ยุคปัจจุบันเป็นยุคที่มีปัญหาสังคมเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะปัญหาที่เด็กได้รับผลร้ายอันเนื่องมาจากการกระทำของผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเด็กกำพร้าเพราะถูกทอดทิ้ง เด็กเร่ร่อน เด็กขอทาน เด็กถูกทารุณในลักษณะต่างๆ และปัญหาการล่วงละเมิดและทารุณทางเพศในเด็ก ซึ่งเป็นปัญหาที่นับวันก็ยิ่งจะรุนแรงมากขึ้น มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล เผยสถิติว่ามีการนำเสนอข่าวการล่วงละเมิดทางเพศในปี 2556 มากกว่า 158 ข่าว โดย 70.9% เป็นกรณีเด็กถูกกระทำชำเรา ซึ่งเป็นที่น่าตกใจมากที่เหยื่อซึ่งเป็นเด็กมีอายุน้อยที่สุดเพียง 5 เดือนเท่านั้น ส่วนผู้ก่อเหตุล่วงละเมิดทางเพศนั้น มีทั้งที่เป็นคนใกล้ชิดในครอบครัว เช่น พ่อแท้ๆ พ่อเลี้ยง พี่ชาย ลุง อา น้า ตา ปู่ หรือคนที่อยู่ในสังคมใกล้ตัว เช่น คุณครู เพื่อนบ้าน พระ เด็กนักเรียนโรงเรียนเดียวกัน คนขับรถรับส่ง ดังนั้น ในฐานะของพ่อแม่ผู้ปกครอง จึงต้องมีหน้าที่คอยดูแลเอาใจใส่บุตรหลานของตนเองเพื่อไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของการกระทำผิดทางเพศ ดังนี้
1.สอนลูกให้รู้จักระมัดระวังตนเอง ทั้งการไม่อยู่ลำพังคนเดียวในที่เปลี่ยวหรือที่ลับตาคน หากจะเดินทางไปไหนต้องคอยสังเกตดูเส้นทางเพื่อไม่ให้หลงทาง ไม่ให้ไว้ใจคนแปลกหน้าที่เข้ามาพูดหรือมีท่าทีแปลกๆ สั่งให้ลูกโทร.หาทันทีหากมีอะไรที่น่าจะผิดปกติหรือจะไปไหนกับใครแม้เป็นเพื่อนก็ต้องให้แจ้งให้พ่อแม่ทราบก่อนทุกครั้ง และแจ้งให้ไปรับหากกลับบ้านมืด พ่อแม่ต้องคอยสอนลูกเป็นระยะๆในเรื่องเหล่านี้ เพราะสำหรับเด็กๆแล้วจะไม่ค่อยใส่ใจและเห็นเป็นเรื่องน่าเบื่อที่ต้องทำตาม จึงต้องคอยบอกและเตือนอยู่เสมอ โดยอาจยกเอาข่าวหรือเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นจริงในสังคมมาบอกให้ลูกรับรู้ เพื่อว่าลูกจะได้เห็นถึงอันตรายที่สามารถเกิดขึ้นได้และกลัวเกรงต่อสิ่งนั้น แล้วเขาจะเห็นความสำคัญที่จะต้องระมัดระวังตนเองและทำตามที่พ่อแม่สอนไว้นั่นเอง
2.ให้ลูกแต่งกายอย่างเหมาะสม ไม่จำกัดว่าต้องเป็นเด็กวัยรุ่นอย่างเดียวเท่านั้นแล้ว เพราะแม้เป็นเด็กชั้นประถมก็ควรแต่งกายด้วยความระมัดระวัง โดยไม่ให้ลูกแต่งกายให้เป็นที่ดึงดูดความสนใจของเพศตรงข้าม เช่น แต่งตัวโป๊ สวมสายเดี่ยว เสื้อกล้าม สวมเสื้อที่บางเกินไปโดยไม่ใส่เสื้อทับใน สวมสื้อที่รัดรูปตนเห็นสัดส่วน สวมกางเกงหรือนุ่งกระโปรงที่สั้นกุด คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยดูแลให้ลูกแต่งกายอย่างเหมาะสม นอกจากจะเพื่อป้องกันตัวลูกเองที่จะไม่ตกเป็นอันตรายจากพวกโรคจิตหื่นกามได้แล้ว ยังเป็นการป้องกันอันตรายให้สังคมด้วยเพราะบางครั้งลูกเราอาจไม่ได้ตกเป็นเหยื่อแต่พอพวกคนไม่ดีเห็นการแต่งกายที่ไม่ระมัดระวังของลูกเราแล้ว อาจเก็บกดอารมณ์ไว้แล้วไปทำมิดีมิร้ายกับเด็กคนอื่นแทนก็เป็นได้
