อาจารย์แพทย์ รพ.รามาฯ แนะ สธ.ให้อิสระโรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ บริหารงานเองตามกรอบนโยบาย เสนอรูปแบบองค์การมหาชน อย่าง รพ.บ้านแพ้ว ชี้ทำให้มีการเปิดกว้างแข่งขันกับเอกชน ทำให้โรงพยาบาลมีการพัฒนาประสิทธิภาพโดยอัตโนมัติ แต่ห้ามทอดทิ้งหากช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
ศ.นพ.ไพบูลย์ สุริยะวงศ์ไพศาล อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะหนึ่งในผู้ที่ทำการศึกษาบทบาทของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในการเป็นผู้ดูแลระดับนโยบายสุขภาพแห่งชาติ (National Health Authority) ว่า สิ่งสำคัญต้องมีความชัดเจนในแง่การทำหน้าที่ผู้กำหนดนโยบาย และผู้ใช้นโยบายเอง เนื่องจากปัจจุบัน สธ.เป็นเจ้าของโรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ ซึ่งก็เหมือนเป็นผู้ใช้นโยบายที่ตัวเองกำหนดด้วย ทำให้เกิดคำถามว่าเหมาะสมหรือไม่ ทั้งๆ ที่ควรแยกออกจากกันให้ชัดเจน ยกตัวอย่าง โรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) เดิมก็เป็นโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวง แต่เมื่อแยกออกมาก็มีความเป็นอิสระ สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง
ศ.นพ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า สธ.ควรปล่อยให้โรงพยาบาลในสังกัดทั้งหมดมีความเป็นอิสระ บริหารงานเองตามกรอบนโยบายที่กระทรวงกำหนด โดยโรงพยาบาลอาจออกมาในรูปแบบขององค์การมหาชน ซึ่งจะมีความเป็นอิสระขึ้น หรืออาจไม่ต้องถึงขั้นโรงพยาบาลบ้านแพ้ว เพียงแค่กระทรวงปล่อยให้โรงพยาบาลทำงาน โดยไม่เข้าไปแทรกแซง เปิดกว้างให้มีการแข่งขันกับภาคเอกชนก็จะทำให้โรงพยาบาลพัฒนาประสิทธิภาพของตัวเองโดยอัตโนมัติ ความยากคือ เมื่อปล่อยโรงพยาบาลรัฐออกเป็นอิสระแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะทอดทิ้งเลย เพราะหากพวกเขาช่วยตัวเองไม่ได้ กระทรวงฯก็ต้องช่วยเหลือด้วย
ศ.นพ.ไพบูลย์ สุริยะวงศ์ไพศาล อาจารย์คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในฐานะหนึ่งในผู้ที่ทำการศึกษาบทบาทของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในการเป็นผู้ดูแลระดับนโยบายสุขภาพแห่งชาติ (National Health Authority) ว่า สิ่งสำคัญต้องมีความชัดเจนในแง่การทำหน้าที่ผู้กำหนดนโยบาย และผู้ใช้นโยบายเอง เนื่องจากปัจจุบัน สธ.เป็นเจ้าของโรงพยาบาลในสังกัดทั่วประเทศ ซึ่งก็เหมือนเป็นผู้ใช้นโยบายที่ตัวเองกำหนดด้วย ทำให้เกิดคำถามว่าเหมาะสมหรือไม่ ทั้งๆ ที่ควรแยกออกจากกันให้ชัดเจน ยกตัวอย่าง โรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) เดิมก็เป็นโรงพยาบาลในสังกัดกระทรวง แต่เมื่อแยกออกมาก็มีความเป็นอิสระ สามารถอยู่ได้ด้วยตัวเอง
ศ.นพ.ไพบูลย์ กล่าวอีกว่า สธ.ควรปล่อยให้โรงพยาบาลในสังกัดทั้งหมดมีความเป็นอิสระ บริหารงานเองตามกรอบนโยบายที่กระทรวงกำหนด โดยโรงพยาบาลอาจออกมาในรูปแบบขององค์การมหาชน ซึ่งจะมีความเป็นอิสระขึ้น หรืออาจไม่ต้องถึงขั้นโรงพยาบาลบ้านแพ้ว เพียงแค่กระทรวงปล่อยให้โรงพยาบาลทำงาน โดยไม่เข้าไปแทรกแซง เปิดกว้างให้มีการแข่งขันกับภาคเอกชนก็จะทำให้โรงพยาบาลพัฒนาประสิทธิภาพของตัวเองโดยอัตโนมัติ ความยากคือ เมื่อปล่อยโรงพยาบาลรัฐออกเป็นอิสระแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะทอดทิ้งเลย เพราะหากพวกเขาช่วยตัวเองไม่ได้ กระทรวงฯก็ต้องช่วยเหลือด้วย