“หมอประดิษฐ” เบรกม็อบลูกจ้างประจำเข้าพบ นายกฯปู ขอเรียกร้องเพิ่มสิทธิรักษาพยาบาล จ่ายบำเหน็จหลังเกษียณ วอนมาหารือกันก่อน เหตุการเพิ่มสวัสดิการต้องพิจารณาหลายเหตุผล ชี้บอกเสียสิทธิอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูว่ารัฐให้สิทธิอะไรด้วย
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีลูกจ้างประจำของส่วนราชการแห่งประเทศไทย ยื่นข้อเรียกร้องผ่าน รมว.สาธารณสุข ถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องในเรื่องการแก้สิทธิประโยชน์เรื่องสิทธิค่ารักษาพยาบาล หลังจากเกษียณอายุราชการ และการจ่ายบำเหน็จรายเดือน หลังจากเกษียณอายุนั้น ว่า แต่เดิมกลุ่มลูกจ้างประจำฯ จะเรียกร้องขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีโดยรวมตัวกันวันที่ 13 ส.ค.นี้ แต่จากการหารือร่วมกันได้ขอร้องให้กลุ่มลูกจ้างประจำฯ หารือกันก่อน เพราะขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนทั้งในเรื่องจำนวนคนและงบประมาณที่ต้องใช้ และหากมีการชุมนุมกันในช่วงเวลานี้อาจมีความเข้าใจผิดทางการเมืองได้ จึงจะมีการประชุมร่วมกันภายใน 2 สัปดาห์ โดยเชิญตัวแทนกลุ่มลูกจ้างประจำฯ มาหารือ และภายใน 60 วันน่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนขึ้นถึงความเป็นไปได้
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันกลุ่มลูกจ้างประจำฯ มีจำนวน 2 แสนกว่าคน โดยมีลูกจ้างประจำฯ เกษียณอายุสะสมหมื่นกว่าคน และจะเกษียณอายุปีละประมาณ 3-4 พันคน แต่ไม่ใช่ตัวเลขที่ชัดเจน ซึ่งจะต้องมีการคำนวณผลกระทบทางการเงินของรัฐบาล จำเป็นต้องคำนวณการจัดหางบประมาณ เพราะแม้ว่าจะเป็นจำนวนงบประมาณที่ไม่สูง คือประมาณ 12,000 บาทต่อหัว และ 12 ล้านบาทต่อปี และ 5 หมื่นคน จะเท่ากับ 60 ล้านบาท อาจจะอยู่ในวิสัยที่จ่ายได้ แต่เป็นการให้ที่ต่อเนื่องและจะมีผลกระทบไปยังกลุ่มลูกจ้างอื่นๆ อีก จึงต้องพิจารณาเหตุผล ความจำเป็นในการเพิ่มสวัสดิการ และความชอบธรรม เพราะหากพูดเพียงแค่เรื่องขวัญกำลังใจอย่างเดียวไม่ได้ เพราะปัจจุบันก็มีสิทธิอื่นๆชยเชยทดแทนอยู่
“รัฐบาลจำเป็นต้องพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้าน และต้องเอาหลักการมาทำความเข้าใจกัน เพราะมีรายละเอียดมาก ด้วยกลุ่มลูกจ้างของราชการนั้นมีบริบทหลายอย่าง การให้สวัสดิการเพิ่มจึงต้องพิจารณาเหตุผลหลายอย่างประกอบกัน หากเป็นเรื่องการเสียสิทธิจากนโยบายของรัฐบาลจริงก็ต้องมีวิธีการเยียวยา แต่จะต้องดูเหตุผลประกอบกันว่า สิ่งที่ทำให้เกิดการเสียสิทธินั้น รัฐได้ให้สิทธิอะไรเป็นการตอบแทนบ้าง จะดูเรื่องเสียสิทธิอย่างเดียวไม่ได้ ถ้าจะบอกว่ารัฐบาลต้องทำประชานิยม ก็ต้องชี้แจงว่า ประชานิยมก็ต้องขึ้นอยู่กับความมั่นคงของประเทศด้วย” รมว.สาธารณสุข กล่าว
