“ถ้าต้นน้ำทำผู้หญิงท้องคุณแม่จะว่าอย่างไงครับ”
จู่ๆ เจ้าต้นคนโตก็ถามขึ้นมาระหว่างการเดินทางไปพักผ่อนของครอบครัวเรา
โอ้..คุณลูกชายคนโตวัย 15 ปี เปิดบทสนทนาที่ทำให้แม่ต้องระทึกใจแต่เช้า แต่ก็เข้าใจดีว่าเป็นการตั้งคำถามที่ต่อเนื่องมาจากการดูละครเรื่องฮอร์โมนวัยว้าวุ่น ถึงตอนที่เด็กนักเรียนหญิงมีอะไรกับเพื่อนชาย และกังวลว่าตัวเองจะตั้งครรภ์
“อืมม์ ถ้ามันเกิดขึ้นจริง แม่ก็ต้องยอมรับ หนูก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองสิ แต่ชีวิตก็เปลี่ยนทันทีนะครับ ลองคิดดูว่ายังเรียนอยู่เลย แต่ต้องเป็นพ่อคน แล้วคนที่เป็นผู้หญิงเขาอาจต้องออกจากโรงเรียนกลางคันอีก แล้วอนาคตจากนั้นล่ะ หมดกันเลยนะ แต่แม่มั่นใจในตัวหนูว่าจะไม่ทำอะไรแบบนี้ใช่ไหมครับ แต่มันก็อาจมีโอกาสเกิดขึ้นก็ได้ ต้นน้ำรู้วิธีป้องกันหรือเปล่าครับ”
“รู้ครับ เรียนตั้งแต่ตอน ม.2 คุณครูสอนเรื่องการใช้ถุงยางอนามัย มียกตัวอย่างด้วยครับ ฯลฯ”
“เหรอดีแล้วล่ะครับ แต่สิ่งสำคัญคืออย่าเปิดโอกาสให้มีความเสี่ยงดีกว่านะครับ เออ..แล้วถ้าเกิดไม่มีถุงยางอนามัยล่ะ”
“นั่นสิ ไม่รู้เหมือนกันครับ”
จากนั้นบทสนทนาก็ยังคงเป็นเรื่องเพศอีกพักใหญ่ มีทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และสิ่งที่เกิดการเปลี่ยนแปลงทั้งเรื่องอารมณ์และร่างกายของเขา
ประเด็นที่นำมาเล่าให้ฟังและต้องการขับเน้นคือ เรื่องการสื่อสารระหว่างแม่ลูกที่สามารถพูดคุยเรื่องเพศได้แบบไม่มีเคอะเขิน และลูกก็เล่าให้ฟังอย่างตรงไปตรงมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะครอบครัวของเราใกล้ชิดกันและพูดคุยกันได้ทุกเรื่องมาตั้งแต่เล็ก แม้ในครั้งแรกๆ เขาจะยังไม่ค่อยกล้าคุยเรื่องเพศกับแม่ แต่เลือกที่จะคุยกับพ่อมากกว่า แต่แม่ก็พยายามที่จะทำให้เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติอีกเรื่องหนึ่งที่เราสามารถพูดคุยกันได้ จนกระทั่งเขาไว้ใจ และกล้าที่จะถามแม่อย่างตรงไปตรงมาเช่นกัน
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า สำหรับลูกวัยรุ่นนั้น เรื่องเพศไม่ใช่จู่ๆ จะสามารถพูดคุยกันได้ทันที ถ้าครอบครัวไม่ได้ใกล้ชิด หรือพูดคุยกันได้ทุกเรื่องอยู่แล้ว
และเด็กวัยรุ่นในบ้านเราส่วนใหญ่มักเลือกที่จะไม่คุยเรื่องเพศกับพ่อแม่ซะด้วยสิ
สาเหตุส่วนใหญ่ที่ลูกวัยรุ่นไม่อยากคุยเรื่องเพศกับพ่อแม่ ทั้งที่อยู่ในวัยที่อยากรู้อยากเห็น อยากรู้เรื่องเพศ แต่ไม่กล้าพูดคุย เพราะเกรงว่าพ่อแม่จะดุหรือตำหนิ หรือคิดว่าพ่อแม่ไม่เข้าใจตัวเอง หรือพ่อแม่ไม่มีเวลา ฯลฯ
ในขณะที่คนเป็นพ่อแม่ส่วนใหญ่มักคิดว่า เรื่องเพศเป็นเรื่องในที่ลับ ไม่ควรพูดคุยเปิดเผย และคนที่จะคุยเรื่องเพศได้ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ เป็นหมอ ครู หรือนักจิตวิทยา ซึ่งจริงๆ แล้วคนที่จะให้คำตอบเรื่องเพศกับลูกได้ดีที่สุด คือพ่อแม่ หรือสมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิดที่มีความรู้ต่างหาก เพราะเราเลี้ยงดูเขามาตั้งแต่เล็ก ใกล้ชิดเขามากที่สุด จึงควรจะเป็นผู้ที่ลูกนึกถึงเป็นคนแรกๆ และการที่จะทำให้ลูกนึกถึงก็ต้องเป็นเรื่องของพ่อแม่..!!
