ขรก.ศธ.โวย “พนิตา” ย้ายไม่เป็นธรรม จ่อร้องเรียน กพค.ขณะที่ ผอ.สำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา ซึ่งถูกโยกไปภาคใต้ตัดสินใจยื่นใบลาออกแล้ว เผยประเมินตนเองแล้วไม่เหมาะสมและไม่คุ้นเคยกับพื้นที่
ตามที่ นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ลงนามในคำสั่ง สป.ศธ.ที่ 267/2556 มอบหมายให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่และช่วยปฏิบัติราชการ ดังนี้ นายเบญจรงค์ ศรีเนตร ตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักประสานงานและบูรณาการการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศธ. นายชัยชาญ ช่วยโพธิ์กลาง ตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนการชำนาญการพิเศษ สำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา ไปปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา นายพงศ์ธร พนมสิงห์ ตำแหน่งนักประชาสัมพันธ์ชำนาญการพิเศษ สำนักอำนวยการ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้ากลุ่มสารนิเทศ ไปช่วยปฏิบัติราชการสำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา และนายปัญญา บูรณะนันทสิริ ตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนการชำนาญการพิเศษ สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ ให้ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้ากลุ่มสารนิเทศ สำนักอำนวยการ
นอกจากนี้ ยังมีคำสั่ง สป.ศธ.ที่ 268/2556 ย้ายข้าราชการ จำนวน 5 ราย ดังนี้ นางวิภารัตน์ รัตนเลิศนาวี ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ ไปเป็นผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา นางสาวนฤมล ไทยวิรัช ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา ไปเป็นผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ นางสาวเพ็ญนภา เรืองเดช ไปเป็นนักวิชาการศึกษาสำนักงานศึกษาธิการภาค 5 นางสาวอรทัย ทองฤกษ์ฤทธิ์ ไปเป็นนักวิชาการศึกษาสำนักงานศึกษาธิการภาค 5 และนางศศิดา ใจสถาน นักวิชาการศึกษาสำนักงานศึกษาธิการภาค 4 และยังมีคำสั่ง สป.ศธ.ที่ 269/2556 ให้นายวิชัย ริ้วเหลือง ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ ไปรักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักตรวจราชการและติดตามประเมินผล และนางวรรณพร เพียรสาระ ตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ ไปรักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักนโยบายยุทธศาสตร์ โดยมีผลนับตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.2556 เป็นต้นไป
วันนี้ (25 มิ.ย.) นายเบญจรงค์ ศรีเนตร รักษาราชการแทน ผอ.สำนักประสานงานและบูรณาการการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศธ. เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ได้ตัดสินใจยื่นหนังสือลาออกจากราชการ เพราะประเมินตนเองแล้วว่า ไม่มีความเหมาะสม ทั้งยังเป็นคนแปลกหน้าไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งเกรงว่าจะได้รับอันตราย เป็นเหยื่อ ไม่อยากขึ้นหน้า 1 อย่างไรก็ตาม ตนมองว่า ไม่ใช่ความผิดของผู้บังคับบัญชาที่มองว่าคนเก่าทำงานไม่ได้เรื่อง และคงคิดดีแล้วว่า สิ่งที่ทำถูกต้องชอบธรรมแล้ว
ด้าน รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การโยกย้ายข้าราชการหากผู้บริหารไม่มีคุณธรรมจริยธรรม ก็จะมีลักษณะพวกใครพวกมัน โดยเฉพาะเมื่อเกิดการโยกย้ายแล้ว ข้าราชการที่ถูกย้ายขอลาออก หรือร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แสดงให้เห็นว่าข้าราชการคนนั้นมีความคับข้องใจในสิ่งที่ถูกกระทำ รู้สึกว่าถูกกลั่นแกล้ง และไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงลาออก ทั้งๆ ที่ ศธ.จะต้องเป็นต้นแบบของกระทรวงที่มีคุณธรรมโปร่งใส ผู้บริหารกระทรวงจะต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ เพราะการถูกร้องเรียนจะทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการตกต่ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือคำสั่งด่วนที่สุดทั้ง 3 คำสั่งนั้นออกในช่วงเย็นของวันที่ 21 มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา โดยการโยกย้ายครั้งนี้เป็นการโยกย้ายผู้บริหารระดับ 8 และ 9 โดยไม่ได้ระบุเหตุผลของการโยกย้าย ซึ่งภายหลังจากที่มีคำสั่งโยกย้ายได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มข้าราชการถึงคำสั่งที่ไม่เป็นธรรมในครั้งนี้ อีกทั้งข้าราชการบางรายที่ถูกย้ายไปประจำต่างจังหวัดก็ได้รับผลกระทบจากการโยกย้ายคราวนี้ เพราะเป็นคำสั่งด่วนไม่สามารถเตรียมตัวได้ทันเนื่องจากภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ข้าราชการบางรายเตรียมร้องเรียนต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม(กพค.) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน
