xs
xsm
sm
md
lg

14 ประเทศหนุนงานด้านอนามัยสิ่งแวดล้อมเชื่อส่งพลต่อเศรษฐกิจและสุขภาพของประชาชน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

14 ประเทศภูมิภาคอาเซียนและเอเชียตะวันออก ร่วมหนุนการทำงานด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม ชี้มีผลต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสุขภาพของประชาชน หลังพบปัญหาขยะมูลฝอย น้ำไม่สะอาด และสุขาภิบาลยังเป็นปัญหาหลักของภูมิภาค

นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังร่วมประชุมรัฐมนตรีด้านสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียตะวันออก ครั้งที่ 3 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ว่า การประชุมครั้งนี้เพื่อเรียกร้องให้เกิดความร่วมมือที่เข้มแข็งของภูมิภาคทั้ง 14 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก ประกอบด้วย ประเทศบรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย เวียดนาม จีน ญี่ปุ่น มองโกเลีย และเกาหลี สอดคล้องกับทิศทางระดับโลก และเหมาะสมกับบริบทของประเทศในภูมิภาคนี้ อีกทั้งร่วมกันให้ความเห็นชอบรายงานเกี่ยวกับการบริหารจัดการผลกระทบ ภาคีการดำเนินงาน และกลไกทางการเงินที่ยั่งยืนของเวทีความร่วมมือระดับภูมิภาค โดยรับรองร่างฉบับปรับปรุงกฎบัตรของเวทีความร่วมมือระดับภูมิภาคด้านอนามัยและสิ่งแวดล้อมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก กรอบความร่วมมือ และรับรองร่างปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ โดยยึดถือแนวคิดหลักตามกรอบการดำเนินงานระดับโลก ซึ่งมีวิสัยทัศน์ของเวทีความร่วมมือระดับภูมิภาคคือสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเป็นศูนย์กลางของการพัฒนาสุขภาพและความเป็นอยู่ของประชาชน
นายสรวงศ์ กล่าวอีกว่า ความร่วมมือในระดับภูมิภาคนี้นับเป็นความร่วมมือที่สำคัญสำหรับ 14 ประเทศสมาชิกรวมทั้งประเทศไทยที่จะช่วยผลักดันการทำงานด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมทั้งในระดับภูมิภาคและสนับสนุนการทำงานในแต่ละประเทศ เพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ อันมีผลต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและทำให้คนกินดีอยู่ดี โดยประเทศไทยได้มีการทำงานร่วมกันระหว่างกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงสาธารณสุขอย่างต่อเนื่อง ด้วยการร่วมกันจัดทำแผนยุทธศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อมแล้ว 2 ฉบับ โดยแผนยุทธศาสตร์อนามัยสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ฉบับที่ 2 พ.ศ.2555-2559 ได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2555 และประกาศให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำแผนไปปฏิบัติ ซึ่งผลสำเร็จของการดำเนินงาน อาทิ การพัฒนาส้วมสาธารณะ ให้สะอาด ปลอดภัย เข้าถึงได้การพัฒนาโรงพยาบาลให้สะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โครงการเมืองไทยเมืองสะอาด และการคุ้มครองสิทธิของประชาชนจากมลพิษสิ่งแวดล้อม
ทั้งนี้ ผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ภาวะฉุกเฉินทางอนามัยสิ่งแวดล้อม รวมทั้งปัญหาพื้นฐาน ได้แก่ ปัญหาด้านน้ำสะอาด สุขาภิบาล ขยะมูลฝอย ยังคงเป็นปัญหาสำคัญของประเทศและภูมิภาค ซึ่งแนวโน้มของปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นผลจากความซับซ้อนของปัญหา ผลกระทบต่อประชาชนและสังคมที่มีความอ่อนไหว ทุกภูมิภาคจึงต้องให้ความสำคัญและทำงานในมิติใหม่ เพื่อทำให้เกิดความการทำงานร่วมกัน ความรู้สึกเป็นเจ้าของและความร่วมมือทั้งภายในประเทศและระดับภูมิภาคที่ทำให้เกิดการพัฒนาด้านสิ่งแวดล้อมและสาธารณสุขอย่างยั่งยืน” รมช.สาธารณสุข กล่าว
ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า การประชุมรัฐมนตรีสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเอเชียตะวันออก ได้จัดครั้งที่ 1 ขึ้นเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2550 ณ กรุงเทพมหานคร ในครั้งนั้นมีการรับรองกฎบัตรความร่วมมือด้านอนามัยและสิ่งแวดล้อมฯ และประกาศปฏิญญากรุงเทพด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และรับรองแผนการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของภูมิภาค รวมถึงมีการจัดตั้งคณะทำงานวิชาการระดับภูมิภาคใน 6 สาขา คือ 1) คุณภาพอากาศ 2) น้ำสะอาด สุขอนามัย และการสุขาภิบาล 3) ขยะมูลฝอยและของเสียอันตราย  4) สารเคมีเป็นพิษและสารอันตราย 5) การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การลดลงของชั้นโอโซน และการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศ และ 6) การวางแผน การเตรียมการและการปฏิบัติการรองรับภาวะฉุกเฉินด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม และครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2553 ณ เมืองเจจู สาธารณรัฐเกาหลี ได้มีการรับรองปฏิญญาเจจู ด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ และเห็นชอบต่อแผนงานของคณะทำงานของคณะทำงานวิชาการระดับภูมิภาค
“สำหรับการประชุมครั้งที่ 3 นี้ ร่างปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพประกอบด้วยประเด็นสำคัญๆ อาทิ เห็นด้วยที่จะร่วมพัฒนาและปฏิบัติตามกลไกต่างๆ ที่เพิ่มประสิทธิภาพการเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเห็นชอบกับการจัดตั้งเครือข่ายความรู้ของเวทีความร่วมมือระดับภูมิภาค ตกลงใจร่วมกันที่จะเสริมสร้างความเข้มแข็งความร่วมมือ โดยการพัฒนาความร่วมมือต่าง ๆ ทั้งในรูปแบบพหุภาคี ทวิภาคี ภายในภูมิภาค และนานาประเทศ เป็นต้น” อธิบดีกรมอนามัย กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น