xs
xsm
sm
md
lg

แม้วสั่งยึดกองทัพ-นิรโทษ ขอคุมทรัพย์สินกษัตริย์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เคลียร์วุ่น "ยุทธศักดิ์" เครียดโทรศัพท์แจงคลิปสะท้านเมือง อ้าง "ยิ่งลักษณ์-บิ๊กทหาร" เข้าใจ ไม่ต้องลาออก แถลงวันนี้ที่กลาโหม บอกนักข่าวเป็นฝีมือคนในที่ผิดหวังจากการปรับ ครม.ครั้งล่าสุด ขณะที่คนแห่เข้าเว็บ ASTVผู้จัดการ กว่าสองแสน แสดงความเห็นเชื่อเป็นการสนทนาของ "ยุทธศักดิ์-ทักษิณ" จวกเหิมเกริม ครอบงำกองทัพ ออกกฎหมายล้างผิดเพื่อคนคนเดียว โลภไม่มีที่สิ้นสุด หวังแอบอิงสถาบันฯ ด้วยการเป็นที่ปรึกษาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ถาม ผบ.ทบ.ว่า จะเลือกอยู่ ข้างราชบัลลังก์ หรือเป็นขี้ข้าทรราช "ประชาธิปัตย์" เตือนรัฐบาลจะนำบ้านเมืองเข้าสู่กลียุค

จากกรณีคลิปเสียงการสนทนา ที่คล้ายเสียง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม คุยกับคนที่มีเสียงคล้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดิน ที่มีการวางแผนยึดครองกองทัพ เพื่อพาพ.ต.ท.ทักษิณ กลับบ้าน โดยวิธีให้สภาความมั่นคงแห่งชาติ เสนอออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรม และเมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ กลับเข้าประเทศได้ ก็มีแผนตั้งให้เป็นที่ปรึกษาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ (อ่านคำต่อคำ...คนแดนไกลสั่งทหารแก่ออก พ.ร.ก.นิรโทษพากลับบ้าน พร้อมขอนั่งที่ปรึกษาสนง.ทรัพย์สิน...หน้า 8)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากเว็บไซต์ ASTVผู้จัดการออนไลน์ นำคลิปบทสนทนา ดังกล่าว ถอดเทปคำต่อคำ นำเสนอเมื่อเวลา 16.08 น. วันที่ 6 ก.ค. และล่าสุดเวลา 17.30 น. ของวันที่ 7 ก.ค. มีผู้เข้ามาอ่าน กว่า 240,000 ราย และมีผู้เข้ามาแสดงความเห็นเกือบ 1,000 ความเห็น ซึ่งส่วนใหญ่ เชื่อว่าเป็นการสนทนาระหว่าง พล.อ.ยุทธศักดิ์ กับพ.ต.ท.ทักษิณ จริง และเห็นว่ารัฐบาลกำลังเหิมเกริม หวังครอบงำกองทัพ ใช้เป็นช่องทางในการออกกฎหมายล้างผิดให้คนคนเดียว โดยไม่สนใจหลักนิติรัฐ นิติธรรม โลภไม่มีที่สิ้นสุด คิดจะไปแอบอิงสถาบันเบื้องสูง ด้วยการเข้าไปเป็นที่ปรึกษาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ และ ยังมีคำถามไปถึง ผบ.ทบ.ว่า จะเลือกอยู่ ข้างราชบัลลังก์ หรือจะเลือกเป็นขี้ข้าทรราชทักษิณ

**"ยุทธศักดิ์"เครียดโทรเคลียร์ผู้ใหญ่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม มีอาการเครียดต่อกระแสข่าวดังกล่าว จนถึงขั้นอยากจะขอลาออกจากตำแหน่ง รมช.กลาโหม ด้วยเกรงว่านายทหาร ระดับ ผบ.เหล่าทัพ รวมถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะไม่เข้าใจตน
ทั้งนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ได้โทรศัพท์ไปหารือกับนายกรัฐมนตรี ถึงกระแสข่าวดังกล่าว ซึ่งก็ได้รับการยับยั้งจากนายกฯ ให้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ทำงานในตำแหน่งต่อไป เพราะหากไม่ได้เป็นจริง ก็ไม่ต้องกลัว และเรื่องต่างๆ ก็ยังไม่ได้เกิดขึ้น ขอเป็นกำลังใจให้ช่วยกันทำงานเพื่อความมั่นคงของประเทศ อย่าได้กังวลหรือน้อยใจอะไร