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกรณีลูกจ้างประจำของส่วนราชการแห่งประเทศไทย ยื่นข้อเรียกร้องผ่าน รมว.สาธารณสุข ถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องในเรื่องการแก้สิทธิประโยชน์เรื่องสิทธิค่ารักษาพยาบาล หลังจากเกษียณอายุราชการ และการจ่ายบำเหน็จรายเดือน หลังจากเกษียณอายุนั้น ว่า แต่เดิมกลุ่มลูกจ้างประจำฯ จะเรียกร้องขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีโดยรวมตัวกันวันที่ 13 ส.ค.นี้ แต่จากการหารือร่วมกันได้ขอร้องให้กลุ่มลูกจ้างประจำฯ หารือกันก่อน เพราะขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนทั้งในเรื่องจำนวนคนและงบประมาณที่ต้องใช้ และหากมีการชุมนุมกันในช่วงเวลานี้อาจมีความเข้าใจผิดทางการเมืองได้ จึงจะมีการประชุมร่วมกันภายใน 2 สัปดาห์ โดยเชิญตัวแทนกลุ่มลูกจ้างประจำฯ มาหารือ และภายใน 60 วันน่าจะได้คำตอบที่ชัดเจนขึ้นถึงความเป็นไปได้
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันกลุ่มลูกจ้างประจำฯ มีจำนวน 2 แสนกว่าคน โดยมีลูกจ้างประจำฯ เกษียณอายุสะสมหมื่นกว่าคน และจะเกษียณอายุปีละประมาณ 3-4 พันคน แต่ไม่ใช่ตัวเลขที่ชัดเจน ซึ่งจะต้องมีการคำนวณผลกระทบทางการเงินของรัฐบาล จำเป็นต้องคำนวณการจัดหางบประมาณ เพราะแม้ว่าจะเป็นจำนวนงบประมาณที่ไม่สูง คือประมาณ 12,000 บาทต่อหัว และ 12 ล้านบาทต่อปี และ 5 หมื่นคน จะเท่ากับ 60 ล้านบาท อาจจะอยู่ในวิสัยที่จ่ายได้ แต่เป็นการให้ที่ต่อเนื่องและจะมีผลกระทบไปยังกลุ่มลูกจ้างอื่นๆ อีก จึงต้องพิจารณาเหตุผล ความจำเป็นในการเพิ่มสวัสดิการ และความชอบธรรม เพราะหากพูดเพียงแค่เรื่องขวัญกำลังใจอย่างเดียวไม่ได้ เพราะปัจจุบันก็มีสิทธิอื่นๆชยเชยทดแทนอยู่
“รัฐบาลจำเป็นต้องพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้าน และต้องเอาหลักการมาทำความเข้าใจกัน เพราะมีรายละเอียดมาก ด้วยกลุ่มลูกจ้างของราชการนั้นมีบริบทหลายอย่าง การให้สวัสดิการเพิ่มจึงต้องพิจารณาเหตุผลหลายอย่างประกอบกัน หากเป็นเรื่องการเสียสิทธิจากนโยบายของรัฐบาลจริงก็ต้องมีวิธีการเยียวยา แต่จะต้องดูเหตุผลประกอบกันว่า สิ่งที่ทำให้เกิดการเสียสิทธินั้น รัฐได้ให้สิทธิอะไรเป็นการตอบแทนบ้าง จะดูเรื่องเสียสิทธิอย่างเดียวไม่ได้ ถ้าจะบอกว่ารัฐบาลต้องทำประชานิยม ก็ต้องชี้แจงว่า ประชานิยมก็ต้องขึ้นอยู่กับความมั่นคงของประเทศด้วย” รมว.สาธารณสุข กล่าว
