร์นั้น ทาง กทม.อยากให้มีการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์เข้าไปด้วย เพื่อที่จะได้เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น ซึ่งทางกทม.จะมีการจัดให้ล่องเรือไปตามคลอดชักพระ และไปขึ้นที่ท่าปากคลองตลอด เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานคร และนักท่องเที่ยวเองก็จะได้ชมทั้งวัด และวังไปพร้อมๆ กัน ทั้งนี้แนวทางที่ได้หารือกันตนจะรีบเร่งรัดให้ทีการตกผลึกแนวทางที่ชัดเจน ซึ่งสำนักจราจรและขนส่งจะนำข้อสรุปมากำหนดแผนภายใน 3 เดือน โดยเฉพาะจุดจอดรับส่งนักท่องเที่ยวที่จะเพิ่มขึ้นหลังจากนี้ โดยภายในเดือนตุลาคมกทม.จะลงนามกับบริษัท ขนส่ง เพื่อเป็นความร่วมมืออย่างเป็นทางการ
ด้านสมาคมมัคคุเทศก์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า หากมีการจัดระเบียรถทัวร์ และระบบการท่องเที่ยวรอบเกาะรัตนโกสินทร์ใหม่ ก็จะส่งผลกระทบกับทางบริษัททัวร์ เนื่องจากว่าในการพานักท่องเที่ยวทัวร์นั้น มีการวางแผนไว้แล้ว ฉะนั้นการจัดการจะต้องมีการแบ่งพื้นที่ให้ชัดเจนเพื่อมัคคุเทศก์และนักท่องเที่ยวจะได้มีความเข้าใจที่ตรงกัน และหาก กทม.จะให้นักท่องเที่ยวข้ามฟากก็ควรจะจัดระบบรักษาปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยวด้วย นอกจากนี้หากเป็นไปได้ กทม.ควรจะจัดระเบียบรถตุ๊กตุ๊ก และแท็กซี่ และไม่ควรจะเลือกปฏิบัติ
