“ส.ว.สมชาย” ชี้กระแสสังคมมองคลิปเสียง “นช.แม้ว-ยุทธศักดิ์” ของจริง เนื้อหาสนทนาฟ้อง ฟันธงก่อนปรับ ครม.1 วัน เหตุจ้อบึ้มใต้ ทหารพลีชีพ 6 นาย สวน “นพดล” หลักฐานมัดนายใหญ่จัด ครม. หวั่น รบ.ตั้งเหล่าแม่ทัพล้วงลูกทหาร เชื่อ พ.ร.บ.นิรโทษฯ เป้าหลอก หวังแก้ รธน.-กู้ ก่อน ถึงยัดเป็น พ.ร.ก. บีบทหารร่วม ใช้สภาความมั่นคงออก กม. การเมืองรอด ข้องใจ “แม้ว” อาสานั่งที่ปรึกษา สนง.ทรัพย์สินฯ
วันนี้ (7 ก.ค.) นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปเสียงสนทนาระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าคลิปเสียงดังกล่าวจะใช่หรือไม่ใช่ทั้งสองคนนั้น สังคมจะต้องเป็นผู้ตัดสิน แต่ในกระแสการพูดคุยในโลกออนไลน์นั้นคนส่วนใหญ่จะเชื่อว่าเป็นทั้งสองคนจริง ตนก็เชื่อ เพราะเนื้อหาที่นำมาพูดคุยนั้นเป็นเรื่องที่เปิดขึ้นในสถานการณ์บ้านเมืองจริงๆ และถ้าจะอ้างว่าเป็นการตัดต่อเสียงจะทำไปเพื่ออะไร ทั้งๆ ที่เรื่องที่สองคนคุยกันนั้นก็เคยเป็นกระแสข่าวมาก่อนหน้ารู้อยู่แล้วว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร
นายสมชายกล่าวต่อว่า การหารือในครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนการปรับคณะรัฐมนตรีเพียงหนึ่งวันอย่างแน่นอน เห็นได้จากการที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์ระบุว่าเมื่อวานนี้มีเหตุวางระเบิดที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิตไป 6 คน เพราะฉะนั้นเป็นการชี้ให้เห็นว่าการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเป็นอำนาจของคนนอกประเทศ ขัดแย้งจากการที่นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณเคยปฏิเสธมาตลอด
นายสมชายยังกล่าวต่อว่า ประเด็นที่น่าเป็นห่วง คือ เรื่องท่าทีของกองทัพ ที่จะต้องมีความเป็นกลาง ยืนอยู่ข้างพระมหากษัตริย์และประชาชน แต่จากคำพูดของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ทำให้เชื่อว่าท่าทีของ ผบ.ทบ.กำลังล้ำเส้นการปฏิบัติหน้าที่ และการโยกย้ายข้าราชการทหารที่จะเกิดขึ้นจะอยู่ในการดูแลของรัฐบาลที่สามารถเข้าไปแทรกแซงให้จนกลายเป็นกองทัพของรัฐบาลไป
“ภายหลังปี 57 ที่ ผบ.ทบ.จะเกษียณอายุราชการ การโยกย้ายต่อจากนี้จะไม่เป็นการเปลี่ยนที่หัวใหญ่ แต่จะเป็นการใช้หัวใหญ่ที่สุด เพื่อเปลี่ยนแปลงลูกน้อง เช่น 5 เสือ แม่ทัพภาค และผบ.กำลังพล ที่หัวหน้าอย่าง ผบ.ทบ.ก็ไม่อาจแข็งขืนได้” นายสมชายกล่าว
นายสมชายกล่าวต่อว่า ส่วนกรณีการออกพระราชบัญญัติ หรือ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมนั้น ตนเชื่อว่าจะเป็นการหลอกเท่านั้น เมื่อภายหลังจากการสภาฯเปิดในเดือนสิงหาคมนี้ จะมีการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญให้เสร็จสิ้นรวมไปถึงการกู้เงินจำนวนมหาศาล ต่อจากนั้นจะเป็นการพิจารณา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่จะสอดไส้ออกเป็น พระราชกำหนด หรือ พ.ร.ก.แทน ซึ่งหากสถานการณ์บ้านเมืองวุ่นวาย รัฐบาลก็จะจวนตัวชิ่งยุบสภา เพราะได้สิ่งที่ต้องการหมดแล้ว
“ตอนนี้ทหารที่ไล่ต้อนให้กลายเป็นคนผิดข้อหาฆ่าประชาชน จากสถานการณ์ชุมนุมเมื่อปี 54 หมดแล้ว ทั้งๆที่ทหารทำตามกฎหมาย ทหารจึงถูกบีบให้ยอมรับการออกกฎหมายนิรโทษกรรม เพื่อตัวเองจะได้พ้นผิดไปด้วย โดยรัฐบาลก็จะเสนอร่างผ่านทางสภากลาโหม และนำเข้าสภาความมั่นคงที่มีอำนาจมากกว่า สุดท้ายก็จะใช้มติของสภาความมั่นคงออกเป็น พ.ร.ก.นิรโทษกรรม พรรคการเมืองก็จะปลอดภัย โดยอ้างสภาความมั่นคงว่าเป็นผู้ออก ผมจึงเชื่อว่าเหตุการณ์เผาบ้านเมืองถูกวางแผนมาตั้งแต่ต้น จนใกล้จะจบแบบนี้” นายสมชายกล่าว
ส่วนกรณีที่เสียงคล้าย พ.ต.ท.ทักษิณในคลิปดังกล่าวเสนอตัวจะเป็นที่ปรึกษาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั้น นายสมชายกล่าวว่า การแสดงความจงรักภักดี ไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยการเป็นที่ปรึกษาหรือหน้าที่อะไร เพราะประชาชนทั่วไปก็สามารถแสดงความจงรักภักดีได้เช่นกัน ด้วยการหยุดปลุกปั่นกลุ่มที่สนับสนุนตัวเองให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในประเทศ เพราะสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั้น ก็อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลัง เป็นทรัพย์สินของชาติ และมีธุรกิจของชาติร่วมอยู่ด้วย ตนจึงไม่เข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณมีเจตนาที่จะเข้าไปเพื่อดำเนินการอะไร
“ความจงรักภักดีสามารถทำที่ไหนเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งสามารถทำมาได้ตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว ไม่ใช่นำมาเป็นข้อต่อรองว่าจะไม่ล้างแค้น ไม่แก้แค้น เพื่อขอกลับประเทศ” นายสมชาย กล่าวทิ้งท้าย