การแพทย์ทางเลือกพุ่งแรง คาดตอบสนองจิตใจผู้ป่วยมากกว่าแผนปัจจุบัน ส.ว.ชี้เกิดนักฉวยโอกาสเพียบ หากเปิดเออีซีจะยิ่งแรงกว่าเดิม จี้คุมเข้มอันไหนควรใช้หรือไม่ควรใช้ ด้านกรมพัฒนาการแพทย์ฯทางเลือกเสนอออกกฎหมายเฉพาะ ช่วยคนไทยเข้าถึงอย่างปลอดภัย
วันนี้ (29 ก.ค.) ที่โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ รัชดาฯ นพ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวในเวทีอภิปราย “การคุ้มครองผู้บริโภคกับการแพทย์ทางเลือก” ในงานสัมมนา “รักษาทางเลือก เรื่องจริงหรือค้ากำไร” จัดโดยคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข ร่วมกับ คณะกรรมาธิการการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ว่า ปัจจุบันการแพทย์ทางเลือกกำลังมาแรง เนื่องจากอาจตอบสนองต่อจิตใจของผู้ป่วยและญาติได้มากกว่าแพทย์แผนปัจจุบัน จึงมีปัญหาผู้ฉวยโอกาสต่อผู้บริโภคจำนวนมาก
“เมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนจะมีการแพทย์ทางเลือกจากประเทศสมาชิกเข้ามาสู่ไทยอีกเพียบ หน่วยงานภาครัฐและภาคสังคมที่เกี่ยวข้องต้องรีบดำเนินการทำหน้าที่วิเคราะห์ กลั่นกลอง เพื่อควบคุมด้านการแพทย์ทางเลือก แล้วบอกประชาชนว่าการแพทย์ทางเลือกที่ผุดขึ้นมาใหม่ อย่างไหนเป็นประโยชน์ อย่างไหนควรใช้อย่างระวัง หรืออย่างไหนควรชะลอไว้ก่อน หากไม่เร่งรีบปัญหาจะใหญ่ขึ้น จนควบคุมไม่ทัน” นพ.จักรธรรม กล่าว
ด้าน นพ.ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมฯมีหลักในการพิจารณาการแพทย์ทางเลือกที่จะนำมาใช้ในไทย 4 หลัก คือ 1.ประสิทธิผล ต้องมีข้อพิสูจน์ว่าใช้ได้จริง มีการศึกษาวิจัยรองรับ 2.ความปลอดภัยต่อสุขภาพหรือการตกค้างของพิษทั้งระยะสั้นและยาว 3.ความคุ้มค่า และ 4.ความน่าเชื่อถือ ในเรื่องของทฤษฎีและกลไกรักษา บำบัด หรือเรื่องราวและวิธีวิถีทางของการบำบัด ซึ่งการใช้ประโยชน์จากการแพทย์ทางเลือกจะนำไปใช้เสริม หรือใช้ร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบัน และนำไปใช้ทดแทนการแพทย์แผนปัจจุบันได้ โดยไม่ต้องอาศัยการแพทย์แผนปัจจุบัน
“การคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับการแพทย์ทางเลือก มีหลายหน่วยงานรับผิดชอบ แต่ขาดความรู้ที่จะคัดกรองการแพทย์ทางเลือกที่ได้ผลมาใช้ประโยชน์ จึงควบคุมกำกับจนมองการแพทย์ทางเลือกเป็นของผิดกฎหมายเกือบทุกอย่าง ประชาชน จึงยังไม่เข้าถึงการแพทย์ทางเลือกที่ได้ผล และเสียโอกาสในการนำการแพทย์ทางเลือกที่ได้ผลมาใช้อย่างปลอดภัย จึงควรมีกฎหมายการแพทย์ทางเลือกเป็นการเฉพาะที่ออกมาคุ้มครองผู้บริโภคให้มีโอกาสเข้าถึง และใช้แพทย์ทางเลือกที่ได้ผลในการดูแลสุขภาพอย่างปลอดภัย ทั้งการให้บริการ สถานที่ที่เหมาะสม และผลิตภัณฑ์สุขภาพด้านการแพทย์ทางเลือกอย่างปลอดภัยและคุ้มค่า” นพ.ณัฐวุฒิ กล่าว
