พลังงานสรุปเพิ่มสำรองน้ำมันทางกฎหมายจาก 5% เป็น 6% หรือจาก 36 วันเป็น 43 วัน เริ่มได้ 1 พ.ย. 56 นี้ ส่วนการเพิ่มสำรองเป็น 90 วันให้เอกชนลงทุนหลายรูปแบบ แต่ยังไม่สามารถกำหนดวันที่จะเริ่มสำรองได้ ยันไม่แตะเงินสำรอง ธปท.
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.พลังงาน เปิดเผยหลังการหารือกับผู้ค้ามาตรา 7 และโรงกลั่นว่า เอกชนจะสามารถเริ่มสำรองที่เพิ่มเป็น 6% ได้ 1 พ.ย. 56 หลังจากกระทรวงพลังงานจะต้องออกประกาศเพิ่มเติมตาม พ.ร.บ.น้ำมันเชื้อเพลิง โดยจะมีการผ่อนผันให้ผู้ประกอบการสามารถเก็บสำรองน้ำมันทั้งรูปแบบน้ำมันดิบ น้ำมันสำเร็จรูป หรือส่วนประกอบน้ำมันรูปแบบใดก็ได้ แต่ต้องมีสัดส่วน 6% ของการค้าน้ำมัน ซึ่งจะทำให้มีสำรองเพิ่มขึ้นอีก 4.7 ล้านบาร์เรล หรือเพิ่มเป็น 28 ล้านบาร์เรล จากปัจจุบันมีประมาณ 23.3 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ การเพิ่มสำรองน้ำมันเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเพิ่มความมั่นคงด้านพลังงาน หากเกิดปัญหาด้านการขนส่ง หรือสงครามในแหล่งผลิตประเทศไทยจะได้มีสำรองน้ำมันไว้ใช้ได้นานขึ้น โดยตามนโยบายแล้ว ในอนาคตประเทศไทยจะเพิ่มสำรองเป็น 90 วัน ซึ่งในส่วนที่จะเพิ่มขึ้นอีก 47 วันนั้นที่ประชุมได้ข้อสรุปร่วมกันว่ารัฐบาลจะไม่ใช่ผู้ลงทุน เอกชนพร้อมจะลงทุน แต่จะเป็นรูปแบบใดจะมีการหารือกันอย่างต่อเนื่อง และเพื่อลดวงเงินลงทุนในการสร้างคลังน้ำมันใหม่ การสำรองก็อาจจะไปจัดเก็บในโครงการท่อขนส่งน้ำมันเชื่อมอันดามัน-อ่าวไทย (เอนเนอร์ยีบริดจ์) ที่สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) อยู่ในระหว่างการศึกษา และอาจจะอยู่ในพื้นที่การก่อสร้างโครงการขนส่งน้ำมันทางท่อจากภาคกลางไปภาคเหนือและอีสาน เพื่อให้น้ำมันหน้าคลังมีราคาเท่ากันทั่วประเทศได้ด้วย
นายวีระพล จิรประดิษฐกุล อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า สำหรับรูปแบบการสำรองน้ำมันเพิ่มเป็น 90 วันจะมีการศึกษารูปแบบสำรองของต่างประเทศมาใช้ เช่น ญี่ปุ่น ยุโรป แต่ยุโรปมีการจัดตั้งสมาคม ซึ่งเป็นองค์กรไม่หวังผลกำไรขึ้นมาดูแลบริหารจัดการเนื้อน้ำมันและเช่าคลัง โดยมีผู้ค้า/โรงกลั่นเป็นสมาชิก และเอกชนสามารถขอยืมน้ำมันสำรองไปใช้ในช่วงฉุกเฉินได้ แนวโน้มน่าจะใช้รูปแบบของยุโรป โดยกระทรวงพลังงานจะต้องมีการร่างกฎหมายขึ้นมาเพื่อจัดตั้งสมาคมฯ ดังกล่าว ซึ่งจะไม่เป็นรูปแบบองค์การมหาชนอย่างแน่นอน ภาระการเงินที่เกิดขึ้นก็จะไม่เกี่ยวข้องกับหนี้สาธารณะของประเทศ และไม่มีการใช้เงินทุนสำรองระหว่างประเทศของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มาลงทุนแต่อย่างใด
“ภาระการลงทุนแม้เอกชนจะเป็นผู้ลงทุน แต่สุดท้ายแล้วจะบวกอยู่ในค่าน้ำมันที่ประชาชนจะต้องรับหากเปรียบเทียบราคาน้ำมันดิบที่ 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ปริมาณน้ำมันที่จัดเก็บจะเพิ่มอีก 30 ล้านบาร์เรล เมื่อคิดจากส่วนเพิ่ม 43 วันเป็น 90 วันก็คาดว่าจะคิดเป็นเงินราคาน้ำมัน 9 หมื่นล้านบาท” นายวีระพลกล่าว