พล.อ.ยุทธศักดิ์ ยังได้โทรศัพท์ไปทำความเข้าใจกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผบ.ทหารสูงสุด และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ถึงกระแสข่าวดังกล่าว เป็นที่เรียบร้อยเพื่อไม่ให้เกิดความระแวงในการทำงานร่วมกัน โดยหลังจาก ได้หารือกับนายทหารฝ่าย เสธ.จึงตัดสินใจแถลงข่าวกับสื่อมวลชน ในวันนี้ (8 ก.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม

**โบ้ยฝีมือคนในที่ผิดหวังไม่ได้ตำแหน่ง

ก่อนหน้านั้นพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม กล่าวปฏิเสธต่อเรื่องดังกล่าวว่า ไม่เคยบินไปพบ หรือโทรศัพท์พูดคุยกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่พำนักอยู่ที่ฮ่องกง ตามที่มีการเผยแพร่คลิปเสียงการสนทนา และเพิ่งทราบข่าวจากสื่อเท่านั้น โดย พล.อ.ยุทธศักดิ์ ระบุว่า อาจเป็นฝีมือของผู้ที่ผิดหวังจากตำแหน่ง ครม.ชุดใหม่ ที่พยายามใส่ร้ายตนก็เป็นได้ ซึ่งกำลังให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบรายละเอียดก่อน พร้อมกับปฏิเสธด้วยว่า นายกรัฐมนตรี ไม่ได้วางแผนจะแทรกแซง หรือล้วงโผการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปีแต่อย่างใด ทั้งนี้ ยืนยันว่า การที่ได้กลับมารับตำแหน่ง รมช.กลาโหม นั้น คงเป็นเพราะนายกรัฐมนตรี มองเห็นว่าจะสามารถเข้ามาช่วยทำงานกับกองทัพได้

**เตือนบ้านเมืองจะเข้าสู่กลียุค

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ผู้ที่ถูกระบุว่ามีส่วนเกี่ยวข้องได้ออกมาปฏิเสธ แต่เห็นว่าควรจะมีการพิสูจน์ว่าเสียงในบทสนทนา เป็นของใคร ทั้งนี้หากเป็นบุคคลที่มีเสียงคล้ายจริง ก็เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก เพราะแสดงว่ามีการเตรียมการหลายอย่าง ที่อาจจะเกิดความขัดแย้งวุ่นวายในบ้านเมือง เพราะนอกจากจะมีการพูดถึงการยึดกุมกองทัพแล้ว ยังแสดงถึงการใช้อำนาจปัจจุบันว่า มีการแทรกแซงอย่างมีเป้าหมาย ทำหลายอย่างที่ไม่บังควร เป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วงมาก รวมถึงกรณีที่มีการกล่าวถึงสภากลาโหม ให้มารองรับการออกพ.ร.ก.นิรโทษกรรม ซึ่งตามเนื้อหาในบทสนทนา มีการอ้างเรื่องความมั่นคง แต่ความจริงแล้วหากทำจะยิ่งเพิ่มความวุ่นวาย และกระทบความมั่นคงมากกว่า อีกทั้งยังขัดต่อรัฐธรรมนูญด้วย

