สภา กทม.เล็งชงผู้บริหารใช้จัดเก็บขยะระบบฮอปเปอร์ที่สายไหมก่อนหมดสัญญาฝังกลบ ชี้ระบบมีประสิทธิภาพสามารถเก็บกลิ่นที่ส่งผลกระทบกับประชาชนได้เป็นอย่างดี เริ่มใช้งานได้ พ.ย. 57
วันนี้ (13 ส.ค.) ที่สถานีโรงกำจัดขยะมูลฝอยบางเขน เขตสายไหม นายสมชาย เวสารัชตระกูล ส.ก.เขตสายไหม เขต 2 ฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 วงเงิน 65,000 ล้านบาท พร้อมนางสาวรัตติกาล แก้วเกิดมี ส.ก.เขตสายไหม เขต 1 คณะกรรมการ ร่วมประชุมและลงพื้นที่ตรวจโครงการปรับปรุงและสถานีกำจัดขยะของสำนักสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมและระบบควบคุมการทำงาน ของอาคารสถานีขนถ่ายมูลฝอย (ระบบใหม่) ศูนย์กำจัดมูลฝอยสายไหม ซึ่งจะสามารถเริ่มใช้งานในช่วงเดือน พ.ย. 57 ซึ่งสถานีกำจัดขยะระบบใหม่นี้ จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นขยะและช่วยคัดแยก บีบอัดเพื่อขนย้ายไปฝังกลบที่จังหวัดนครปฐมอีกด้วย
นายสมชาย กล่าวว่า จากการตรวจสถานีขนถ่ายมูลฝอย (ระบบใหม่) แบบตู้จัดเก็บขยะ ฮอปเปอร์ (input hopper) พบว่าทั้งอาคารและระบบควบคุมการทำงานมีความพร้อมในการใช้งาน โดยสถานีดังกล่าวจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ ภายหลังจากสิ้นสุดสัญญาที่สำนักสิ่งแวดล้อมได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนนำขยะไปทำลายโดยวิธีฝังกลบ ระยะที่ 2 ในช่วงเดือน พ.ย. 57 ทั้งนี้การจัดเก็บขยะและบีบอัดขยะแบบฮอปเปอร์ จะเป็นการแก้ปัญหากลิ่นขยะที่เคยส่งผลกระทบกับประชาชนชนในพื้นที่ โดยวิธีการ คือ รถขยะจะนำขยะมูลฝอยต่างๆ มาเทลงในตู้ฮอปเปอร์ทั้ง 4 ตู้ โดยระบบจะทำการบีบอัดขยะทั้งหมดเข้าตู้ฮอปเปอร์จนปริมาณขยะเต็ม และจะใช้รถบรรทุกเคลื่อนย้ายตู้ฮอปเปอร์ดังกล่าวเคลื่อนย้ายไปถ่ายเทฝังกลบที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม แล้วนำตู้ฮอปเปอร์มาจัดเก็บใหม่
ทั้งนี้ตั้งข้อสังเกตถึงผลดีของโครงการกำจัดขยะระบบใหม่จะสามารถลดปัญหากลิ่นขยะ และรองรับปริมาณขยะในฝั่งตะวันออกได้ประมาณ 2,300 ตัน/วัน รวมทั้งมีขบวนการที่รวดเร็วมากขึ้นในการนำขยะไปถ่ายเทและไม่ตกค้าง โดยเล็งเห็นว่าโครงการดังกล่าวมีความพร้อมและสามารถเริ่มดำเนินการได้ทันที ซึ่งตนจะเสนอผู้บริหารให้พิจารณาดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาได้เลยหรือไม่ เพราะหากตามแผนของสิ่งแวดล้อมซึ่งจะต้องรอสัญญาว่าจ้างจัดเก็บขยะระบบเก่าหมดลงในเดือน พ.ย.ปี 57 จะทำให้ประชาชนเสียประโยชน์และล่าช้าในการดำเนินการหรือไม่ นอกจากนี้ผู้บริหารควรรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการคัดแยกขยะ และให้ความรู้ในการนำขยะไปรีไซเคิลเป็นรายได้เสริม ซึ่งจะเป็นแก้ปัญหาขยะที่มีปริมาณมากขึ้นในปัจจุบันโดยแท้จริง รวมทั้งโครงการก่อสร้างเตาเผาขยะทั้ง 4 มุมเมือง ถือเป็นการแก้ปัญหาขยะแทนการนำไปฝังกลบ ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว แทนการฝังกลบที่กำลังประสบปัญหาเรื่องสถานที่และกลิ่นขยะสร้างความเดือดร้อนในขณะนี้
