“เณรคำ” ไม่สนไร้สังกัด คุยวัดฝรั่งเศส-เยอรมนี อ้าแขนรับ ด้านสำนักพุทธฯ จวกกลับ วัดต่างประเทศกฎหมายสงฆ์ไม่รับรองสถานะ ด้าน “สุขุม” หน้าแตกร้องแทนเณรคำ สำนักเลขาฯสังฆราช ปัดไม่รับหนังสือ ลั่นแอบอ้างชื่อแถลงข่าวโดยพลการ เจ้าตัวโวติดต่อกับพระฉาวผ่านไลน์ เฟซบุ๊ก ระบุ 12 ก.ค.ไม่กลับไทย แต่ 31 ก.ค.กลับแน่ และยิ่งใหญ่กว่าเดิม
วันนี้ (12 ก.ค. ) เวลา 11.30 น.ที่บริเวณหน้าสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช วัดบวรนิเวศวิหาร นายสุขุม วงประสิทธิ ประธานเครือข่ายบ้านวิมุตติธรรม ได้เดินทางมายังสำนักเลขานุการฯ เพื่อมายื่นหนังสือขอความเป็นธรรมให้มีการพิสูจน์ภาพปริศนา และการตรวจดีเอ็นเอเพื่อใช้ในการพิจารณาขับหลวงปู่เณรคำ ทางสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช ปฏิเสธการรับหนังสือดังกล่าว จากนั้น นายสุขุม ได้นำหนังสือฉบับดังกล่าวไปยื่นที่กุฏิ พระเทพสารเวที โดยพระเทพสารเวที ได้ส่งให้พระสุทธิสารเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบวรฯ ออกมารับหนังสือแทน โดยพระสุทธิสารเมธี กล่าวว่า จะรับเรื่องนี้ไว้ แต่ไม่สามารถดำเนินการอะไรได้ เนื่องจากมีการดำเนินตามสายปกครองคณะสงฆ์อยู่แล้ว แต่จะนำหนังสือฉบับนี้ไปกราบเรียนให้สมเด็จพระวันรัตทราบต่อไป
นายสุขุม ระบุว่า ตนมายื่นหนังสือวันนี้ เพื่อเรียกร้องความเป็นธรรมต่อหลวงปู่เณรคำ ต่อพระเทพสารเวที ผู้ปฏิบัติหน้าที่เลขานุการสมเด็จพระสังฆราช การที่ลุกขึ้นมาต่อสู้ด้านกฎหมายและพระธรรมวินัยสงฆ์ให้หลวงปู่เณรคำ ไม่ใช่เป็นการต่อสู้เพื่อหลวงปู่เณรคำเพียงอย่างเดียว แต่ต่อสู้เพื่อพระพุทธศาสนา ต่อสู้เพื่อปกป้องกระบวนการยุติธรรมของฝ่ายปกครองสงฆ์ ที่ต้องยึดคำสอนของพระพุทธเจ้า ทั้งนี้ ตนขอกราบเรียนว่า คดีหลวงปู่เณรคำ ไม่เปิดโอกาสให้ตนออกมาพูดโต้ตอบ ทั่วโลกเขาจะมองว่า ระบบของศาลไทย ระบบการปกครองของสงฆ์ไทย ล้าหลัง ถอยหลังไป 100 ปี
นายสุขุม กล่าวว่า ตนขอให้มีการทบทวนคำสั่งดังต่อไปนี้ 1.กรณีการตั้งกรรมการขับหลวงปู่เณรคำ โดยให้เวลาภายในวันที่ 12 ก.ค.นั้น ขอขยายเวลาออกไปจนถึง 31 ก.ค.นี้ 2.รูปภาพปริศนาได้รับการเปิดเผยออกมาแล้วว่า ชื่อ พระสุริ โดยได้ออกมายอมรับว่า เป็นรูปของตนเอง ขอให้ดีเอสไอ และเจ้าคณะจังหวัดอุบลฯนำภาพและคำสารภาพของนายสุริไปพิจารณาในการสอบสวนและดำเนินคดี 3.กรณีไม่สามารถขยายเวลาการสอบสวนออกไปได้ทางคณะสงฆ์มีเหตุผลอะไรในการให้ความเป็นธรรมกับหลวงปู่เณรคำ 4.การพิสูจน์ดีเอ็นเอ เพื่อนำมาเป็นหลักฐานสำคัญในการสึกหลวงปู่เณรคำและดำเนินคดีในศาลอาญา ขอให้มีการพิสูจน์โดยใช้มาตรฐานสากลที่เขายอมรับ ไม่ใช่ใช้ของปู่และย่า นำไปตรวจดีเอ็นเอแทน
