xs
xsm
sm
md
lg

“มาร์ค” จี้ “ปู” ประกาศไม่ทำตามคลิปฉาว ทั้งออก “พ.ร.ก.นิรโทษฯ-โยกย้ายทหาร”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
“อภิสิทธิ์” เรียกร้อง “นายกฯ ยิ่งลักษณ์” หาความจริงคลิปสนทนาแผนกลับบ้านอย่างเท่ สางปมเคลือบแคลงใจให้สังคม ขณะเดียวกันจี้ “ปู” ประกาศให้ชัดจะไม่ทำตามที่คลิปแฉ ทั้งเรื่อง พ.ร.ก.นิรโทษกรรม และการโยกย้ายนายทหาร เชื่อถ้าเดินตามบทสนทนาบ้านเมืองวุ่นวายหนักแน่

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระบุว่าคลิปเสียงบทสนทนาระหว่าง พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เกี่ยวกับแผนที่จะเดินทางกลับประเทศไทยโดยไม่มีความผิด โดย 1 ในแผน คือ การซื้อใจ ผบ.เหล่าทัพ และการผลักดันนายทหารคนหนึ่งขึ้นเป็น ผบ.ทร.ว่าไม่มีผลกระทบระหว่างรัฐบาลกับกองทัพว่า เรื่องนี้ควรจะต้องตรวจสอบเพราะสิ่งที่พูดเป็นเรื่องใหญ่ กระทบปัญหาบ้านเมืองอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อมีข้อสงสัยว่าเป็นเสียงที่คล้ายกับบุคคลในรัฐบาล นายกฯ ต้องเอาใจใส่ว่าจริงหรือไม่และรัฐบาลต้องแสดงท่าทีว่ามีความคิดที่จะเอาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมไปเข้าสภากลาโหม และสภาความความมั่นคง แล้วออกเป็น พ.ร.ก.นิรโทษกรรมหรือไม่อย่างไร มีความคิดที่จะแต่งตั้งโยกย้ายตามที่ในคลิปหรือไม่ เรื่องนี้จำเป็นที่นายกฯ ต้องยืนยันและหาข้อเท็จจริงออกมา จะปล่อยให้เงียบไปเองไม่ได้ เชื่อว่าสังคมจะจับตาดูว่าสิ่งที่พูดในคลิปจะเกิดขึ้นหรือไม่

แต่เป็นสิ่งไม่ดี คือ การพาดพิงถึงบุคคลในกองทัพในทางที่ไม่ดีหลายอย่าง นายกฯ ต้องทำให้กระจ่างเพราะเป็นทั้งผู้นำและรมว.กลาโหม ดูแล กอ.รมน. อยู่ในสถานะที่ควรทำความจริงให้ปรากฏชัดเจน สังคมจะได้สบายใจ ซึ่งมีวิธีในการพิสูจน์ได้ เช่น การตัดต่อก็สามารถตรวจสอบได้ โดยทางนิติวิทยาศาสตร์ ขณะเดียวกัน เสียงก็พิสูจน์ได้เช่นกัน และเจ้าตัวที่ถูกสงสัยบอกว่าจะแถลงข่าวก็คงต้องรอดูท่าทีด้วย

ส่วนที่คนในรัฐบาลกล่าวหาฝ่ายค้านทำนั้น นายอภิสิทธิ์ย้อนถามว่าเกี่ยวอะไรด้วย มีแต่สมัยฝ่ายค้านที่แล้วที่ตัดต่อเสียงตน และสมัยตนเป็นฝ่ายค้านไม่มี ก็ยังแปลกใจเพราะชี้แจงไม่ตรงกัน คนหนึ่งบอกไม่ใช่เสียง แต่อีกคนบอกเป็นการตัดต่อ