3.ให้ความสนใจเพื่อนของลูก คุณพ่อคุณแม่ควรเอาใจใส่ลูกโดยให้ความสนใจถึงเพื่อนๆ ที่ลูกคบหาด้วยว่ามีใครบ้าง ชื่ออะไรบ้าง บ้านของเพื่อนลูกอยู่ที่ไหน และควรมีเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนลูกด้วยเพื่อไว้ใช้ติดต่อในเวลาที่ไม่สามารถติดต่อลูกได้หรือเวลามีปัญหา และควรให้เบอร์โทรศัพท์ของพ่อแม่กับเพื่อนลูกไว้ด้วยเช่นกัน เผื่อว่าเพื่อนของลูกจะติดต่อหรือเวลาโทรศัพท์ลูกมีปัญหาจะได้สื่อสารกันได้
4.ระวังสื่อลามก ปัจจุบันมีสื่อลามกมากมายทั้งในรูปแบบของหนังสือ ซีดี ดีวีดี หรือสื่อลามกออนไลน์ ที่เป็นภาพ เสียง ห้องแชตออนไลน์ที่พูดคุยในเรื่องเพศ โชว์ของลับของสงวนกันอย่างโจ่งแจ้ง ชักชวนให้มีความสัมพันธ์ทางเพศกัน ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองควรระมัดระวังโดยการควบคุมการเล่นอินเทอร์เน็ตของลูก ตรวจดูการใช้ว่าลูกเข้าเว็บหรือใช้โปรแกรมอะไรบ้าง หรือไม่ให้ลูกแอบไปเล่นในที่ส่วนตัว นอกจากนี้ผู้เขียนขอแนะนำว่า คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรให้ลูกที่ยังอยู่ในช่วงวัย 6-15 ปี มีแท็บเล็ตและโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนหรือที่ต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ไว้เป็นของใช้ส่วนตัว เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกเข้าไปดูสื่อลามกที่เป็นภัยไปสู่การถูกล่วงละเมิดทางเพศได้ เพราะเมื่อเด็กได้เห็นได้ดูก็อาจอยากรู้อยากลองก็เป็นได้
5.สอนให้ลูกรู้จักวิธีป้องกันตนเอง คุณพ่อคุณแม่ต้องสอนลูกให้ป้องกันตนเองในยามที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย เช่น ให้ลูกพกนกหวีดติดตัว เมื่อมีเหตุร้ายเกิดขึ้นให้ลูกเป่านกหวีด เพื่อเป็นการเรียกให้คนมาช่วยเหลือได้ หรือให้กดเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินที่บันทึกเอาไว้นอกจากนี้ ถ้าเป็นไปได้คุณพ่อคุณแม่อาจพาลูกไปเรียนหรือฝึกวิธีป้องกันตนเองเบื้องต้นไว้ก็เป็นการดี ซึ่งผู้เขียนคิดว่าน่าจะมีการบรรจุเรื่องของการป้องกันภัยของเด็กๆ ไว้ในหลักสูตรการศึกษาในโรงเรียนด้วยการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก หรือการที่เด็กตกเป็นเหยื่อของการถูกกระทำชำเรามีเพิ่มขึ้นและทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมานี้ ได้มีข่าวเด็กหญิงอายุ 14 ปี ถูกพ่อแท้ๆ ตาและน้องชายของตา 2 คน เวียนกันข่มขืน นานกว่า 5 ปี ตั้งแต่เด็กอายุเพียง 9 ขวบ จนถึงอายุ 14 ปี และในเดือนสิงหาคม 2556 ถัดมา ก็มีข่าวเด็กหญิงวัยเพียง 4 ขวบ ที่อยู่บ้านพักเด็กและครอบครัวชลบุรี ถูกผู้ชายที่พักอยู่ในสถานสงเคราะห์กระทำชำเราทุกวัน จนเด็กเป็นไข้และมีอาการเจ็บปวดที่อวัยวะเพศและทวารหนักจนทนไม่ไหว