พ่อแม่ต้องทำความเข้าใจด้วยว่า เมื่อลูกก้าวเข้าสู่วัยรุ่น อย่างไรเขาก็ต้องมีโลกส่วนตัว เขาอยากพูดคุยกับเพื่อนวัยเดียวกัน มีสังคมของตัวเอง บางเรื่องพ่อแม่ก็ต้องไม่ไปเซ้าซี้ หรือพยายามทำทุกทางเพื่อให้เขาพูดคุยกับเราให้ได้ เพราะเขาอาจจะยิ่งทำตรงข้ามและยิ่งห่างออกไป
ทางที่ดีต้องปล่อยให้เขาเป็นตัวของตัวเอง โดยที่พ่อแม่แสดงตนให้เห็นชัดเจนว่าพร้อมรับฟังทุกปัญหาของลูก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าลูกมีปัญหาสามารถปรึกษาพ่อแม่ได้ทุกเรื่อง ทำให้ลูกเกิดความไว้วางใจ แต่ไม่ใช่ไปก้าวก่ายในทุกเรื่องของลูก
จริงอยู่ที่พ่อแม่อยากรู้ความเป็นไปของลูก พ่อแม่ก็ต้องมีเทคนิคด้วย อาจเป็นการชวนพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนคติด้วยการเล่าเรื่องเมื่อครั้งเป็นวัยรุ่นว่าพ่อแม่เป็นอย่างไร คิดอย่างไร เมื่อยุคสมัยเปลี่ยน พ่อแม่ก็อยากรู้ว่าลูกคิดอย่างไรในเรื่องเดียวกัน
นอกจากนี้ พ่อแม่อาจจะลองเลียบๆ เคียงๆ ถามความคิดเห็นทั้งลูกชายและลูกสาวให้ลูกรู้จักประเมินสถานการณ์ในการคบแฟน การป้องกันตัวเองจากการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย และการดูแลป้องกันตัวเองจากภัยทางเพศในรูปแบบต่างๆ ด้วย อาจยกเอาสถานการณ์ที่เกิดจากเรื่องจริง จากข่าว หรือจากละครวัยรุ่นที่กำลังฮอตฮิตอยู่ เพราะเป็นเรื่องใกล้ตัวของเขาหรือเธอ
ฉะนั้น สิ่งที่พ่อแม่ควรทำคือเป็นคนที่ลูกไว้วางใจในทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องการพูดคุยเรื่องเพศสัมพันธ์ด้วย ถ้าพ่อแม่พูดคุยกับลูกทุกเรื่อง และมีความใกล้ชิดสนิทสนมกันอยู่แล้ว ส่วนใหญ่ลูกก็กล้าที่จะพูดหรือถามพ่อแม่อย่างตรงไปตรงมา และเมื่อลูกถามอย่างตรงไปตรงมา แล้วได้รับคำตอบหรือคลายข้อสงสัย เมื่อเกิดข้อสงสัยอื่นๆ เขาก็พร้อมที่จะพูดคุยกับพ่อแม่ในเรื่องอื่นๆ ด้วย
ถ้าเข้าใจพัฒนาการตามวัยของลูก และพยายามสลายช่องว่างระหว่างวัย ซึ่งพ่อแม่ควรเป็นฝ่ายเริ่มต้นในการทำให้เรื่องเพศเป็นเรื่องปกติภายในครอบครัวให้ได้ ทุกอย่างก็จะง่ายขึ้น
คาถา 7 ข้อสั้นๆ สำหรับพ่อแม่ที่มีลูกวัยรุ่นควรมีและควรทำ
หนึ่ง เข้าใจ
สองยอมรับ
สามเปิดใจ
สี่รับฟัง
ห้าเป็นเพื่อน
หกให้ความรู้
เจ็ดมีเวลา
อ่านดูเหมือนง่าย แต่เอาเข้าจริงแล้วไม่ง่ายเลยกับสภาพชีวิตในปัจจุบัน..!!
แต่กับลูกสิ่งมีค่าที่สุดในชีวิตคนเป็นพ่อเป็นแม่ ไม่มีอะไรยากเกินไป และไม่มีอะไรทำไม่ได้หรอกค่ะ..จริงไหม ?