“ผมขอเตือนว่าหากทำ ขัดรัฐธรรมนูญแน่นอน และจะยิ่งเป็นปัญหาใหญ่มากขึ้น เพราะหากดูอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่กระทบความมั่นคงจนต้องออกกฎหมายแบบนี้ ตรงกันข้ามการออกกฎหมาย จะทำให้เกิดปัญหาความมั่นคงขึ้น ซึ่งตรงตามที่ผมเคยตั้งข้อสังเกตไปก่อนหน้านี้ว่า การปรับครม. มีเป้าหมายเพิ่มรัฐมนตรีช่วยเข้าไปในกลาโหม เพื่อทำงานหลายอย่าง หากคลิปนี้ถูกพิสูจน์ว่าเป็นเสียงจริง ก็ตรงตามที่หลายฝ่ายได้วิเคราะห์เอาไว้ และการที่ออกมาปฏิเสธว่า ไม่มีเป้าหมายเกี่ยวกับการโยกย้าย เป็นเรื่องเท็จทั้งสิ้น”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ก็เคยให้สัมภาษณ์ว่า การโยกย้ายนายทหาร มีกฎหมายคุ้มครอง เพราะมีการวางโครงสร้างไม่ให้เกิดการแทรกแซงจากฝ่ายการเมืองได้นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ต้องดูว่าจะเป็นอย่างไร แต่ยืนยันว่า ข้าราชการ กองทัพ หน่วยงานด้านความมั่นคง ต้องยึดหน้าที่ ความรับผิดชอบของตนเอง และทำงานเพื่อส่วนรวม ซึ่งสังคมต้องเป็นกำลังใจให้ข้าราชการทุกคน ที่ยึดมั่นในแนวทางนี้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า หากยังมีวิธีคิดตามบทสนทนา บ้านเมืองจะไม่มีทางสงบสุข เพราะมีความคิดที่จะใช้กลไกแทรกแซงผ่านอำนาจไปทำเรื่องของตัวเอง ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่ประชาชนในระบอบประชาธิปไตยมอบอำนาจให้ไปทำ บ้านเมืองก็จะวุ่นวาย หลายประเทศที่มีความวุ่นวายก็เกิดปัญหาเหล่านี้เหมือนในอดีต ตนหวังว่าจะมีการทบทวน อีกทั้งสังคมต้องมีความเข้มแข็ง ที่จะยืนยันว่าไม่ยอมให้ผู้มีอำนาจ ลากกลไกลราชการไปทำเรื่องเหล่านี้ และอยากเตือนว่า ผู้มีอำนาจอย่าดูถูกท้าทายประชาชน ควรทบทวนความคิดที่เห็นว่าคนต่อต้านมีน้อย เพราะถ้าทำในสิ่งที่ถูกต้อง ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าทำไม่ถูกต้องอย่างท้าทายพลังของสังคมและประชาชน เพราะ 2 ปีของรัฐบาลนี้ ก็ชัดเจนแล้วว่า ไม่ได้พูดเรื่องการปรองดองอย่างจริงจัง มีแต่ความพยายามช่วยเหลือพรรคพวกมากกว่า ซึ่งในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์ ก็พยายามชี้แจงกับสังคมมาโดยตลอดว่า อันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นคืออะไร จึงอยู่ที่ประชาชนด้วยว่า มองเรื่องนี้อย่างไร แต่ตนเป็นห่วงค่านิยมของสังคม เช่น ปัญหาเรื่องการทุจริตที่มีผลสะท้อนว่ายอมรับได้หากตนเองได้ประโยชน์ ก็จะทำให้บ้านเมืองอ่อนแอ

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวด้วยว่า ในบทสนทนา มีการพาดพิงสถาบันสูงสุด ถือว่าไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง และยืนยันว่า ไม่ว่าจะเป็นทหาร หรือใครก็ตามต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ตนไม่เห็นเงื่อนไขที่จะออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรม และขอย้ำว่า อยากให้ข้าราชการ ไม่เฉพาะกองทัพ ยึดประโยชน์ส่วนรวม อย่ายอมจำนนกับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

ส่วนสถานการณ์จะรุนแรงขึ้นหลังเปิดสภาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับรัฐบาล หากคิดได้ต้องเลี่ยงเรื่องแบบนี้ แล้วกลับมาทำให้สิ่งที่เป็นประโยชน์ให้ประชาชน เพราะแนวทางที่จะทำให้บ้านเมืองคืนสู่ความสงบที่แท้จริง ต้องเริ่มจากรัฐบาลประกาศว่า ไม่ทำเรื่องเหล่านี้ ยกเว้นถ้าจะช่วยเหลือประชาชนคนธรรมดา ที่ไม่มีเจตนาทำผิดต่อชีวิต ทรัพย์สิน หรือก่อการร้าย ถ้าเป็นเช่นนี้ ก็ไม่มีปัญหา และรัฐบาลเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ลงทุนเพื่ออนาคตของประเทศไม่มีประโยชน์แอบแฝง บ้านเมืองอยู่ได้ รัฐบาลอยู่ได้