“ในขณะนี้ได้มีภาพหลักฐานยืนยันว่า คนที่นอนหนุนหมอนใบเดียวกันกับสีกา ในภาพเป็นน้องชายหลวงปู่เณรคำ ชื่อว่า สุริ ซึ่งได้บวชพร้อมกับหลวงปู่เณรคำ และสังกัดวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อเช่นกัน โดยสึกไปแล้วเมื่อสองสามปีก่อน จึงขอให้นายสุริ ออกมาให้ข้อมูลต่อดีเอสไอ และเจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี นอกจากนี้ ผมยังได้มีการติดต่อกับหลวงปู่เณรคำ เมื่อสองสามวันที่แล้ว ผ่านระบบไลน์ และเฟซบุ๊ก ซึ่งหลวงปู่เณรคำ แจ้งว่า คิดถึงญาติโยมมาก แต่จะกลับมาก็ต่อเมื่อได้รับความเป็นธรรม และยืนยันว่า หลวงปู่เณรคำ ไม่เดินทางกลับมาไทยวันนี้แน่นอน และจะกลับมาตามมติของคณะสงฆ์ศรีสะเกษภายในวันที่ 31 ก.ค.นี้ ซึ่งจะกลับมาอย่างสง่างามและยิ่งใหญ่กว่าเดิม” นายสุขุม บอก
เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่าหลวงปู่เณรคำออกเดินทางจากฝรั่งเศสไปอเมริกาจริงหรือไม่ นายสุขุม กล่าวว่า การเดินทางไปอเมริกา ของหลวงปู่เณรคำ ได้รับกิจนิมนต์จากญาติโยม ขณะนี้ได้เดินทางกลับมาฝรั่งเศสแล้ว ส่วนเรื่องรถและบ้านที่อเมริกา เป็นเรื่องของญาติโยมที่นำมาถวาย ทั้งนี้ ถ้าหากหลังจากวันที่ 12 ก.ค.คณะสงฆ์อุบลราชธานี มีมติขับออกจากสังกัดวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อแล้ว ก็คงไม่ต้องกังวล สบายมาก เพราะหลวงปู่เณรคำ มีวัดในต่างประเทศพร้อมรับที่ให้อยู่ในสังกัดอยู่แล้ว ส่วนจะเป็นวัดใดนั้น คงจะเป็นที่ประเทศฝรั่งเศส นอกจากนี้ ทราบว่ามีพระผู้ใหญ่ในเยอรมนี เสนอตัวพร้อมที่จะรับเข้าไปอยู่ในสังกัด พร้อมทั้งจะยกที่ดินส่วนหนึ่งให้ด้วย
ครั้นผู้สื่อข่าวขอดูหลักฐานการพูดคุยระหว่างนายสุขุม กับหลวงปู่เณรคำ ผ่านไลน์ และเฟซบุ๊ก นายสุขุม ปฏิเสธที่จะเปิดเผยข้อมูลการพูดคุยกับหลวงปู่เณรคำ พร้อมบอกปัดว่าเรื่องนี้ขอไปหารือกับคณะทีมกฎหมายก่อน แต่วันที่ 15 ก.ค.นี้ ยืนยันว่า จะมีการเปิดเผยรายละเอียดหลักฐานการติดต่อกับหลวงปู่เณรคำอย่างแน่นอน
เมื่อถามต่อว่า นายสุขุม ออกมาเคลื่อนไหวเป็นการขัดคำสั่งหลวงปู่เณรคำหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้ ได้ทำหนังสือแจ้งไปยังเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษแล้วว่า จะขอให้ทางลูกศิษย์งดการให้ข่าว นายสุขุม กล่าวว่า ตนออกมาเคลื่อนไหวเป็นการเคลื่อนไหวในนามเครือข่ายบ้านวิมุตติธรรม เป็นการเคลื่อนไหวในฐานะลูกศิษย์ของพระสงฆ์ทุกรูป ไม่ใช่ในฐานะของลูกศิษย์หลวงปู่เณรคำ อย่างไรก็ตาม ถ้าผลการตรวจดีเอสไอพบว่า หลวงปู่เณรคำยุ่งเกี่ยวกับสีกาจริง ตนจะเป็นคนแรกที่จะกราบอาราธนาให้หลวงปู่เณรคำสึก
