สธ.เผยปฏิรูปสำนักปลัดฯ เล็งตั้งสำนักงานใหม่เพิ่มแยกคุมงานส่วนต่างๆ ทั้งการเงินการคลัง กำลังคนด้านสุขภาพ นโยบายยา และกฎหมาย ดีเดย์ 1 ต.ค.นี้
วันนี้ (5 ก.ย.) นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมผู้บริหาร สธ.ว่า วันนี้ได้มีการหารือเรื่องการวางแผนเขตบริการทั้ง 12 เขตบริการ และการปรับปรุงโครงสร้างของกรมต่างๆ รวมถึงการปฏิรูปสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) เนื่องจากโครงสร้างของ สป.สธ.ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อสนับสนุนหน่วยงานที่จะขึ้นเป็นเขตบริการเลย ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีการนำเสนอและมีการกำหนดโครงสร้างที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการใหม่ได้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้
นพ.ประดิษฐกล่าวอีกว่า ในเรื่องของคณะกรรมการนโยบายระบบสาธารณสุข (Public Health Syscem Policl Board;PH SPB) จะมีการจัดตั้งสำนักงานใหม่ๆ ขึ้นมา เพื่อรองรับนโยบายต่างๆ ที่ สธ.ควรจะดำเนินการมานานแล้ว เช่น สำนักนโยบายเรื่องการเงินการคลัง สำนักพัฒนากำลังคนในด้านสุขภาพ สำนักนโยบายยา ซึ่งในเรื่องยานั้นขณะนี้ สธ.มีปัญหาหลายเรื่อง เช่น นโยบายบัญชียาหลัก จะทำอย่างไรจึงสามารถบริหารให้มียาที่จะดูแลประชาชนได้ครบ โดยที่รัฐบาลสามารถดูแลและรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนได้ รวมถึงกรณีการดื้อยาปฏิชีวนะ ซึ่งส่งผลให้ภาพรวมของโรงพยาบาลมีค่าเสียหายปีละประมาณ 1 แสนล้านบาท และสำนักพัฒนากฎหมายทางด้านสาธารณสุข ที่จะมาดูเรื่องของกฎหมายกฎระเบียบต่างๆ ที่อาจต้องมีการปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับบริบทปัจจุบัน เป็นต้น
“ล่าสุดได้มีการปรับปรุงแก้ไขระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่ช่วยทำให้ผู้ประกอบการถุงมือยางสามารถเข้ามาประกอบธุรกิจในด้านนี้ได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีกฎหมายอีกหลายฉบับที่ สธ.ต้องเข้าไปดูแลเพื่อให้สอดคล้องกับปัจจุบัน เนื่องจากบางกฎหมายได้ใช้มานานกว่า 40-50 ปี เช่น กฎหมายด้านสาธารณสุขและบุคลากรต่างๆ และเรื่องการวางแผนการใช้งบประมาณปี 57 ทางคณะผู้ทำงานก็มั่นใจว่าภายใน ธ.ค.ปีนี้ จะสามารถใช้งบประมาณการลงทุนได้ครบ 100% ในเรื่องของการจัดซื้อครุภัณฑ์ ส่วนงบประมาณการก่อสร้างจะสามารถดำเนินการเซ็นสัญญาในเบื้องต้นได้เช่นกัน ทั้งนี้ยังมีการหารือถึงการใช้ยาในระบบ สธ.ให้คุ้มค่าเนื่องจาก สธ.มีเงินใช้เรื่องยาประมาณ 4 หมื่นล้าน” รมว.สาธารณสุขกล่าว
วันนี้ (5 ก.ย.) นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการประชุมผู้บริหาร สธ.ว่า วันนี้ได้มีการหารือเรื่องการวางแผนเขตบริการทั้ง 12 เขตบริการ และการปรับปรุงโครงสร้างของกรมต่างๆ รวมถึงการปฏิรูปสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สป.สธ.) เนื่องจากโครงสร้างของ สป.สธ.ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงเพื่อสนับสนุนหน่วยงานที่จะขึ้นเป็นเขตบริการเลย ดังนั้น ที่ประชุมจึงมีการนำเสนอและมีการกำหนดโครงสร้างที่ชัดเจน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการใหม่ได้ในวันที่ 1 ต.ค.นี้
นพ.ประดิษฐกล่าวอีกว่า ในเรื่องของคณะกรรมการนโยบายระบบสาธารณสุข (Public Health Syscem Policl Board;PH SPB) จะมีการจัดตั้งสำนักงานใหม่ๆ ขึ้นมา เพื่อรองรับนโยบายต่างๆ ที่ สธ.ควรจะดำเนินการมานานแล้ว เช่น สำนักนโยบายเรื่องการเงินการคลัง สำนักพัฒนากำลังคนในด้านสุขภาพ สำนักนโยบายยา ซึ่งในเรื่องยานั้นขณะนี้ สธ.มีปัญหาหลายเรื่อง เช่น นโยบายบัญชียาหลัก จะทำอย่างไรจึงสามารถบริหารให้มียาที่จะดูแลประชาชนได้ครบ โดยที่รัฐบาลสามารถดูแลและรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนได้ รวมถึงกรณีการดื้อยาปฏิชีวนะ ซึ่งส่งผลให้ภาพรวมของโรงพยาบาลมีค่าเสียหายปีละประมาณ 1 แสนล้านบาท และสำนักพัฒนากฎหมายทางด้านสาธารณสุข ที่จะมาดูเรื่องของกฎหมายกฎระเบียบต่างๆ ที่อาจต้องมีการปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับบริบทปัจจุบัน เป็นต้น
“ล่าสุดได้มีการปรับปรุงแก้ไขระเบียบของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ที่ช่วยทำให้ผู้ประกอบการถุงมือยางสามารถเข้ามาประกอบธุรกิจในด้านนี้ได้ง่ายขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีกฎหมายอีกหลายฉบับที่ สธ.ต้องเข้าไปดูแลเพื่อให้สอดคล้องกับปัจจุบัน เนื่องจากบางกฎหมายได้ใช้มานานกว่า 40-50 ปี เช่น กฎหมายด้านสาธารณสุขและบุคลากรต่างๆ และเรื่องการวางแผนการใช้งบประมาณปี 57 ทางคณะผู้ทำงานก็มั่นใจว่าภายใน ธ.ค.ปีนี้ จะสามารถใช้งบประมาณการลงทุนได้ครบ 100% ในเรื่องของการจัดซื้อครุภัณฑ์ ส่วนงบประมาณการก่อสร้างจะสามารถดำเนินการเซ็นสัญญาในเบื้องต้นได้เช่นกัน ทั้งนี้ยังมีการหารือถึงการใช้ยาในระบบ สธ.ให้คุ้มค่าเนื่องจาก สธ.มีเงินใช้เรื่องยาประมาณ 4 หมื่นล้าน” รมว.สาธารณสุขกล่าว