วันนี้ (13 ส.ค.) ที่สถานีโรงกำจัดขยะมูลฝอยบางเขน เขตสายไหม นายสมชาย เวสารัชตระกูล ส.ก.เขตสายไหม เขต 2 ฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2557 วงเงิน 65,000 ล้านบาท พร้อมนางสาวรัตติกาล แก้วเกิดมี ส.ก.เขตสายไหม เขต 1 คณะกรรมการ ร่วมประชุมและลงพื้นที่ตรวจโครงการปรับปรุงและสถานีกำจัดขยะของสำนักสิ่งแวดล้อม ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมและระบบควบคุมการทำงาน ของอาคารสถานีขนถ่ายมูลฝอย (ระบบใหม่) ศูนย์กำจัดมูลฝอยสายไหม ซึ่งจะสามารถเริ่มใช้งานในช่วงเดือน พ.ย. 57 ซึ่งสถานีกำจัดขยะระบบใหม่นี้ จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องกลิ่นขยะและช่วยคัดแยก บีบอัดเพื่อขนย้ายไปฝังกลบที่จังหวัดนครปฐมอีกด้วย
นายสมชาย กล่าวว่า จากการตรวจสถานีขนถ่ายมูลฝอย (ระบบใหม่) แบบตู้จัดเก็บขยะ ฮอปเปอร์ (input hopper) พบว่าทั้งอาคารและระบบควบคุมการทำงานมีความพร้อมในการใช้งาน โดยสถานีดังกล่าวจะสามารถเริ่มดำเนินการได้ ภายหลังจากสิ้นสุดสัญญาที่สำนักสิ่งแวดล้อมได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนนำขยะไปทำลายโดยวิธีฝังกลบ ระยะที่ 2 ในช่วงเดือน พ.ย. 57 ทั้งนี้การจัดเก็บขยะและบีบอัดขยะแบบฮอปเปอร์ จะเป็นการแก้ปัญหากลิ่นขยะที่เคยส่งผลกระทบกับประชาชนชนในพื้นที่ โดยวิธีการ คือ รถขยะจะนำขยะมูลฝอยต่างๆ มาเทลงในตู้ฮอปเปอร์ทั้ง 4 ตู้ โดยระบบจะทำการบีบอัดขยะทั้งหมดเข้าตู้ฮอปเปอร์จนปริมาณขยะเต็ม และจะใช้รถบรรทุกเคลื่อนย้ายตู้ฮอปเปอร์ดังกล่าวเคลื่อนย้ายไปถ่ายเทฝังกลบที่ อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม แล้วนำตู้ฮอปเปอร์มาจัดเก็บใหม่
ทั้งนี้ตั้งข้อสังเกตถึงผลดีของโครงการกำจัดขยะระบบใหม่จะสามารถลดปัญหากลิ่นขยะ และรองรับปริมาณขยะในฝั่งตะวันออกได้ประมาณ 2,300 ตัน/วัน รวมทั้งมีขบวนการที่รวดเร็วมากขึ้นในการนำขยะไปถ่ายเทและไม่ตกค้าง โดยเล็งเห็นว่าโครงการดังกล่าวมีความพร้อมและสามารถเริ่มดำเนินการได้ทันที ซึ่งตนจะเสนอผู้บริหารให้พิจารณาดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาได้เลยหรือไม่ เพราะหากตามแผนของสิ่งแวดล้อมซึ่งจะต้องรอสัญญาว่าจ้างจัดเก็บขยะระบบเก่าหมดลงในเดือน พ.ย.ปี 57 จะทำให้ประชาชนเสียประโยชน์และล่าช้าในการดำเนินการหรือไม่ นอกจากนี้ผู้บริหารควรรณรงค์และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการคัดแยกขยะ และให้ความรู้ในการนำขยะไปรีไซเคิลเป็นรายได้เสริม ซึ่งจะเป็นแก้ปัญหาขยะที่มีปริมาณมากขึ้นในปัจจุบันโดยแท้จริง รวมทั้งโครงการก่อสร้างเตาเผาขยะทั้ง 4 มุมเมือง ถือเป็นการแก้ปัญหาขยะแทนการนำไปฝังกลบ ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาว แทนการฝังกลบที่กำลังประสบปัญหาเรื่องสถานที่และกลิ่นขยะสร้างความเดือดร้อนในขณะนี้