ขณะที่ พระครูสังฆสิทธิกร หัวหน้าฝ่ายศาสนวิเทศ สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช กล่าวว่า การมาของนายสุขุม ที่บริเวณหน้าสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช เป็นไปโดยพลการ เนื่องจากไม่ได้มีการแจ้งล่วงหน้ามายังสำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราชแต่อย่างใด อีกทั้งยังได้มีการแอบอ้างชื่อ สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช แจ้งต่อสื่อมวลชนว่า สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช จะมีการแถลงข่าวกรณีหลวงปู่เณรคำ ซึ่งไม่เป็นความจริงและทางสำนักฯไม่ได้ทราบเรื่องนี้มาก่อนแต่อย่างใด ส่วนเหตุผลที่ สำนักฯ ไม่ได้รับหนังสือเรียกร้องจากนายสุขุม เพราะนายสุขุม ไม่มีอำนาจที่จะดำเนินการยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมได้ จะต้องให้เจ้าตัวที่ได้รับความเสียหายมายื่นด้วยตนเอง หรือมีหนังสือมอบอำนาจเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งนายสุขุมไม่มีเอกสารใดๆ มายืนยัน จึงถือว่าเอกสารที่นายสุขุมมายื่นนั้น ไม่มีผลแต่อย่างใด ซึ่งตามขั้นตอนการปกครองคณะสงฆ์ นายสุขุมควรจะไปยื่นหนังสือต่อเจ้าคณะปกครองที่ดำเนินการพิจารณาเรื่องนี้ เพื่อส่งต่อมายัง รักษาการเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต จะถูกต้องตามหลักการปกครองมากกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้สื่อข่าวได้ไปขอกราบนมัสการสอบถามข้อมูลความคืบหน้ากรณีหลวงปู่เณรคำจากสมเด็จพระวันรัต รักษาการเจ้าคณะใหญ่คณะธรรมยุต ที่วัดบวรฯ ซึ่งท่านไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์ โดยลูกศิษย์ใกล้ชิดระบุว่า สมเด็จพระวันรัต จะไม่ขอให้สัมภาษณ์เรื่องเณรคำอีก เพราะขณะนี้มีนักข่าวหลายสำนักสอบถามเรื่องนี้เป็นจำนวนมาก และทราบว่าหนึ่งในนั้นมีนักข่าวของทางฝ่ายหลวงปู่เณรคำอยู่ โดยนำข้อความที่สมเด็จพระวันรัตให้สัมภาษณ์ ไปบิดเบือน มีการปล่อยข่าวว่า สมเด็จพระวันรัต มีการเรียกหลวงปู่เณรคำเข้ามาคุย ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
ขณะที่ นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า นายสุขุม อ้างว่า หลวงปู่เณรคำ จะไปสังกัดที่วัดต่างประเทศนั้น เชื่อว่าทำไม่ได้ เพราะวัดต่างประเทศไม่ได้ขึ้นตรงกับกฎหมายไทย และพ.ร.บ.คณะสงฆ์ ซึ่งถ้าจะไปก็ไปอยู่ได้ แต่ก็ถือเป็นพระไร้สังกัด ไม่ใช่สังกัดคณะสงฆ์ไทย ไม่เป็นพระสงฆ์ไทย ทั้งนี้การย้ายสังกัดต้องมีหนังสือการย้ายจากต้นสังกัดยินยอมก่อน และสังกัดใหม่ต้องมีหนังสือตอบรับเข้าสังกัดด้วย