แท็บเล็ต ม.1 ส่อรอเก้อ! มติบอร์ดแท็บเล็ตให้ชะลอผลประมูลจัดซื้อ “จาตุรนต์” แจงสั่งชะลอเพื่อขอคำปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนเดินหน้าต่อไปเหตุมีข้อร้องเรียนฮั้วประมูล และมีบริษัทร่วมประมูลน้อย และได้ราคาต่ำกว่าราคากลางไม่มาก ส่วนการประมูลแท็บเล็ต ป.1 เดินหน้าตามปกติ พร้อมมอบ สพฐ.จัดประชุมเสวนาสอบถามผลการใช้แท็บเล็ต เพื่อปรับปรุงโครงการต่อไป
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริหารหนึ่งคอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ที่ประชุมได้รับทราบรายงานผลการประมูลจัดซื้อแท็บเล็ตตามโครงการคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต สำหรับนักเรียน ป.1 และ ม.1 ประจำปีการศึกษา 2556 (One Tablet PC Per Child) จำนวน 1.6 ล้านเครื่อง วงเงิน 4,611 ล้านบาท ด้วยวิธีการประมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-ออกชัน) ไปเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยแบ่งการประมูลออกเป็น 4 โซน แต่เปิดประมูลไปแค่ 3 โซน ประกอบด้วย โซน 1 เป็นการประมูลเครื่องแท็บเล็ตสำหรับนักเรียน ป.1 ในภาคกลางและภาคใต้ โซนที่ 2 แท็บเล็ต ป.1 ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โซนที่ 3 แท็บเล็ตของนักเรียนและครูชั้น ม.1 ภาคกลางและภาคใต้ ส่วนโซนที่ 4 แท็บเล็ต ม.1 ของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต้องประกาศยกเลิกการประมูลไปก่อน เนื่องจากมีบริษัทที่ผ่านการตรวจสอบเพียงบริษัทเดียวจึงไม่สามารถทำอี-ออกชันได้
นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการประมูลโซน 3 นั้น มีการร้องเรียนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริต (ภตช.) ทั้งในแง่ของการให้ข้อเท็จจริงและการให้ข้อคิดเห็นเข้ามาว่า มีการสมยอมในการประมูลเกิดขึ้น เนื่องจากในโซนนี้มีผู้ผ่านผู้ผ่านคุณสมบัติแค่ 2 ราย ราคาที่ประมูลได้ก็ต่ำกว่าราคากลางไม่มากนัก มีปัญหาเรื่องสเปกเครื่อง ทั้งมีกรณีบริษัทซึ่งผ่านการทดสอบคุณสมบัติเบื้องต้นในโซน 1 และ 2 กลับไม่ผ่านการทดสอบคุณสมบัติในโซน 3 เพราะฉะนั้น บอร์ดจึงมีมติให้ชะลอผลการประมูลในโซน 3 ไว้ก่อน ส่วนการประมูลในโซน 1 และ 2 ให้เดินหน้าไปตามขั้นตอนปกติได้ ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างขั้นตอนการต่อรองราคาให้ลดลงจากราคากลางอีก เพื่อสรุปนำส่งให้ รมว.ศึกษาธิการ อนุมัติ ระหว่างนี้หากไม่ข้อทักท้วงใดเข้ามาก็สามารถเดินหน้าจัดซื้อต่อได้ทันที
“ มีคำร้องเข้ามาไม่มากแต่ก็เพียงพอที่จะตัดสินใจชะลอการจัดซื้อแท็บเล็ตในโซน 3 ออกไปก่อนเพื่อเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมาให้ความเห็น ข้อเสนอแนะต่อรัฐมนตรี ผมต้องการรู้ว่า เมื่อเกิดกรณีอย่างนี้ขึ้น รัฐมนตรีควรใช้ดุลพินิจตัดสินใจอย่างไรถึงจะดีที่สุดและเป็นไปตามกฎหมาย ขณะเดียวกัน ก็ต้องหาทางอุดช่องโหว่ของกฎหมาย กฎระเบียบที่ใช้อยู่ เพื่อให้เกิดปัญหาขึ้นในอนาคตอีก ทั้งนี้ คาดว่า ในสัปดาห์ จะสามารถเรียนประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ได้” นายจาตุรนต์ กล่าว