ตามที่ นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้ลงนามในคำสั่ง สป.ศธ.ที่ 267/2556 มอบหมายให้ข้าราชการปฏิบัติหน้าที่และช่วยปฏิบัติราชการ ดังนี้ นายเบญจรงค์ ศรีเนตร ตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา ให้ไปปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักประสานงานและบูรณาการการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศธ. นายชัยชาญ ช่วยโพธิ์กลาง ตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนการชำนาญการพิเศษ สำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา ไปปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา นายพงศ์ธร พนมสิงห์ ตำแหน่งนักประชาสัมพันธ์ชำนาญการพิเศษ สำนักอำนวยการ ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้ากลุ่มสารนิเทศ ไปช่วยปฏิบัติราชการสำนักส่งเสริมกิจการการศึกษา และนายปัญญา บูรณะนันทสิริ ตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนการชำนาญการพิเศษ สำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ ให้ปฏิบัติหน้าที่หัวหน้ากลุ่มสารนิเทศ สำนักอำนวยการ
นอกจากนี้ ยังมีคำสั่ง สป.ศธ.ที่ 268/2556 ย้ายข้าราชการ จำนวน 5 ราย ดังนี้ นางวิภารัตน์ รัตนเลิศนาวี ผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ ไปเป็นผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา นางสาวนฤมล ไทยวิรัช ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาครู คณาจารย์และบุคลากรทางการศึกษา ไปเป็นผู้อำนวยการสำนักอำนวยการ นางสาวเพ็ญนภา เรืองเดช ไปเป็นนักวิชาการศึกษาสำนักงานศึกษาธิการภาค 5 นางสาวอรทัย ทองฤกษ์ฤทธิ์ ไปเป็นนักวิชาการศึกษาสำนักงานศึกษาธิการภาค 5 และนางศศิดา ใจสถาน นักวิชาการศึกษาสำนักงานศึกษาธิการภาค 4 และยังมีคำสั่ง สป.ศธ.ที่ 269/2556 ให้นายวิชัย ริ้วเหลือง ตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ ไปรักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักตรวจราชการและติดตามประเมินผล และนางวรรณพร เพียรสาระ ตำแหน่งนักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญการพิเศษ ไปรักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักนโยบายยุทธศาสตร์ โดยมีผลนับตั้งแต่วันที่ 21 มิ.ย.2556 เป็นต้นไป
วันนี้ (25 มิ.ย.) นายเบญจรงค์ ศรีเนตร รักษาราชการแทน ผอ.สำนักประสานงานและบูรณาการการศึกษาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ศธ. เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนได้รับคำสั่งให้ไปปฏิบัติราชการที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ได้ตัดสินใจยื่นหนังสือลาออกจากราชการ เพราะประเมินตนเองแล้วว่า ไม่มีความเหมาะสม ทั้งยังเป็นคนแปลกหน้าไม่คุ้นเคยกับพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมทั้งเกรงว่าจะได้รับอันตราย เป็นเหยื่อ ไม่อยากขึ้นหน้า 1 อย่างไรก็ตาม ตนมองว่า ไม่ใช่ความผิดของผู้บังคับบัญชาที่มองว่าคนเก่าทำงานไม่ได้เรื่อง และคงคิดดีแล้วว่า สิ่งที่ทำถูกต้องชอบธรรมแล้ว
ด้าน รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ อาจารย์คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า การโยกย้ายข้าราชการหากผู้บริหารไม่มีคุณธรรมจริยธรรม ก็จะมีลักษณะพวกใครพวกมัน โดยเฉพาะเมื่อเกิดการโยกย้ายแล้ว ข้าราชการที่ถูกย้ายขอลาออก หรือร้องเรียนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แสดงให้เห็นว่าข้าราชการคนนั้นมีความคับข้องใจในสิ่งที่ถูกกระทำ รู้สึกว่าถูกกลั่นแกล้ง และไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงลาออก ทั้งๆ ที่ ศธ.จะต้องเป็นต้นแบบของกระทรวงที่มีคุณธรรมโปร่งใส ผู้บริหารกระทรวงจะต้องระมัดระวังในเรื่องนี้ เพราะการถูกร้องเรียนจะทำให้ภาพลักษณ์รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการตกต่ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือคำสั่งด่วนที่สุดทั้ง 3 คำสั่งนั้นออกในช่วงเย็นของวันที่ 21 มิถุนายน 2556 ที่ผ่านมา โดยการโยกย้ายครั้งนี้เป็นการโยกย้ายผู้บริหารระดับ 8 และ 9 โดยไม่ได้ระบุเหตุผลของการโยกย้าย ซึ่งภายหลังจากที่มีคำสั่งโยกย้ายได้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มข้าราชการถึงคำสั่งที่ไม่เป็นธรรมในครั้งนี้ อีกทั้งข้าราชการบางรายที่ถูกย้ายไปประจำต่างจังหวัดก็ได้รับผลกระทบจากการโยกย้ายคราวนี้ เพราะเป็นคำสั่งด่วนไม่สามารถเตรียมตัวได้ทันเนื่องจากภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ กทม.และปริมณฑล อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ข้าราชการบางรายเตรียมร้องเรียนต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม(กพค.) สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน