“จาตุรนต์” ฝากองค์กรหลักเร่งวางระบบการศึกษา ตั้งเป้าพัฒนาหลักสูตร ครู ผู้เรียน เน้นหน่วยงานทำงานประสานเชื่อมโยง พร้อมย้ำเนื้อในแท็บเล็ตต้องมีมาตรฐานสนับสนุนการเรียนรู้ ชี้ควรสอนให้เด็กรู้จักคิดต่อยอดจากคำตอบที่ค้นหาจากอินเทอร์เน็ต ไม่ได้เจออะไรก็มาตอบเหมือนการตัดแปะ
วันนี้ (3 ก.ค.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ว่า ได้รับฟังรายงานความคืบหน้า ข้อเสนอแนะ และปัญหาอุปสรรคในการดำเนินงานเรื่องต่างๆ ของสำนักงานปลัด ศธ.และสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) โดยพบว่าแต่ละหน่วยงานมีการนำนโยบายของรัฐบาลในด้านการศึกษามาจำแนกแยกแยะ พัฒนาเป็นแผนยุทธศาสตร์ได้อย่างดีและมีความชัดเจนในหลายเรื่องเพื่อให้สามารถนำนโยบายเดินไปสู่เป้าหมายได้เป็นผลสำเร็จ แต่ทั้งนี้ในส่วนของการนำไปปฏิบัตินั้น เนื่องจาก ศธ.มีหลายหน่วยงานมีผู้บริหารกำกับดูแลหน่วยงานตนเอง ซึ่งไม่มีตัวกลางเป็นประสานงานเชื่อมโยง อย่างไรก็ตาม ตนอยากให้ทุกหน่วยงานมีการประสานและเชื่อมโยงกันเพื่อให้การทำงานเดินไปในทิศทางเดียวกับ
ทั้งนี้ ตนได้เสนอประเด็นสำคัญที่ต้องเร่งทำ 4-5 ประเด็น โดยเฉพาะในเรื่องการปฏิรูปหลักสูตรการเรียนการสอนหรือการเรียนรู้ การพัฒนาครู การทดสอบ การวัดผล และการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษา ซึ่งจะต้องมีการนำไปอิงกับการจัดอันดับในการประเมินขององค์กรระหว่างประเทศ อีกทั้งจะต้องมีการพัฒนาระบบประเมินของไทยให้ดี และมีมาตรฐานมากขึ้นด้วย เพราะฉะนั้น จากนี้ทุกหน่วยงานจะต้องช่วยคิดทบทวนว่าจะทำงานให้มีความเชื่อมโยงกันได้อย่างไร เพื่อให้การศึกษาได้รับการพัฒนามากขึ้น โดยเฉพาะในการทดสอบทางการศึกษาที่ สถาบันการทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) ดำเนินการนั้นควรจะต้องเชื่อมโยงกับเนื่อหาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เพื่อที่เมื่อการวัดประเมินผลออกมาผลสัมฤทธิ์ที่ได้จะได้สะท้อนตามจริงไม่ใช่คะแนนเด็กออกมาต่ำเพราะข้อสอบยากเกินไป หรือถ้าเด็กทำคะแนนได้สูง เพราะได้ไปเรียนรู้นอกห้องเรียนมาแล้ว ดังนั้น ต้องมีมาตรฐานกลางในการทดสอบและเชื่อมโยงตั้งแต่ระดับพื้นฐานไปจนถึงอุดมศึกษา ขณะเดียวกัน ผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนจะต้องเชื่อมโยงกับการประเมินวิทยฐานะของครูด้วย
“เวลานี้ต้องเร่งให้ดำเนินการปฏิรูปการเรียนการสอนคู่ขนานไปกับการปฏิรูปหลักสูตรการศึกษาขึ้นพื้นฐาน ซึ่งจะต้องใช้เวลาพอสมควรและอาจต้องใช้เวลา 5-6 ปีกว่าที่จะได้ใช้หลักสูตรอย่างทั่วถึงทั้งประเทศ ดังนั้น ในระหว่างนี้จะต้องมีการปรับการเรียนการสอนเพื่อให้เด็กมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ปัจจุบันอินเทอร์เน็ตเข้ามามีบทบาทกับเด็กมาก เราจึงต้องนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ แต่ไม่ใช่จะนำมาใช้เพียงให้เด็กค้นหาคำตอบ แล้วนำมาตัดแปะส่งครูเท่านั้น แต่จะต้องสอนให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์ สามารถอธิบาย ได้ว่าสิ่งที่ไปค้นหาคำตอบมานั้นจะเชื่องโยงไปสู่เรื่องต่างๆ ได้ ซึ่งผมได้เน้นย้ำในเรื่องการจัดหาเนื้อหาที่จะมาบรรจุอยู่ในคอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต) ด้วยว่าจะต้องทำให้มีมาตรฐาน โดยคัดเลือกเนื้อหาที่สามารถทำให้เด็กเรียนรู้ได้รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ ไม่ใช่จะเอาเนื้อหาอะไรใส่ให้เด็กก็ได้” นายจาตุรนต์ กล่าว