สพศท.หนุนเอกชนร่วมดำเนินการในกิจการของรัฐ หวังลดค่าใช้จ่ายโรงพยาบาล เช่น ขอเช่าเตียงว่างของเอกชน ดีกว่าสร้างตึกใหม่ เตรียมหาข้อสรุปสิ้น ก.ย.นี้ ด้านแพทย์ชนบทไม่เห็นด้วยหากเป็นการรักษาพยาบาล ชี้อาจต้องจ่ายเพิ่ม เว้นการใช้ห้องผ่าตัด
พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ประธานสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปแห่งประเทศไทย (สพศท.) กล่าวว่า เมื่อช่วง ส.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้เชิญโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชน เข้าร่วมประชุม เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจถึงการปฏิรูป สธ.ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 ต.ค.นี้ พร้อมทั้งยังหารือถึงการสนับสนุนให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ ตามแนวคิดของ พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดีในการดำเนินการ เนื่องจากจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาล และภาครัฐ เช่น การให้เช่าเตียงว่างของภาคเอกชน อย่างในพื้นที่ต่างจังหวัด เตียงของโรงพยาบาลเอกชนย่อมไม่เต็ม ซึ่งสามารถเจรจาร่วมกันได้ในราคาไม่แพงมาก ดีกว่าต้องไปสร้างตึกหรืออาคารใหม่
“เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เพราะอย่างกรณีผู้ป่วยบางรายต้องใช้เครื่องเมมโมแกรม ซึ่งเป็นเครื่องตรวจด้วยรังสีเอกซเรย์ เครื่องนี้มีราคาแพงมาก หากโรงพยาบาลบางแห่งมีผู้ป่วยไม่กี่รายก็อาจไม่คุ้มทุน แต่การมีความร่วมมือในการขอใช้เครื่องนี้กับภาคเอกชน อาจจะดีกว่า เบื้องต้นจะมีการประชุมเพื่อหาข้อสรุปเรื่องนี้อีกครั้งว่าจะต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ซึ่งต้องแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ เพื่อให้เดินหน้าพร้อมกันกับการปฏิรูป สธ.1 ตุลาคมนี้” พญ.ประชุมพร กล่าว
นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล จ.นครศรีธรรมราช และอดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ต้องดูว่าเป็นความร่วมมือในเรื่องใด หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลย่อมไม่เห็นด้วย เพราะอาจเกิดสองมาตรฐาน เนื่องจากอาจบอกคนไข้ว่า รักษาระดับนี้ไม่ดีพอ ต้องรักษาอีกระดับ ซึ่งอาจต้องมีการร่วมจ่ายเพิ่มหรือไม่ ตรงนี้ต้องชัดเจน แต่หากเป็นความร่วมมือในเรื่องการใช้ห้องผ่าตัด ห้องพิเศษ ก็ถือว่าดี แต่เรื่องนี้ควรมีรายละเอียดให้ชัดเจนก่อนจะออกเป็นแนวทางปฏิบัติด้วย
พญ.ประชุมพร บูรณ์เจริญ ประธานสมาพันธ์แพทย์โรงพยาบาลศูนย์/โรงพยาบาลทั่วไปแห่งประเทศไทย (สพศท.) กล่าวว่า เมื่อช่วง ส.ค.ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้เชิญโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป และโรงพยาบาลชุมชน เข้าร่วมประชุม เพื่อชี้แจงและทำความเข้าใจถึงการปฏิรูป สธ.ซึ่งจะเริ่มในวันที่ 1 ต.ค.นี้ พร้อมทั้งยังหารือถึงการสนับสนุนให้เอกชนเข้าร่วมงานหรือดำเนินการในกิจการของรัฐ ตามแนวคิดของ พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ พ.ศ.2556 ซึ่งเป็นแนวคิดที่ดีในการดำเนินการ เนื่องจากจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาล และภาครัฐ เช่น การให้เช่าเตียงว่างของภาคเอกชน อย่างในพื้นที่ต่างจังหวัด เตียงของโรงพยาบาลเอกชนย่อมไม่เต็ม ซึ่งสามารถเจรจาร่วมกันได้ในราคาไม่แพงมาก ดีกว่าต้องไปสร้างตึกหรืออาคารใหม่
“เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ เพราะอย่างกรณีผู้ป่วยบางรายต้องใช้เครื่องเมมโมแกรม ซึ่งเป็นเครื่องตรวจด้วยรังสีเอกซเรย์ เครื่องนี้มีราคาแพงมาก หากโรงพยาบาลบางแห่งมีผู้ป่วยไม่กี่รายก็อาจไม่คุ้มทุน แต่การมีความร่วมมือในการขอใช้เครื่องนี้กับภาคเอกชน อาจจะดีกว่า เบื้องต้นจะมีการประชุมเพื่อหาข้อสรุปเรื่องนี้อีกครั้งว่าจะต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างไรบ้าง ซึ่งต้องแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายนนี้ เพื่อให้เดินหน้าพร้อมกันกับการปฏิรูป สธ.1 ตุลาคมนี้” พญ.ประชุมพร กล่าว
นพ.อารักษ์ วงศ์วรชาติ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสิชล จ.นครศรีธรรมราช และอดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า ต้องดูว่าเป็นความร่วมมือในเรื่องใด หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลย่อมไม่เห็นด้วย เพราะอาจเกิดสองมาตรฐาน เนื่องจากอาจบอกคนไข้ว่า รักษาระดับนี้ไม่ดีพอ ต้องรักษาอีกระดับ ซึ่งอาจต้องมีการร่วมจ่ายเพิ่มหรือไม่ ตรงนี้ต้องชัดเจน แต่หากเป็นความร่วมมือในเรื่องการใช้ห้องผ่าตัด ห้องพิเศษ ก็ถือว่าดี แต่เรื่องนี้ควรมีรายละเอียดให้ชัดเจนก่อนจะออกเป็นแนวทางปฏิบัติด้วย