ผู้สื่อข่าวถามว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมช.กลาโหม ระบุว่าจะไม่มีชี้แจงอะไรเพิ่มเติมเนื่องจากได้ชี้แจงไปแล้ว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนเห็นว่าสิ่งที่ พล.อ.ยุทธศักดิ์พูดก็ขัดแย้งกับนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทยพูด โดยคนหนึ่งบอกไม่ใช่เสียง แต่อีกคนบอกเป็นการตัดต่อ ดังนั้นจึงต้องติดตาม ซึ่งเรื่องนี้คงไม่หายไปง่ายๆ เพราะจะถูกจับตาในสิ่งที่จะมีการดำเนินการต่อเนื่อง ทั้งเรื่องกฎหมายและการโยกย้ายแต่งตั้ง อย่างไรก็ตาม เจ้าตัวที่เกี่ยวข้องเป็นคนในรัฐบาล ดังนั้น รมว.กลาโหม และรมช.กลาโหมต้องแสดงจุดยืนที่ชัดเจน ทั้งเรื่องกฎหมายและการโยกย้ายแต่งตั้ง เพราะในบทสนทนากำลังมีการใช้อำนาจ นำเอากลไกความมั่นคงไปรับใช้ทางการเมือง สอดรับกับที่มีการวิเคราะห์เกี่ยวกับการปรับ ครม.และมีรัฐมนตรีใหม่ไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งตนขอเรียกร้องให้ข้าราชการทุกส่วนรวมทั้งกองทัพมีความหนักแน่นในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อส่วนรวม อย่ายอมจำนนต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

สำหรับรายชื่อบุคคลระดับสูงหลายคนที่ถูกระบุในบทสนทนาที่มีลักษณะยอมให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับประเทศไทยแล้วนั้น ตนเห็นว่าหลายคนที่ถูกพาดพิงถึงก็คงจะถูกตั้งคำถามเช่นกัน ซึ่งสิ่งสำคัญคือบ้านเมืองว่าจะมีวิธีการอำพรางออกฎหมาย เปลี่ยน พ.ร.บ.มา เป็น พ.ร.ก.โดยมีเป้าให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับบ้านและโยกย้ายแต่งตั้งเพื่อสนองการเมืองหรือไม่ เหล่านี้คือสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะวิธีคิดที่จะเอาสถาบันเบื้องสูงมารองรับสถานะตัวเอง ซึ่งเป็นการพาดพิงไปถึงสถาบันกษัตริย์อย่างไม่เหมาะสม

ดังนั้น เรื่องนี้นายกฯ ต้องเอาใจใส่ว่าจริงหรือไม่ เพราะหากเป็นอย่างพรรคเพื่อไทยพูดว่ามีคนตัดต่อก็ต้องมีการจับกุมเพราะกระทบต่อชื่อเสียงบุคคลที่เกี่ยวข้อง และสิ่งที่เกิดขึ้นยิ่งตอกย้ำว่าโครงสร้างทางอำนาจในรัฐบาลอยู่ที่การตัดสินใจของพ.ต.ท.ทักษิณหรือไม่ ดังนั้นนายกฯ จะต้องพิสูจน์ โดยควรประกาศให้ชัดเจนว่าจะไม่มีการทำตามที่มีการพูดในคลิปด้วยการประกาศว่าจะไม่ออกกฎหมายนิรโทษกรรมในรูปของพระราชกำหนด จะได้มั่นใจว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้เข้ามาสั่งการ ประกาศให้ชัดว่าจะแต่งตั้งโยกย้ายด้วยความโปร่งใส

“แม้ว่าการออกพระราชกำหนดจะมีผลทางกฎหมายทันที แต่ผมยืนยันว่าเป็นการฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญและจะเป็นปมความขัดแย้งเพิ่มขึ้น เพราะแม้ว่าก่อนที่จะนำไปให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยจะมีผลทางกฎหมายไปแล้ว หากศาลชี้ว่าขัดกฎหมายก็จะเป็นโมฆะ และเกิดความวุ่นวายขัดแย้ง ดังนั้นไม่ว่าจะออกเป็นอะไรรัฐบาลก็ไม่ควรทำ แต่ควรทำในสิ่งที่ไม่ขัดแย้งเพราะมีปัญหาประชาชนรอการแก้ไขอยู่ ในวันนี้ความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและทางการเมือง ที่รัฐบาลกำลังสร้างขึ้นมีความน่าเป็นห่วงทั้งคู่ ทั้ง พ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท และกฎหมายนิรโทษกรรม โดยเรื่องเหล่านี้หากรัฐบาลเคารพกฎหมายและรู้ขอบเขตอำนาจตนเอง ไม่คิดเอาอำนาจไปตอบสนองเป้าหมายอื่นบ้านเมืองก็จะเรียบร้อยไม่มีปัญหา”


กำลังโหลดความคิดเห็น