ผู้เขียนรู้สึกสลดหดหู่ใจกับข่าวเหล่านี้เป็นอย่างมาก สงสารเด็กๆ ที่ต้องตกเป็นเหยื่อของคนจิตวิปริตและมีจิตใจต่ำทราม ที่สร้างรอยแผลเป็นทั้งทางกายและทางใจที่จะต้องฝังแน่นอยู่ในชีวิตของเด็กคนนั้นไปตลอดชีวิต ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่าคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องไกลตัว แต่ควรให้ความใส่ใจ ควรระมัดระวังบุตรหลานและเด็กๆ ที่อยู่ในความดูแลของท่านอย่างจริงจัง เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้มีเหตุการณ์ที่เศร้าสลดเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสังคมไทยของเราอีกต่อไป
1.สอนลูกให้รู้จักระมัดระวังตนเอง ทั้งการไม่อยู่ลำพังคนเดียวในที่เปลี่ยวหรือที่ลับตาคน หากจะเดินทางไปไหนต้องคอยสังเกตดูเส้นทางเพื่อไม่ให้หลงทาง ไม่ให้ไว้ใจคนแปลกหน้าที่เข้ามาพูดหรือมีท่าทีแปลกๆ สั่งให้ลูกโทร.หาทันทีหากมีอะไรที่น่าจะผิดปกติหรือจะไปไหนกับใครแม้เป็นเพื่อนก็ต้องให้แจ้งให้พ่อแม่ทราบก่อนทุกครั้ง และแจ้งให้ไปรับหากกลับบ้านมืด พ่อแม่ต้องคอยสอนลูกเป็นระยะๆในเรื่องเหล่านี้ เพราะสำหรับเด็กๆแล้วจะไม่ค่อยใส่ใจและเห็นเป็นเรื่องน่าเบื่อที่ต้องทำตาม จึงต้องคอยบอกและเตือนอยู่เสมอ โดยอาจยกเอาข่าวหรือเหตุการณ์ร้ายที่เกิดขึ้นจริงในสังคมมาบอกให้ลูกรับรู้ เพื่อว่าลูกจะได้เห็นถึงอันตรายที่สามารถเกิดขึ้นได้และกลัวเกรงต่อสิ่งนั้น แล้วเขาจะเห็นความสำคัญที่จะต้องระมัดระวังตนเองและทำตามที่พ่อแม่สอนไว้นั่นเอง
2.ให้ลูกแต่งกายอย่างเหมาะสม ไม่จำกัดว่าต้องเป็นเด็กวัยรุ่นอย่างเดียวเท่านั้นแล้ว เพราะแม้เป็นเด็กชั้นประถมก็ควรแต่งกายด้วยความระมัดระวัง โดยไม่ให้ลูกแต่งกายให้เป็นที่ดึงดูดความสนใจของเพศตรงข้าม เช่น แต่งตัวโป๊ สวมสายเดี่ยว เสื้อกล้าม สวมเสื้อที่บางเกินไปโดยไม่ใส่เสื้อทับใน สวมสื้อที่รัดรูปตนเห็นสัดส่วน สวมกางเกงหรือนุ่งกระโปรงที่สั้นกุด คุณพ่อคุณแม่ต้องคอยดูแลให้ลูกแต่งกายอย่างเหมาะสม นอกจากจะเพื่อป้องกันตัวลูกเองที่จะไม่ตกเป็นอันตรายจากพวกโรคจิตหื่นกามได้แล้ว ยังเป็นการป้องกันอันตรายให้สังคมด้วยเพราะบางครั้งลูกเราอาจไม่ได้ตกเป็นเหยื่อแต่พอพวกคนไม่ดีเห็นการแต่งกายที่ไม่ระมัดระวังของลูกเราแล้ว อาจเก็บกดอารมณ์ไว้แล้วไปทำมิดีมิร้ายกับเด็กคนอื่นแทนก็เป็นได้
3.ให้ความสนใจเพื่อนของลูก คุณพ่อคุณแม่ควรเอาใจใส่ลูกโดยให้ความสนใจถึงเพื่อนๆ ที่ลูกคบหาด้วยว่ามีใครบ้าง ชื่ออะไรบ้าง บ้านของเพื่อนลูกอยู่ที่ไหน และควรมีเบอร์โทรศัพท์ของเพื่อนลูกด้วยเพื่อไว้ใช้ติดต่อในเวลาที่ไม่สามารถติดต่อลูกได้หรือเวลามีปัญหา และควรให้เบอร์โทรศัพท์ของพ่อแม่กับเพื่อนลูกไว้ด้วยเช่นกัน เผื่อว่าเพื่อนของลูกจะติดต่อหรือเวลาโทรศัพท์ลูกมีปัญหาจะได้สื่อสารกันได้
