xs
xsm
sm
md
lg

“สมเจตน์” บี้ “อ๊อด” กล้าทำกล้ารับ ไร้เกียรติดึงกองทัพล้างผิด ชี้ “แม้ว” ถูกขี้ข้าหลอก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา(แฟ้มภาพ)
“ส.ว.สมเจตน์” แจงคลิปเสียงฉาวมัด “ยุทธศักดิ์” ร้องรุ่นพี่พิสูจน์ ทหารกล้าทำกล้ารับ จริงสมควรออก เหตุกระทบเกียรติกองทัพ วงศ์ตระกูลและตัวเองที่รวมหัว นช.เพื่อ “ชินวัตร” เหล่าทัพไม่ควรศรัทธา รับรู้แผนดึงทหารร่วม พ.ร.ก.ล้างผิดก่อนปิดสภา ล็อกไม่ให้ต้านแลกตบรางวัล ชี้ ปชช.ยังนิ่งพร้อมวางมือ เย้ย “ทักษิณ” กลัวทหาร เจอขี้ข้าหาผลประโยชน์จากการกลับไทย ซัดโชว์ธาตุแท้ไม่จริงใจพม่า

วันนี้ (8 ก.ค.) พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปเสียง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีการถกเถียงกันว่าคลิปเสียงดังกล่าวเป็นของจริงหรือมีการตัดต่อหรือไม่ว่า ในการพูดคุยนั้นจะเห็นว่าบุคคลที่ 1 มีความเกี่ยวข้องกับทางกองทัพอย่างชัดเจน และระบุว่าอายุ 76 ปี อีกทั้งยังมีตัวละครที่เชื่อมโยงอย่างคนชื่อ “แอ๊ว” ที่ว่าสุขภาพไม่ดี ทั้งนี้บุคคลที่ 1 ยังเคยเป็นลูกน้องของบุคคลที่ 2 เพราะตลอดการสนทนาเรียกว่าเจ้านายทุกคำ โดยบุคคลที่ 2 เรียกบุคคลที่ 1 ว่าพี่ ซึ่งต้องมีอายุมากกว่า ซึ่งทั้งหมดนี้ตรงกับคุณสมบัติของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ขณะที่บุคคลที่ 2 มีความเชื่อมโยงนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้หญิงอีกด้วย เมื่อถอดรหัสแล้วก็ค่อนข้างชัดเจนว่าใครคุยกับใครตามข่าวที่ปรากฏ

พล.อ.สมเจตน์กล่าวต่อว่า โดยส่วนตัวในฐานะรุ่นน้องเห็นว่าในความเป็นจริง พล.อ.ยุทธศักดิ์เหมาะสมและเป็นตัวเลือกที่ดีกับการทำหน้าที่ดูแลกองทัพในตำแหน่งรัฐมนตรีกลาโหม แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น ผู้ที่รู้ดีที่สุดก็เป็นตัว พล.อ.ยุทธศักดิ์เท่านั้นที่รู้ จึงอยากจะเรียกร้องให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ออกมาพิสูจน์ความจริงว่าเป็นบทสนทนาจริงหรือมีการตัดต่อ และเป็นเสียงของตัวเองจริงหรือไม่ เพื่อธำรงไว้ในศักดิ์ศรีเกียรติภูมิของกองทัพ เพราะคนที่มีแนวคิดเช่นนี้ไม่สมควรจะอยู่ในฐานะที่มอบนโยบายให้แก่กองทัพต่อไป

“ชาติชายทหารกล้าทำต้องกล้ารับ ถ้าเป็นเสียงของ พล.อ.ยุทธศักดิ์จริงก็ไม่สมควรอยู่ ต้องลาออกไป เพราะกระทบต่อเกียรติและศักดิ์ศรีของกองทัพ รวมไปถึงวงศ์ตระกูลและลูกหลานของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ที่เป็นนายทหารชั้นผู้ใหญ่เองด้วย” พล.อ.สมเจตน์ระบุ

พล.อ.สมเจตน์กล่าวอีกว่า เรื่องนี้เป็นจริงจะเสื่อมเสียเกียรติของ พล.อ.ยุทธศักดิ์อย่างมาก เพราะเป็นถึงพลเอก และอดีตปลัดกระทรวงกลาโหม กลับไปสมรู้ร่วมคิดกับผู้ที่มีมลทินเป็นนักโทษหลบหนีคดีในการออกกฎหมายเพื่อประโยชน์ของคนคนเดียว หรือตระกูลเดียว แถมยังยกย่องเป็นดังราชสีห์ ส่วนตัวเป็นหนูน้อยที่คอยช่วยเหลือ ถือเป็นการดูถูกตัวเอง ซึ่งรุ่นน้องอย่างผู้นำเหล่าทัพและทหารในกองทัพต้องไม่ไว้วางใจ และไม่สมควรศรัทธาบุคคลเช่นนี้ต่อไป ตนเชื่อว่าบรรดาผู้นำเหล่าทัพจะมีวุฒิภาวะพอในการตัดสินคนที่มีพฤติกรรมไม่ชอบเช่นนี้ หลังจากเรื่องนี้ต้องมีความหวาดระแวงเพราะคนคนนี้ไม่หวังดีกับกองทัพ ทั้งนี้ จากเนื้อหาในคลิปยังแสดงให้เห็นว่า พ.ต.ท.ทักษิณยังเข็ดและเกรงกลัวกับท่าทีของกองทัพ เพราะเป็นเพียงสถาบันเดียวที่จะสามารถโค่น พ.ต.ท.ทักษิณลงจากอำนาจได้

