หลายคนอาจเคยสงสัยว่า ทำไมเวลาเราตื่นนอนตอนเช้าถึงมีอาการอ่อนเพลีย ไม่สดชื่นกระปรี้กระเปร่า สมองไม่ฉับไวปลอดโปร่ง ไม่พร้อมทำงาน อาการเหมือนคนนอนไม่เต็มอิ่ม ทั้งๆ ที่ไม่ได้นอนดึก นั่นอาจเป็นเพราะว่า คุณนอนหลับไม่สนิท หรือ การนอนของคุณไม่มีคุณภาพ
อ.ศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า การนอนหลับถือเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด แต่ต้องเป็นการนอนอย่างมีคุณภาพ หมายถึงการนอนหลับสนิทอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง ตื่นมารับวันใหม่พร้อมกับความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า และเต็มไปด้วยพลังพร้อมที่จะทำงานในวันนั้นๆ ช่วยให้การทำงานของร่างกาย และสมองเป็นไปได้อย่างปกติและมีประสิทธิภาพ เพราะในขณะที่เรานอนหลับสนิทนั้น ร่างกาย และสมองของเราจะทำงานสัมพันธ์อย่างเป็นระบบเพื่อการฟื้นฟูร่างกาย ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนสำคัญต่างๆ เช่น โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ฮอร์โมนเมลาโทนิน ที่ส่งผลต่อระบบหมุนเวียนเลือด ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาหลับสนิท ต่อมใต้สมองจะผลิตและหลั่งโกรทฮอร์โมน เพิ่มมากขึ้นหลายเท่า จึงมีผลต่อการเจริญเติบโตโดยเฉพาะในวัยเด็ก กระบวนการเมตาบอลิซึมของร่างกาย และกระตุ้นให้สร้างโปรตีนเพื่อใช้ซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ให้ทำงานเป็นปกติ แต่การที่ฮอร์โมนเมลาโทนินจะหลั่งได้เต็มที่จะต้องอยู่ในความมืด ฉนั้นจะต้องปิดไฟปิดม่านไม่ให้แสงมารบกวนการหลั่งของเมลาโทนิน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบว่าคนยุคใหม่โดยเฉพาะวัยทำงาน และวัยเรียน มักจะนอนน้อย หรือนอนไม่พอ ซึ่งอาจเนื่องมาจากปัญหาการนอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิทกันมากขึ้นที่ส่วนหนึ่งเกิดจากความเครียด และความวิตกกังวลจากการทำงาน หรือการเรียน การสอบที่มีการแข่งขันสูง อาจทำให้เกิดความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว บางคนวิตกกังวัลมากจนเก็บมาฝัน ยิ่งฝันยิ่งเครียด และยิ่งนอนไม่หลับ ส่งผลให้สุขภาพย่ำแย่ หงุดหงิดง่าย ประสิทธิภาพของสมองในการเรียนรู้และจดจำถดถอยลง อีกทั้งยังส่งผลเสียต่อผิวพรรณและทำให้แก่ก่อนวัยอีกด้วย
ผู้ที่มีคุณภาพการนอนไม่ดี คือนอนไม่เกิน 6 ชั่วโมงต่อคืน จะมีความเสี่ยงโรคเบาหวานและโรคหัวใจเพิ่มขึ้น ภูมิต้านทานลดลง และยังอาจส่งผลให้กินมาก อ้วนง่ายขึ้นอีกด้วย ฉะนั้น เราไม่ควรปล่อยให้ปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ หรืออาการนอนหลับไม่สนิท ทำให้นอนน้อยลงกลายเป็นความเคยชินจนทำลายสุขภาพโดยไม่รู้ตัว เราควรฝึกเข้านอนและตื่นนอนให้ตรงเวลาเป็นประจำทุกวัน ทั้งวันทำงานปกติและวันหยุด ผู้ที่มีความเครียดควรหาวิธีผ่อนคลายและจัดการกับความเครียดของตนเอง เช่น การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หรือการทำสมาธิ หลีกเลี่ยงการหลับตอนกลางวันนานๆ รวมถึงการดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนก่อนอน เป็นต้น นอกจากนี้ การรับประทานอาหารหรือสมุนไพรบางชนิด ที่มีส่วนช่วยให้ผ่อนคลายก็จะช่วยให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้น หนึ่งในพืชที่รู้จักกันดีทั่วโลกและนิยมนำมาใช้ก็คือคาโมมายล์ (Chamomile) ซึ่งผลการวิจัยพบว่า อะพิจีนีน (apinegin) ซึ่งเป็นสารพฤกษเคมีซึ่งอยู่ในกลุ่มฟลาโวนอยด์จากดอกคาโมมายล์ อาจมีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบ และช่วยให้รู้สึกสงบ คลายความกังวล ช่วยให้หลับสนิท ซึ่งถือเป็นคุณลักษณะเด่นที่ทำให้คาโมมายล์เป็นสมุนไพรที่เป็นที่นิยมและถูกนำมาชงดื่มก่อนนอน เพื่อการนอนหลับพักผ่อนอย่างผ่อนคลาย