4.ระวังสื่อลามก ปัจจุบันมีสื่อลามกมากมายทั้งในรูปแบบของหนังสือ ซีดี ดีวีดี หรือสื่อลามกออนไลน์ ที่เป็นภาพ เสียง ห้องแชตออนไลน์ที่พูดคุยในเรื่องเพศ โชว์ของลับของสงวนกันอย่างโจ่งแจ้ง ชักชวนให้มีความสัมพันธ์ทางเพศกัน ซึ่งพ่อแม่ผู้ปกครองควรระมัดระวังโดยการควบคุมการเล่นอินเทอร์เน็ตของลูก ตรวจดูการใช้ว่าลูกเข้าเว็บหรือใช้โปรแกรมอะไรบ้าง หรือไม่ให้ลูกแอบไปเล่นในที่ส่วนตัว นอกจากนี้ผู้เขียนขอแนะนำว่า คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรให้ลูกที่ยังอยู่ในช่วงวัย 6-15 ปี มีแท็บเล็ตและโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนหรือที่ต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตได้ไว้เป็นของใช้ส่วนตัว เพื่อป้องกันไม่ให้ลูกเข้าไปดูสื่อลามกที่เป็นภัยไปสู่การถูกล่วงละเมิดทางเพศได้ เพราะเมื่อเด็กได้เห็นได้ดูก็อาจอยากรู้อยากลองก็เป็นได้
5.สอนให้ลูกรู้จักวิธีป้องกันตนเอง คุณพ่อคุณแม่ต้องสอนลูกให้ป้องกันตนเองในยามที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย เช่น ให้ลูกพกนกหวีดติดตัว เมื่อมีเหตุร้ายเกิดขึ้นให้ลูกเป่านกหวีด เพื่อเป็นการเรียกให้คนมาช่วยเหลือได้ หรือให้กดเบอร์โทรศัพท์ฉุกเฉินที่บันทึกเอาไว้นอกจากนี้ ถ้าเป็นไปได้คุณพ่อคุณแม่อาจพาลูกไปเรียนหรือฝึกวิธีป้องกันตนเองเบื้องต้นไว้ก็เป็นการดี ซึ่งผู้เขียนคิดว่าน่าจะมีการบรรจุเรื่องของการป้องกันภัยของเด็กๆ ไว้ในหลักสูตรการศึกษาในโรงเรียนด้วยการล่วงละเมิดทางเพศเด็ก หรือการที่เด็กตกเป็นเหยื่อของการถูกกระทำชำเรามีเพิ่มขึ้นและทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเดือนกรกฎาคม 2556 ที่ผ่านมานี้ ได้มีข่าวเด็กหญิงอายุ 14 ปี ถูกพ่อแท้ๆ ตาและน้องชายของตา 2 คน เวียนกันข่มขืน นานกว่า 5 ปี ตั้งแต่เด็กอายุเพียง 9 ขวบ จนถึงอายุ 14 ปี และในเดือนสิงหาคม 2556 ถัดมา ก็มีข่าวเด็กหญิงวัยเพียง 4 ขวบ ที่อยู่บ้านพักเด็กและครอบครัวชลบุรี ถูกผู้ชายที่พักอยู่ในสถานสงเคราะห์กระทำชำเราทุกวัน จนเด็กเป็นไข้และมีอาการเจ็บปวดที่อวัยวะเพศและทวารหนักจนทนไม่ไหว ผู้เขียนรู้สึกสลดหดหู่ใจกับข่าวเหล่านี้เป็นอย่างมาก สงสารเด็กๆ ที่ต้องตกเป็นเหยื่อของคนจิตวิปริตและมีจิตใจต่ำทราม ที่สร้างรอยแผลเป็นทั้งทางกายและทางใจที่จะต้องฝังแน่นอยู่ในชีวิตของเด็กคนนั้นไปตลอดชีวิต ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองและผู้ที่เกี่ยวข้องอย่าคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องไกลตัว แต่ควรให้ความใส่ใจ ควรระมัดระวังบุตรหลานและเด็กๆ ที่อยู่ในความดูแลของท่านอย่างจริงจัง เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้มีเหตุการณ์ที่เศร้าสลดเช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในสังคมไทยของเราอีกต่อไป