“พงศ์เทพ” ถอนก้นจากตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ ฝาก “จาตุรนต์” สานต่อเรื่องปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน คาดแล้วเสร็จใน 2 เดือน บอกเชื่่อมือเพราะเคยเป็นเจ้ากระทรวงนี้มาแล้ว ขณะที่เจ้าตัวบอกมานั่งเก้าอี้เสมา 1 เหมือนกลับบ้านเก่า เพราะเป็นตำแหน่งสุดท้ายก่อนถูกเว้นวรรคทางการเมือง พร้อมสานต่องาน “พงศ์เทพ” ที่ทำไว้ดี และเดินตามนโยบาย ตั้งเป้ายกเครื่องการศึกษาประเทศให้แข่งขันกับอาเซียนและเวทีโลก ยันแบ่งงานใหม่กับ “เสริมศักดิ์” แน่นอนเพราะดูแลแค่ ศธ.มีเวลาทำงานเยอะ
วันนี้ (1 ก.ค.) เมื่อเวลา 12.20 น.ที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเดินทางเข้าสักการะพระพุทธบารมีศักดิ์สิทธิ์ สยามิศรจักรี สัฎฐีอนุสรณ์ ศึกษาทรรังสรรค์ พระพุทธรูปประจำ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ศาลพระภูมิเจ้าที่ และพระบรมอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 6 ในโอกาสพ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยมีข้าราชการ และผู้บริหารองค์กรหลักของ ศธ.ต้อนรับ
โดย นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ตนขอฝากให้นายจาตุรนต์ ฉายแสง รมว.ศึกษาธิการ ช่วยสานต่องานเรื่องปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งเวลาการดำเนินการมีความคืบหน้าไปมาก และคาดว่า จะแล้วเสร็จอีกใน 2 เดือนนี้ ต่อจากนั้นก็จะต้องเร่งทำความเข้าใจกับครูและผู้สถานศึกษาทั่วประเทศ ในการนำหลักสูตรไปใช้ในการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนเรื่องการสอบสวนการทุจริตต่างๆ อาทิ กรณีการทุจริตการสอบครูผู้ช่วย ตนเชื่อว่าจะไม่มีปัญหา เพราะกระบวนการตรวจสอบต่างๆ ต้องดำเนินการไปตามระเบียบอยู่แล้ว
“ตลอดเวลาที่ผมทำงานอยู่ที่นี่ ก็มีปัญหาบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของการทำงาน แต่ก็ได้รับความร่วมมือที่ดีทั้งจากข้าราชการ ศธ.และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ ที่แบ่งเบาภาระในการทำงาน ทำให้สามารถดำเนินงานต่างๆ ได้อย่างคล่องตัว สำหรับนายจาตุรนต์ เคยเป็น รมว.ศึกษาธิการแล้วสมัยหนึ่ง จึงมีความเข้าใจเรื่องการศึกษารวมถึงปัญหาต่างๆ แล้วระดับหนึ่ง เชื่อว่าจะไม่มีปัญหาเรื่องการทำงานอย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน หากมีปัญหาอะไร ผมก็อยู่ที่ทำเนียบรัฐบาล หากนายจาตุรนต์มีข้อสงสัยอะไร ก็เราสามารถโทร.หากันได้ตลอด” นายพงศ์เทพ กล่าว
จากนั้นเวลา 13.00 น. นายจาตุรนต์ เดินทางมาถึง ศธ.พร้อมสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำ ศธ.โดยมีนายพงศ์เทพ และผู้บริหาร ศธ.ให้การต้อนรับ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า รู้สึกยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับมอบหมายให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ซึ่งเหมือนได้กลับบ้านเก่าอีกครั้ง เพราะตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ ศธ.เป็นตำแหน่งสุดท้ายก่อนที่จะถูกเว้นวรรคทางการเมือง โดยตนพร้อมที่จะทำหน้าที่นี้ เนื่องจากงานการศึกษาเป็นงานที่สำคัญ ในการที่จะเอื้ออำนวยและส่งผลต่อการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่ประเทศไทยกำลังจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และอยู่ระหว่างเกิดปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจโลก ดังนั้นการพัฒนาด้านการศึกษาให้กับคนจึงเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง
“งานเร่งด่วนที่จากนี้ คือ ยกเครื่องการศึกษาของประเทศ เพื่อให้สามารถอยู่ร่วมและแข่งขันกับประเทศในอาเซียนและเวทีโลกได้ ที่ผ่านมาผมกับนายพงศ์เทพ ได้มีการหารือกับอยู่ประจำ และก่อนเข้ารับตำแหน่งนายพงศ์เทพ ได้ส่งเอกสารเกี่ยวนโยบายการศึกษาที่ได้ดำเนินการมาให้ผมได้ศึกษาก่อนล่วงหน้าแล้วหลายปึก ล้วนแต่เป็นนโยบายที่ดี และเพราะมีการเปลี่ยน รมว.ศึกษาธิการ บ่อย จึงไม่อยากให้คิดว่าเมื่อเปลี่ยนรัฐมนตรีแล้วนโยบายจะต้องเปลี่ยน และในวันที่ 3 ก.ค.นี้ ผมจะประชุมหารือและรับฟังความคิดเห็นของผู้บริหาร ศธ.เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายที่ผ่านมาเพื่อจะกำหนดเป็นนโยบายของตนต่อไป เบื้องต้นตั้งใจว่าจะมาสานต่อนโยบายของ นายพงศ์เทพ และเดินตามนโยบายของรัฐบาลเป็นหลัก” นายจาตุรนต์ กล่าว
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า สำหรับการแบ่งงานกับนายเสริมศักดิ์ นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกันอย่างเป็นทางการ แต่คงต้องมีการแบ่งงานใหม่และแตกต่างจากสมัยนายพงศ์เทพ แน่นอน เพราะมีภารกิจในฐานะรองนายกฯด้วย งานจึงค่อนข้างมาก แต่ตนมาเป็น รมว.ศึกษาธิการ เพียงตำแหน่งเดียวจึงมีเวลาดูแลเรื่องการศึกษาอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม สำหรับปัญหาการสอบสวนการทุจริตต่างๆ นั้น จะไม่มีการหยุดชะงักแน่นอน ต้องเดินหน้าสานต่อเพื่อรักษาผลประโยชน์ของชาติอย่างเต็มที่ ตนเป็นคนที่เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้มาโดยตลอด