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะถึงขั้นยกเลิกการประมูลหรือไม่ และในกรณีนี้มีความจำเป็นต้องเลื่อนกระบวนการจัดซื้อออกไปก่อนด้วยหรือไม่ จึงต้องประชุมหารือกันก่อน และสำหรับการจัดซื้อแท็บเล็ตในโซน 4 นั้น คงต้องรอดูผลการหารือร่วมกับผู้เชี่ยวชาญและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในสัปดาห์หน้าก่อนว่า ต้องทำอย่างไรบ้างให้เป็นไปตามกฎหมาย และได้ผลออกมาดีที่สุด เพราะเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นก็ไม่อยากทำแบบลวกๆ ให้จบไป เนื่องจากมีตัวอย่างให้เห็นแล้วว่าโครงการที่มีการอนุมัติสมัยรมว.คนก่อน เมื่อเปลี่ยน รมว.แล้วอนุมัติให้ดำเนินการต่อโดยที่ไม่มีการพิจารณาใหม่ก็อาจโดนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบได้
ในส่วนของการจัดการด้านเนื้อหานั้น ที่ประชุมได้มอบหมายให้ สพฐ.ไปตั้งคณะอนุกรรมการสร้างมาตรฐานและพัฒนาเนื้อหานวัตกรรมการเรียนการสอนที่จะบรรจุไว้ในแท็บเล็ต เพื่อให้มีเนื้อหาครอบคลุมเหมาะสมกับการใช้ของเด็ก รวมทั้งให้ สพฐ.ไปจัดประชุมรวบรวมผลการวิจัยและการศึกษา รวมถึงการรับฟังความคิดเห็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้แท็บเล็ตทั้งในแง่ความทั่วถึง คุณภาพ ปัญหา อุปสรรค และประโยชน์ของแท็บเล็ตต่อการเรียนของนักเรียน เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาประเมินว่า โครงการนี้จะต้องปรับปรุง แก้ไขอย่างไรบ้าง
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการบริหารหนึ่งคอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ต่อ 1 นักเรียน เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ที่ประชุมได้รับทราบรายงานผลการประมูลจัดซื้อแท็บเล็ตตามโครงการคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต สำหรับนักเรียน ป.1 และ ม.1 ประจำปีการศึกษา 2556 (One Tablet PC Per Child) จำนวน 1.6 ล้านเครื่อง วงเงิน 4,611 ล้านบาท ด้วยวิธีการประมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ (อี-ออกชัน) ไปเมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยแบ่งการประมูลออกเป็น 4 โซน แต่เปิดประมูลไปแค่ 3 โซน ประกอบด้วย โซน 1 เป็นการประมูลเครื่องแท็บเล็ตสำหรับนักเรียน ป.1 ในภาคกลางและภาคใต้ โซนที่ 2 แท็บเล็ต ป.1 ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โซนที่ 3 แท็บเล็ตของนักเรียนและครูชั้น ม.1 ภาคกลางและภาคใต้ ส่วนโซนที่ 4 แท็บเล็ต ม.1 ของภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ต้องประกาศยกเลิกการประมูลไปก่อน เนื่องจากมีบริษัทที่ผ่านการตรวจสอบเพียงบริษัทเดียวจึงไม่สามารถทำอี-ออกชันได้
นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการประมูลโซน 3 นั้น มีการร้องเรียนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคีเครือข่ายต่อต้านการทุจริต (ภตช.) ทั้งในแง่ของการให้ข้อเท็จจริงและการให้ข้อคิดเห็นเข้ามาว่า มีการสมยอมในการประมูลเกิดขึ้น เนื่องจากในโซนนี้มีผู้ผ่านผู้ผ่านคุณสมบัติแค่ 2 ราย ราคาที่ประมูลได้ก็ต่ำกว่าราคากลางไม่มากนัก มีปัญหาเรื่องสเปกเครื่อง ทั้งมีกรณีบริษัทซึ่งผ่านการทดสอบคุณสมบัติเบื้องต้นในโซน 1 และ 2 กลับไม่ผ่านการทดสอบคุณสมบัติในโซน 3 เพราะฉะนั้น บอร์ดจึงมีมติให้ชะลอผลการประมูลในโซน 3 ไว้ก่อน ส่วนการประมูลในโซน 1 และ 2 ให้เดินหน้าไปตามขั้นตอนปกติได้ ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างขั้นตอนการต่อรองราคาให้ลดลงจากราคากลางอีก เพื่อสรุปนำส่งให้ รมว.ศึกษาธิการ อนุมัติ ระหว่างนี้หากไม่ข้อทักท้วงใดเข้ามาก็สามารถเดินหน้าจัดซื้อต่อได้ทันที
“ มีคำร้องเข้ามาไม่มากแต่ก็เพียงพอที่จะตัดสินใจชะลอการจัดซื้อแท็บเล็ตในโซน 3 ออกไปก่อนเพื่อเชิญผู้ที่เกี่ยวข้อง ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายมาให้ความเห็น ข้อเสนอแนะต่อรัฐมนตรี ผมต้องการรู้ว่า เมื่อเกิดกรณีอย่างนี้ขึ้น รัฐมนตรีควรใช้ดุลพินิจตัดสินใจอย่างไรถึงจะดีที่สุดและเป็นไปตามกฎหมาย ขณะเดียวกัน ก็ต้องหาทางอุดช่องโหว่ของกฎหมาย กฎระเบียบที่ใช้อยู่ เพื่อให้เกิดปัญหาขึ้นในอนาคตอีก ทั้งนี้ คาดว่า ในสัปดาห์ จะสามารถเรียนประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ได้” นายจาตุรนต์ กล่าว
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะถึงขั้นยกเลิกการประมูลหรือไม่ และในกรณีนี้มีความจำเป็นต้องเลื่อนกระบวนการจัดซื้อออกไปก่อนด้วยหรือไม่ จึงต้องประชุมหารือกันก่อน และสำหรับการจัดซื้อแท็บเล็ตในโซน 4 นั้น คงต้องรอดูผลการหารือร่วมกับผู้เชี่ยวชาญและผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในสัปดาห์หน้าก่อนว่า ต้องทำอย่างไรบ้างให้เป็นไปตามกฎหมาย และได้ผลออกมาดีที่สุด เพราะเมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นก็ไม่อยากทำแบบลวกๆ ให้จบไป เนื่องจากมีตัวอย่างให้เห็นแล้วว่าโครงการที่มีการอนุมัติสมัยรมว.คนก่อน เมื่อเปลี่ยน รมว.แล้วอนุมัติให้ดำเนินการต่อโดยที่ไม่มีการพิจารณาใหม่ก็อาจโดนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบได้
ในส่วนของการจัดการด้านเนื้อหานั้น ที่ประชุมได้มอบหมายให้ สพฐ.ไปตั้งคณะอนุกรรมการสร้างมาตรฐานและพัฒนาเนื้อหานวัตกรรมการเรียนการสอนที่จะบรรจุไว้ในแท็บเล็ต เพื่อให้มีเนื้อหาครอบคลุมเหมาะสมกับการใช้ของเด็ก รวมทั้งให้ สพฐ.ไปจัดประชุมรวบรวมผลการวิจัยและการศึกษา รวมถึงการรับฟังความคิดเห็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้แท็บเล็ตทั้งในแง่ความทั่วถึง คุณภาพ ปัญหา อุปสรรค และประโยชน์ของแท็บเล็ตต่อการเรียนของนักเรียน เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาประเมินว่า โครงการนี้จะต้องปรับปรุง แก้ไขอย่างไรบ้าง