“แต่ผมกังวลว่า สังคมกำลังถูกผลักเข้าสู่สงครามกลางเมือง มีแต่คนคิดถึงแต่ตนเอง เอาพรรคพวกที่สนับสนุนตนเองมาตายก็ทำมาแล้ว โดยการตั้งกองกำลังเพื่อให้เกิดการสู้รบ สงครามการเมืองก็ทำมาแล้ว และจะทำอีก อยู่ที่สังคมต้องช่วยกันให้เห็นว่า จะไม่ยอมให้เกิดแบบนี้อีก เพราะคนที่จะหยุดผู้ที่ไม่เห็นแก่ประเทศได้มีแต่สังคมไทย หากมีความเข้มแข็ง คนเหล่านั้นก็ทำอะไรไม่ได้ พวกเรายืนยันว่าจะไม่มีการเสนอร่าง พ.ร.บ. นิรโทษกรรมเข้าไปประกบกับที่ค้างในสภา เพราะหากเสนอเข้าไปจะถูกนำไปแปรญัตติ ดังนั้นต้องมีความชัดเจนก่อนว่า หลักการอยู่แค่ไหน”นายอภิสิทธิ์ กล่าว

** "เทือก" ลั่นพร้อมสู้ในสภา-นอกสภา

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฏรธานี พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ถ้าคลิปนั้นเป็นจริง ก็น่ากังวลใจ แสดงว่ามีคนอยู่ต่างประเทศเข้ามามีอิทธิพลบงการการบริหารราชการแผ่นดินในบ้านเมืองของเรา แม้กระทั่งการโยกย้าย แต่งตั้ง ผู้บัญชาการเหล่าทัพ หรือการออกกฎหมาย รวมทั้งพฤติกรรมที่แสดงออกถึงความไม่เหมาะควร คิดว่าตัวเองสามารถจะเป็นอะไรก็ได้ในประเทศไทย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากังวล และต้องตรวจสอบต่อไป

“เท่าที่ฟังจากคลิปน่าเกลียดมาก เช่น จะมีการเสนอออกพ.ร.ก.นิรโทษกรรม ไม่ต้องเป็นพ.ร.บ. ทำอย่างนี้เลวร้ายมาก ดูถูกดูหมิ่นประชาชนตัวแทนประชาชน และไม่เห็นกลไก กติกาบ้านเมืองอยู่ในสายตา ไม่เคารพอะไรทั้งสิ้น เอาแต่ประโยชน์ส่วนตน เราคงรับไม่ได้ ถ้ารัฐบาลนี้บังอาจออกพ.ร.ก.เพื่อประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศจะลูกฮือขึ้น ผมประกาศชัดเจนมาตั้งนานแล้วว่า จะทำทุกอย่างเพื่อรักษาบ้านเมืองของเราด้วยการต่อสู้ทั้งใน และนอกสภา ส่วนเรื่องนี้จะเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ต้องออกมาสู้นอกสภาหรือไม่นั้น ผมยังตอบไม่ได้ เพราะยังไม่รู้รายละเอียดในร่างจะเป็นอย่างไร แต่ถ้าเนื้อหาสาระ คือสิ่งที่คนไทยไม่พอใจ เช่น ถ้าเนื้อหาออกมาเหมือนกับกฎหมายสุดซอยของ ร.ต.อ.เฉลิม (อยู่บำรุง) ผมรับไม่ได้ พวกเราจะออกมาต่อสู้ ”

นายสุเทพ กล่าวว่า การต่อสู้นอกสภาจะทำตามกฎหมายโดยสันติวิธี ต้องสู้ขนาดใหญ่ ทำทุกวิถีทาง แต่ยังไม่บอกว่าจะลาออกตำแหน่ง ส.ส.หรือไม่ ต้องดูสถานการณ์ก่อน แต่เท่าที่พิจารณาจากสถานการณ์ที่เป็นอยู่ เชื่อว่าในที่สุด เราจะต้องทำให้ไทยคืนกลับสู่ความสงบสุข ปราศจากอิทธิพลอำนาจมึด การกระทำที่ชั่วร้ายไม่เคารพกฎกติกา อยากเตือนว่า ผู้มีอำนาจทั่วโลกที่ถูกโค่นล้มจากอำนาจ ก็เพราะหลงผิด คนที่กำลังยะโส อวดดี นึกว่ามีอิทธิพลเหนือคนไทยทั้งหมด ก็จะได้บทเรียนที่สำคัญ แม้ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะไม่เคยเรียนรู้จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อตอบแทนบ้านเมืองเลยก็ตาม เพราะเหลิงอำนาจ อิทธิพล แต่ถ้ามีสติจะรู้ว่า ตัวเองไม่มีแผ่นดินจะอยู่แล้ว ลูกหลานตัวเองก็จะลำบากด้วย ดังนั้นญาติพี่น้องที่มีสติอยู่ ควรจะไปตักเตือนกันด้วย

นายสุเทพฝากคำเตือนไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงให้ชัดเจนก่อน เพราะเนื้อหาในบทสนทนา เป็นเรื่องที่กระทบต่อความมั่นคง โดยสิ่งที่จะพิสูจน์ได้ดีที่สุดคือ การกระทำ หากหลังจากนี้มีการทำตามที่คลิประบุ ก็ลุกขึ้นต่อต้านได้เลย เพราะสิ่งที่กำลังจะทำกระทบความมั่นคงอยากมาก

“นายกฯ ควรตรวจสอบเรื่องนี้ และต้องชี้แจงกับสังคมด้วยว่า จริง ไม่จริง อย่างไร และจะดำเนินการอย่างไร หากละเลย นายกฯ จะเกิดความเสียหาย แต่ผมมั่นใจว่า ข้าราชการ พลเรือน ตำรวจ ทหาร ส่วนใหญ่ดี สำนึกว่าตนเป็นข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และของประชาชน ไม่ใช่ข้าทาสบริวารของครอบครัวใดครอบครับหนึ่ง”นายสุเทพ กล่าว

** ผบ.ทบ.จะตกเป็นเครื่องมือแผนอุบาทว์

นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กล่าวว่า คลิปเสียงดังกล่าวจะใช่ หรือไม่ใช่ทั้งสองคนนั้น สังคมจะต้องเป็นผู้ตัดสิน แต่ในกระแสการพูดคุยในโลกออนไลน์นั้น คนส่วนใหญ่จะเชื่อว่าเป็นทั้งสองคนจริง ตนก็เชื่อ เพราะเนื้อหาที่นำมาพูดคุยนั้น เป็นเรื่องที่เปิดขึ้นในสถานการณ์บ้านเมืองจริงๆ และถ้าจะอ้างว่าเป็นการตัดต่อเสียงจะทำไปเพื่ออะไร ทั้งๆ ที่เรื่องที่สองคนคุยกันนั้น ก็เคยเป็นกระแสข่าวมาก่อนหน้ารู้อยู่แล้วว่าจะมีการดำเนินการอย่างไร

การหารือในครั้งนี้เกิดขึ้นก่อนการปรับครม.เพียงหนึ่งวันอย่างแน่นอน เห็นได้จากการที่พล.อ.ยุทธศักดิ์ ระบุว่า เมื่อวานนี้มีเหตุวางระเบิดที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่งผลให้มีเจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิตไป 6 คน เพราะฉะนั้นเป็นการชี้ให้เห็นว่า การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีเป็นอำนาจของคนนอกประเทศ ขัดแย้งจากการที่ นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ พ.ต.ท.ทักษิณ เคยปฏิเสธมาตลอด

ประเด็นที่น่าเป็นห่วงคือ เรื่องท่าทีของกองทัพ ที่จะต้องมีความเป็นกลาง ยืนอยู่ข้างพระมหากษัตริย์และประชาชน แต่จากคำพูดของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ทำให้เชื่อว่า ท่าทีของผบ.ทบ.กำลังล้ำเส้นการปฏิบัติหน้าที่ และการโยกย้ายข้าราชการทหารที่จะเกิดขึ้น จะอยู่ในการดูแลของรัฐบาลที่สามารถเข้าไปแทรกแซงให้จนกลายเป็นกองทัพของรัฐบาลไป

"ภายหลังปี 57 ที่ ผบ.ทบ.จะเกษียณอายุราชการ การโยกย้ายต่อจากนี้จะไม่เป็นการเปลี่ยนที่หัวใหญ่ แต่จะเป็นการใช้หัวใหญ่ที่สุด เพื่อเปลี่ยนแปลงลูกน้อง เช่น 5 เสือ แม่ทัพภาค และ ผบ.กำลังพล ที่หัวหน้าอย่าง ผบ.ทบ. ก็ไม่อาจแข็งขืนได้" นายสมชาย กล่าว

นายสมชายยังกล่าวถึง การออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะเป็นการหลอกเท่านั้น เมื่อภายหลังจากการสภาฯเปิดในเดือนส.ค.นี้ จะมีการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญให้เสร็จสิ้น รวมไปถึงการกู้เงินจำนวนมหาศาล ต่อจากนั้นจะเป็นการพิจารณา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม ที่จะสอดไส้ออกเป็น พ.ร.ก.แทน ซึ่งหากสถานการณ์บ้านเมืองวุ่นวาย รัฐบาลก็จะจวนตัว ชิ่งยุบสภา เพราะได้สิ่งที่ต้องการหมดแล้ว