ทั้งนี้ เราควรดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งสุขภาพกายให้สมบูรณ์แข็งแรง ดูแลสุขภาพจิตไม่ให้เครียดและวิตกกังวลมากจนเกินไป รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้ทุกๆ วันของคุณเป็นวันที่สดใส มีความพร้อมทั้งพลังกายพลังใจ ที่จะทำงานอย่างมีความสุขต่อไป
อ.ศัลยา คงสมบูรณ์เวช นักกำหนดอาหารขึ้นทะเบียนวิชาชีพจากสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า การนอนหลับถือเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด แต่ต้องเป็นการนอนอย่างมีคุณภาพ หมายถึงการนอนหลับสนิทอย่างน้อยวันละ 7-8 ชั่วโมง ตื่นมารับวันใหม่พร้อมกับความสดชื่น กระปรี้กระเปร่า และเต็มไปด้วยพลังพร้อมที่จะทำงานในวันนั้นๆ ช่วยให้การทำงานของร่างกาย และสมองเป็นไปได้อย่างปกติและมีประสิทธิภาพ เพราะในขณะที่เรานอนหลับสนิทนั้น ร่างกาย และสมองของเราจะทำงานสัมพันธ์อย่างเป็นระบบเพื่อการฟื้นฟูร่างกาย ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนสำคัญต่างๆ เช่น โกรทฮอร์โมน (Growth Hormone) ฮอร์โมนเมลาโทนิน ที่ส่งผลต่อระบบหมุนเวียนเลือด ระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบภูมิคุ้มกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาหลับสนิท ต่อมใต้สมองจะผลิตและหลั่งโกรทฮอร์โมน เพิ่มมากขึ้นหลายเท่า จึงมีผลต่อการเจริญเติบโตโดยเฉพาะในวัยเด็ก กระบวนการเมตาบอลิซึมของร่างกาย และกระตุ้นให้สร้างโปรตีนเพื่อใช้ซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ ให้ทำงานเป็นปกติ แต่การที่ฮอร์โมนเมลาโทนินจะหลั่งได้เต็มที่จะต้องอยู่ในความมืด ฉนั้นจะต้องปิดไฟปิดม่านไม่ให้แสงมารบกวนการหลั่งของเมลาโทนิน
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันพบว่าคนยุคใหม่โดยเฉพาะวัยทำงาน และวัยเรียน มักจะนอนน้อย หรือนอนไม่พอ ซึ่งอาจเนื่องมาจากปัญหาการนอนไม่หลับ หรือหลับไม่สนิทกันมากขึ้นที่ส่วนหนึ่งเกิดจากความเครียด และความวิตกกังวลจากการทำงาน หรือการเรียน การสอบที่มีการแข่งขันสูง อาจทำให้เกิดความเครียดสะสมโดยไม่รู้ตัว บางคนวิตกกังวัลมากจนเก็บมาฝัน ยิ่งฝันยิ่งเครียด และยิ่งนอนไม่หลับ ส่งผลให้สุขภาพย่ำแย่ หงุดหงิดง่าย ประสิทธิภาพของสมองในการเรียนรู้และจดจำถดถอยลง อีกทั้งยังส่งผลเสียต่อผิวพรรณและทำให้แก่ก่อนวัยอีกด้วย
ผู้ที่มีคุณภาพการนอนไม่ดี คือนอนไม่เกิน 6 ชั่วโมงต่อคืน จะมีความเสี่ยงโรคเบาหวานและโรคหัวใจเพิ่มขึ้น ภูมิต้านทานลดลง และยังอาจส่งผลให้กินมาก อ้วนง่ายขึ้นอีกด้วย ฉะนั้น เราไม่ควรปล่อยให้ปัญหาเรื่องการนอนไม่หลับ หรืออาการนอนหลับไม่สนิท ทำให้นอนน้อยลงกลายเป็นความเคยชินจนทำลายสุขภาพโดยไม่รู้ตัว เราควรฝึกเข้านอนและตื่นนอนให้ตรงเวลาเป็นประจำทุกวัน ทั้งวันทำงานปกติและวันหยุด ผู้ที่มีความเครียดควรหาวิธีผ่อนคลายและจัดการกับความเครียดของตนเอง เช่น การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ หรือการทำสมาธิ หลีกเลี่ยงการหลับตอนกลางวันนานๆ รวมถึงการดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มที่มีกาเฟอีนก่อนอน เป็นต้น นอกจากนี้ การรับประทานอาหารหรือสมุนไพรบางชนิด ที่มีส่วนช่วยให้ผ่อนคลายก็จะช่วยให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้น หนึ่งในพืชที่รู้จักกันดีทั่วโลกและนิยมนำมาใช้ก็คือคาโมมายล์ (Chamomile) ซึ่งผลการวิจัยพบว่า อะพิจีนีน (apinegin) ซึ่งเป็นสารพฤกษเคมีซึ่งอยู่ในกลุ่มฟลาโวนอยด์จากดอกคาโมมายล์ อาจมีฤทธิ์ในการต้านการอักเสบ และช่วยให้รู้สึกสงบ คลายความกังวล ช่วยให้หลับสนิท ซึ่งถือเป็นคุณลักษณะเด่นที่ทำให้คาโมมายล์เป็นสมุนไพรที่เป็นที่นิยมและถูกนำมาชงดื่มก่อนนอน เพื่อการนอนหลับพักผ่อนอย่างผ่อนคลาย
ทั้งนี้ เราควรดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ทั้งสุขภาพกายให้สมบูรณ์แข็งแรง ดูแลสุขภาพจิตไม่ให้เครียดและวิตกกังวลมากจนเกินไป รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายสม่ำเสมอ เพื่อให้ทุกๆ วันของคุณเป็นวันที่สดใส มีความพร้อมทั้งพลังกายพลังใจ ที่จะทำงานอย่างมีความสุขต่อไป