วันนี้ (29 ก.ค.) ที่โรงแรมดิเอมเมอรัลด์ รัชดาฯ นพ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) กล่าวในเวทีอภิปราย “การคุ้มครองผู้บริโภคกับการแพทย์ทางเลือก” ในงานสัมมนา “รักษาทางเลือก เรื่องจริงหรือค้ากำไร” จัดโดยคณะกรรมาธิการการสาธารณสุข ร่วมกับ คณะกรรมาธิการการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพและการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ว่า ปัจจุบันการแพทย์ทางเลือกกำลังมาแรง เนื่องจากอาจตอบสนองต่อจิตใจของผู้ป่วยและญาติได้มากกว่าแพทย์แผนปัจจุบัน จึงมีปัญหาผู้ฉวยโอกาสต่อผู้บริโภคจำนวนมาก
“เมื่อเข้าสู่ประชาคมอาเซียนจะมีการแพทย์ทางเลือกจากประเทศสมาชิกเข้ามาสู่ไทยอีกเพียบ หน่วยงานภาครัฐและภาคสังคมที่เกี่ยวข้องต้องรีบดำเนินการทำหน้าที่วิเคราะห์ กลั่นกลอง เพื่อควบคุมด้านการแพทย์ทางเลือก แล้วบอกประชาชนว่าการแพทย์ทางเลือกที่ผุดขึ้นมาใหม่ อย่างไหนเป็นประโยชน์ อย่างไหนควรใช้อย่างระวัง หรืออย่างไหนควรชะลอไว้ก่อน หากไม่เร่งรีบปัญหาจะใหญ่ขึ้น จนควบคุมไม่ทัน” นพ.จักรธรรม กล่าว
ด้าน นพ.ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ รองอธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมฯมีหลักในการพิจารณาการแพทย์ทางเลือกที่จะนำมาใช้ในไทย 4 หลัก คือ 1.ประสิทธิผล ต้องมีข้อพิสูจน์ว่าใช้ได้จริง มีการศึกษาวิจัยรองรับ 2.ความปลอดภัยต่อสุขภาพหรือการตกค้างของพิษทั้งระยะสั้นและยาว 3.ความคุ้มค่า และ 4.ความน่าเชื่อถือ ในเรื่องของทฤษฎีและกลไกรักษา บำบัด หรือเรื่องราวและวิธีวิถีทางของการบำบัด ซึ่งการใช้ประโยชน์จากการแพทย์ทางเลือกจะนำไปใช้เสริม หรือใช้ร่วมกับการแพทย์แผนปัจจุบัน และนำไปใช้ทดแทนการแพทย์แผนปัจจุบันได้ โดยไม่ต้องอาศัยการแพทย์แผนปัจจุบัน
“การคุ้มครองผู้บริโภคเกี่ยวกับการแพทย์ทางเลือก มีหลายหน่วยงานรับผิดชอบ แต่ขาดความรู้ที่จะคัดกรองการแพทย์ทางเลือกที่ได้ผลมาใช้ประโยชน์ จึงควบคุมกำกับจนมองการแพทย์ทางเลือกเป็นของผิดกฎหมายเกือบทุกอย่าง ประชาชน จึงยังไม่เข้าถึงการแพทย์ทางเลือกที่ได้ผล และเสียโอกาสในการนำการแพทย์ทางเลือกที่ได้ผลมาใช้อย่างปลอดภัย จึงควรมีกฎหมายการแพทย์ทางเลือกเป็นการเฉพาะที่ออกมาคุ้มครองผู้บริโภคให้มีโอกาสเข้าถึง และใช้แพทย์ทางเลือกที่ได้ผลในการดูแลสุขภาพอย่างปลอดภัย ทั้งการให้บริการ สถานที่ที่เหมาะสม และผลิตภัณฑ์สุขภาพด้านการแพทย์ทางเลือกอย่างปลอดภัยและคุ้มค่า” นพ.ณัฐวุฒิ กล่าว