"ตอนนี้ทหารที่ไล่ต้อนให้กลายเป็นคนผิดข้อหาฆ่าประชาชน จากสถาการณ์ชุมนุมเมื่อปี 54 หมดแล้ว ทั้งๆ ที่ทหารทำตามกฎหมาย ทหารจึงถูกบีบให้ยอมรับการออกกฎหมายนิรโทษกรรม เพื่อตัวเองจะได้พ้นผิดไปด้วย โดยรัฐบาลก็จะเสนอร่างผ่านทางสภากลาโหม และนำเข้าสภาความมั่นคง ที่มีอำนาจมากกว่า สุดท้ายก็จะใช้มติของสภาความมั่นคง ออกเป็น พ.ร.ก.นิรโทษกรรม พรรคการเมืองก็จะปลอดภัย โดยอ้างสภาความมั่นคงว่าเป็นผู้ออก ผมจึงเชื่อว่า เหตุการณ์เผาบ้านเมือง ถูกวางแผนมาตั้งแต่ต้น จนใกล้จะจบแบบนี้" นายสมชาย กล่าว
ส่วนกรณีที่ เสียงคล้าย พ.ต.ท.ทักษิณ ในคลิปดังกล่าว เสนอตัวจะเป็นที่ปรึกษาสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั้น นายสมชาย กล่าวว่า การแสดงความจงรักภักดี ไม่จำเป็นต้องแสดงออกด้วยการเป็นที่ปรึกษา หรือหน้าที่อะไร เพราะประชาชนทั่วไปก็สามารถแสดงความจงรักภักดีได้เช่นกัน ด้วยการหยุดปลุกปั่นกลุ่มที่สนับสนุนตัวเองให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในประเทศ เพราะสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นั้น ก็อยู่ภายใต้การดูแลของกระทรวงการคลัง เป็นทรัพย์สินของชาติ และมีธุรกิจของชาติร่วมอยู่ด้วย ตนจึงไม่เข้าใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณ มีเจตนาที่จะเข้าไป เพื่อดำเนินการอะไร

"ความจงรักภักดีสามารถทำที่ไหนเมื่อไหร่ ก็ได้ ซึ่งสามารถทำมาได้ตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว ไม่ใช่นำมาเป็นข้อต่อรอง ว่าจะไม่ล้างแค้น ไม่แก้แค้น เพื่อขอกลับประเทศ" นายสมชาย กล่าว

** "ยะใส"มั่นใจ คลิปของจริง

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มกรีน (Green Politics)กล่าวว่า กรณีภาพหลุดที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนชี้หน้า ร.ต.อ.เฉลิม รวมทั้งคลิปเสียงสนทนาระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ กับ พล.อ.ยุทธศักดิ์ นั้น เป็นของจริง เพราะช่วงเวลาของการปล่อยภาพ และคลิปทั้ง 2 สอดคล้องกับบริบท และเจตนาทางการเมืองอย่างมีน้ำหนัก

กรณีคลิปเสียงสนทนา ก็เป็นการย้ำว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ดดละแผนจะกลับประเทศไทย โดยไม่ต้องรับผิด ที่ผ่านมามีการใช้บริการ ร.ต.อ.เฉลิม และคนเสื้อแดง แต่ล้มเหลวจึงย้าย ร.ต.อ.เฉลิม ไปกระทรวงแรงงาน เพราะหมดความสำคัญ และได้ใช้แผนใหม่ผ่าน พล.อ.ยุทธศักดิ์ โดยวางแผนแทรกซึมกองทัพ และเตรียมลักไก่ ออก พ.ร.ก.นิรโทษกรรม ให้ทักษิณ การปรับ ครม.ปู 5 จึงเกิดขึ้น และเป็นไปตามแผน หลังจากมีการสทนากันของคน 2 คนในคลิปนี้ จึงไม่น่าจะใช่คลิปตัดต่อ อย่างแน่นอน

นายสุริยะใส กล่าวด้วยว่าเรื่องนี้ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ต้องยืนยันกับประชาชนว่า ไม่มีแผนนี้ และไม่ได้รับงาน พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อมาแทรกแซงและครอบงำกองทัพ ลำพังการปฏิเสธว่าไม่ใช่คลิปจริงนั้น ไม่มีความหมายอะไร

ขณะเดียวกันกองทัพจะต้องให้คำมั่นกับประชาชนว่า จะไม่ตกเป็นเครื่องมือของระบอบทักษิณ และไม่เข้าไปอยู่ในขบวนการสมรู้ร่วมคิด โดยคำนึงถึงแต่ความอยู่รอดของตัวเอง ไม่สนใจความถูกต้องและความแตกแยกในสังคมที่จะตามมาหากแผนนี้บรรลุจุดมุ่งหมายทางการเมือง
ทั้งนี้ คลิปและภาพหลุดครั้งนี้ เชื่อว่าน่าจะมาจากความขัดแย้งในรัฐบาลที่เริ่มมีปัญหาและจัดสรรผลประโยชน์กันไม่ลงตัว และเป็นไปได้ว่าอาจมีคลิปหรือภาพสำคัญๆ ถูกปล่อยออกมาอีกเรื่อยๆ

** พท.อ้างคลิปตัดต่อ หวังผลการเมือง

ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีคลิปที่มีเสียงสนทนา ระหว่าง พล.อ.ยุทธศักดิ์ กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ว่า ตนเชื่อว่าเป็นคลิปตัดต่อจากผู้ไม่หวังดี ที่ต้องการสร้างความสับสนให้กับบ้านเมืองเป็นพวกหวังผลทางการเมือง ซึ่งคลิปดังกล่าว รวมถึงภาพหลุด ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง พบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ก็เป็นการกระทำของพวกไม่หวังดี และเชื่อว่าฝ่ายค้านคงนำเรื่องดังกล่าวมาเป็นเกมการเมือง ทั้งนี้สมัยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็มีคลิปหลุดการสั่งสลายการชุมนุม แต่นายอภิสิทธิ์ กลับบอกว่าเป็นการตัดต่อ ซึ่งมีลักษณะคล้ายๆ กัน

นายวราเทพ รัตนากร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และรมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า อาจเป็นเรืิ่องของคนภายนอก ที่ต้องการทำลายความเชื่อมั่นรัฐบาล พยายามทำให้เรื่องนี้เป็นประเด็น นายกฯ และรมว.กลาโหม ไม่ได้กังวลในเรื่องนี้ แต่เร่งทำงานตามภารกิจ โดยเฉพาะการต่อต้านการทุจริตที่รัฐบาลอยากเห็นเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ไม่ได้สร้างภาพอย่างที่ใครบางคนออกมาพูด รัฐบาลให้ความสำคัญเปิดให้คนภายนอกมาเป็นกรรมการตรวจสอบ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน รัฐบาลจะทำให้เป็นรูปธรรมได้อย่างแน่นอน

ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ยืนยันผ่านทางโทรศัพท์ว่า ไม่ได้เข้าพบ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่อย่างใด และภาพที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนชี้หน้าตนเอง ก็เป็นภาพเก่า ตนไม่รู้สึกน้อยใจที่ถูกปรับออกจากตำแหน่งรองนายกฯ อีกอย่างคณะรัฐมนตรีก็ปรับไปแล้ว จะมาพบเพื่ออะไร ส่วนการเดินทางมายังเขตปกครองพิเศษฮ่องกงในครั้งนี้ ก็เพื่อต้องการมาเที่ยวส่วนตัวกับพล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา เท่านั้น

**"แม้ว"จัดงานวันเกิดที่ฮ่องกงหรือกัมพูชา

นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง เปิดเผยว่า ในวันเกิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร วันที่ 26 ก.ค.นี้ คาดว่าจะมีการจัดเลี้ยงและเปิดให้คนใกล้ชิด เข้าพบที่เขตปกครองพิเศษฮ่องกง หรือประเทศกัมพูชา อย่างไรก็ตามไม่ได้มีการเตรียมของขวัญอะไรเป็นพิเศษ เพียงแต่ต้องการให้พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางกลับประเทศไทย และมีสุขภาพแข็งแรง

นายสุภรณ์ ยังกล่าวถึงกรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงไม่ได้รับการแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี ในการปรับครม.ที่ผ่านมาว่า นายจตุพร ไม่เคยบ่นน้อยใจ เพราะเป็นนักสู้ และพร้อมทำงานทุกที่ ถึงแม้จะไม่มีตำแหน่งทางการเมือง ส่วนตนเองนั้นไม่หวังตำแหน่งรัฐมนตรี แต่จะตั้งใจทำงานให้เต็มที่ต่อไป

พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก อดีตรมช.มหาดไทย เปิดเผยว่าตอนนี้ยังไม่ได้รับมอบหมายงานใดๆในพรรคเพื่อไทย จากนายกรัฐมนตรี เนื่องจากอยากขอพักเรื่องการเมืองสัก 2 เดือนก่อน เพื่อไปท่องเที่ยวแสวงบุญที่อินเดีย สแกนดิเนเวีย เคลียร์งานที่ค้างคา และมีแนวโน้มที่จะหยุดงานทางด้านการเมือง เนื่องจากอายุ 70 ปีแล้ว แต่ยังมีพวกพ้องขอร้องให้ไปช่วยงานอยู่ พร้อมระบุว่าตลอดเวลาของการทำงานในการเป็นรัฐบาล มีความลำบาก และเหนื่อยบ้าง เนื่องจากยังไม่เป็นทีม ดังนั้นการทำงานต้องมีความอดทน ทั้งนี้ยอมรับว่ากลัวจะใจอ่อนเช่นกัน หากมีพวกพ้องชวนไปทำงานด้วย และหากถูกทาบทามให้นั่งเป็นที่ปรึกษา ก็จะไม่รับตำแหน่ง เพราะคิดว่าพอแล้ว และคิดว่าคงไม่มีใครเข้ามาปรึกษา

พล.ต.ท.ชัจจ์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่า ได้โทรศัพท์เคลียร์ใจกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เรื่องถูกปรับพ้น ครม.หรือไม่ เพราะเรื่องดังกล่าวไม่เป็นประโยชน์ต่อใคร แต่ยอมรับว่ามีการพูดคุยกันไม่บ่อย แต่ก็ไม่นานเพราะงานการเมือง ต้องมีการหารือกัน
"ไม่ตอบคำถามอย่างนี้ดีกว่า เพราะว่าพูดไป ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ผมติดต่อกันไม่บ่อย แต่ก็ไม่นานเกินไป" พล.ต.ท.ชัจจ์ กล่าว
นอกจากนี้ พล.ต.ท.ชัจจ์ ยังกล่าวว่า เรื่องถูกปรับพ้นครม.นั้น นายกรัฐมนตรีได้มาพูดคุยกับตนเองในเรื่องนี้ ตั้งแต่ก่อนปรับแล้ว ทั้งนี้ส่วนตัวยังไม่ได้คุยกับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.แรงงาน แต่จากข่าว เชื่อว่ามีน้อยใจบ้าง เพราะร.ต.อ.เฉลิม ยังมีไฟ

** "โอ๊ค" อัด ปชป.อย่ายุทหารปฏิวัติ

นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Oak Panthongtae Shinawatra อัด พรรคประชาธิปัตย์ และฝ่ายต้านรัฐบาล ขอให้มาต่อสู้กันตามระบบรัฐสภา เพื่อไม่ต้องทำให้ประชาชนเดือดร้อน อย่าพยายามยุทหารให้ปฏิวัติ ขอให้รัฐบาลอยู่บริหารประเทศ 4 ปี แล้วก็มาเลือกตั้งกันใหม่ตามกฎหมายกำหนด

หากคิดว่า รอทำงานตามเวลา 4 ปีตามระบบรัฐสภาไม่ได้ ไหนๆ จะแก้รัฐธรรมนูญอยู่แล้ว แน่จริงระบุออกมาเลยว่า ถ้าทำงานเป็นเวลา 4 ปีแล้วไปเลือกตั้งใหม่ไม่เอา ต้องการจะทำงานกี่ปี 1 ปี หรือ 2 ปี

ขณะที่เมื่อแก้กฎหมายแล้ว ขอให้ทุกฝ่ายเคร่งครัดอยู่ในระเบียบวินัยครับ ทั้งพรรครัฐบาล พรรคฝ่ายค้านกลับไปชกกันบนเวทีรัฐสภา ชาวบ้านเขาก็ไม่ต้องเดือดร้อน เลิกเล่นการเมืองนอกสภาฯ ส่วนพี่น้องประชาชนท่องเอาไว้ในใจ ถ้าใครยุให้ล้มรัฐบาลเลือกตั้งใหม่ อัดกลับไปเลย ก่อนเลือกนึกว่า เป็นเทพบุตรจุฑาเทพ เลือกไปทีไร กลายเป็นเทพเทือก..
กำลังโหลดความคิดเห็น