สำหรับความพยายามออกกฎหมายนิรโทษกรรมที่กล่าวถึงในคลิปเสียงนั้น พล.อ.สมเจตน์กล่าวว่า แนวคิดการออกกฎหมายนิรโทษกรรมโดยดึงกองทัพเข้ามามีส่วนร่วมนั้นเป็นแนวคิดที่ตนได้ยินมาหลายเดือนตั้งแต่ก่อนปิดสมัยประชุมสภา ซึ่งตรงกับเนื้อหาการสนทนาในคลิปดังกล่าวที่หนึ่งในคู่สนทนาแสดงความชัดเจนว่าต้องการกลับประเทศ โดยมีการวางแผนหลอกล่อให้กองทัพเข้ามามีส่วนร่วมในการออกกฎหมายในรูปแบบพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ที่ผ่านสภากลาโหม ก่อนจะปรับเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ในชั้นสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) สอดคล้องกับการที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้ามาเป็น รมว.กลาโหมอีกตำแหน่ง ก็เพื่อคุมผู้นำเหล่าทัพ และให้มีการหารือนอกรอบเพื่อลดเสียงค้าน ก่อนร่างกฎหมายและออกเป็น พ.ร.ก.ในที่สุด ถือเป็นขบวนการหลอกและปิดบังประชาชน รวมทั้งมีการอ่อยเหยื่อผู้นำเหล่าทัพ โดยเฉพาะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ) และผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ที่จะเกษียณในปี 2557 ที่ว่าจะมีการเตรียมตำแหน่งหน้าที่หรือผลประโยชน์อื่นๆให้หลังเกษียณราชการ

“ถามว่าทำไมต้องนำเรื่องนี้มาเกี่ยวกับกองทัพ ทั้งที่การออกกฎหมายไม่ได้เกี่ยวข้องกับกองทัพเลย แต่ฝ่ายคุณทักษิณคิดว่าจะใช้วิธีนี้ล็อกไม่ให้กองทัพ หรือฝ่ายความมั่นคงแสดงความไม่เห็นด้วย ก็เพื่อลดแรงเสียดทานในเป้าหมายของตัวเอง” พล.อ.สมเจตน์ กล่าว

พล.อ.สมเจตน์กล่าวยอมรับด้วยว่า การออกพระราชกำหนดถือเป็นอำนาจของรัฐบาลที่สามารถทำได้โดยที่ไม่ต้องผ่านกระบวนการของรัฐสภา เพียงแต่เมื่อกฎหมายได้รับพระปรมาภิไธยแล้วก็นำเข้าที่ประชุมรัฐสภาเพื่อให้รับทราบเท่านั้น ขณะที่ประชาชนก็จะถูกปิดหูปิดตาเพียงแค่รัฐบาลเสนอเป็นวาระจรที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เท่านั้น หากเกิดขึ้นจริงตนคงรับไม่ได้ และต้องดูท่าทีของประชาชนด้วยว่ายอมรับได้หรือไม่ หากประชาชนยังนิ่งเฉย ตนก็คงหมดหวังและจะขอประกาศเลิกเล่นการเมือง เพราะถือว่าสิ่งที่คิดและเคลื่อนไหวมาทั้งหมดถือว่าคิดผิด

พล.อ.สมเจตน์กล่าวอีกว่า จุดอ่อนที่สำคัญของ พ.ต.ท.ทักษิณ คือ แสดงความต้องการที่จะกลับประเทศไทยอย่างมาก จึงตกเป็นเหยื่อของบรรดาผู้ที่ต้องการผลประโยชน์หรือตำแหน่งจาก พ.ต.ท.ทักษิณ อย่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน, นายวรชัย เหมะ ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย หรือนายขวัญชัย สาราคำ หรือขวัญชัย ไพรพนา ประธานชมรมคนรักอุดร ที่ประกาศกันว่าจะพา พ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้าน โดยการผลักดันร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง หรือนิรโทษกรรม ก็แค่หลอกล่อ พ.ต.ท.ทักษิณ เพราะต้องการผลประโยชน์ทั้งนั้น ทั้งๆ ที่ไม่มีใครอยากให้อดีตนายกฯ ได้กลับมาจริง เนื่องจากคนเหล่านี้จะหมดคุณค่าทันทีเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาได้ แต่ที่ออกมาเคลื่อนไหวก็เพราะรู้จุดอ่อนข้อนี้ของ พ.ต.ท.ทักษิณ

“ไม่มีใครห้ามคุณทักษิณให้กลับเมืองไทย คุณทักษิณกลับมาได้ตลอดเวลา เพียงแต่กลับมาแล้ว ให้มารับโทษตามที่กระบวนการยุติธรรมได้มีคำวินิจฉัยไว้เท่านั้น แต่เมื่อไม่ยอมกลับก็ตกเป็นเหยื่อของบรรดาผู้ที่จ้องจะเอาผลประโยชน์” ส.ว.สรรหากล่าว

นอกจากนี้ ในประเด็นเกี่ยวกับผลประโยชน์ประเทศพม่านั้น พล.อ.สมเจตน์มองว่า ถือเป็นเรื่องร้ายแรง อาจจะกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เมื่อมีการระบุถึงกลุ่มผลประโยชน์ในประเทศพม่า ทั้งในส่วนของ พล.อ.มิน อ่อง ไหล่ ผบ.สส.สาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า หรือนายเน วิน ตัน เจ้าของบ่อหยก ซึ่งมีอิทธิพลทางด้านเศรษฐกิจ เพราะคนในคลิปพูดชัดเจนว่าต้องใช้ 2 คนนี้มาเป็นพวก จะทำให้การแสวงหาผลประโยชน์ในประเทศพม่าทำได้ง่าย ถือเป็นเจตนาไม่บริสุทธิ์ต่อประเทศเพื่อนบ้าน


กำลังโหลดความคิดเห็น