xs
xsm
sm
md
lg

จ่อบรรจุวัคซีนพื้นฐานใหม่ 4 ชนิด “โรตา-HPV-IPD-ไข้หวัดใหญ่”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วัคซีนใหม่ 4 ชนิด จ่อบรรจุเป็นวัคซีนพื้นฐาน ทั้งวัคซีนโรตา HPV ไอพีดี และไข้หวัดใหญ่ เชื่อช่วยลดอุบัติการณ์ของโรคได้ หากป่วยอาการก็ไม่รุนแรง และลดอัตราการเสียชีวิต ชี้รอบรรจุนานไม่ใช่เพราะงบประมาณในการจัดหา แต่เป็นเพราะระบบขั้นตอนการพิจารณา
ภาพประกอบจากอินเทอร์เน็ต
รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ที่ปรึกษาสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวในเวทีอภิปรายเรื่อง “วัคซีนชนิดใหม่และวัคซีนโรคใหม่ในโครงการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของประเทศ” ในงานประชุมวิชาการวัคซีนแห่งชาติ ครั้งที่ 5 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 10-12 ก.ค. 2556 ว่า ขณะนี้มีวัคซีนใหม่ 4 ชนิดที่กำลังเตรียมผลักดันเข้าสู่คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ เพื่อบรรจุลงแผนงานสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคของประเทศ หรือวัคซีนพื้นฐานตัวใหม่ คือ 1.วัคซีนโรตา เพื่อป้องกันโรคอุจจาระร่วงจากเชื้อไวรัสโรตา ซึ่งกว่า 30-50% ของโรคอุจจาระร่วงในคนไทยเกิดจากเชื้อดังกล่าว และเป็นอัตราการเกิดโรคที่เกือบเท่ากันในทุกประเทศ โดยจะมีความรุนแรงมากในเด็ก หากบรรจุวัคซีนตัวนี้เป็นวัคซีนพื้นฐานก็จะช่วยลดอัตราการเสียชีวิต ลดอัตราผู้ป่วยในการอยู่โรงพยาบาล และลดอาการป่วยอย่างรุนแรง ซึ่งล่าสุดได้มีโครงการนำร่องการให้วัคซีนโรตา สำหรับเด็กเล็กอายุ 2 เดือน ใน จ.สุโขทัย แล้ว

รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี กล่าวอีกว่า 2.วัคซีน HPV เพื่อป้องกันมะเร็งปากมดลูก ซึ่งสถานการณ์ล่าสุดพบผู้ป่วยรายใหม่ 20,000 คนต่อปี เสียชีวิต 5,000 รายต่อปี ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาความคุ้มค่าและความคุ้มทุน โดยเวลาที่เหมาะสมในการให้วัคซีน คือผู้หญิงช่วงอายุ 9-26 ปี แต่จะยิ่งให้ผลดีหากฉีดวัคซีนตั้งแต่อายุยังน้อย เนื่องจากผิวเนื้อเยื่อช่องคลอดของคนอายุน้อยจะไวต่อการติดเชื้อมากกว่าคนอายุมาก และเป็นการป้องกันก่อนมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งเป็นเพิ่มโอกาสในการติดเชื้อ 3.วัคซีนไอพีดี เพื่อป้องกันเชื้อแบคทีเรีย สเตรปโตคอคคัส นิวโมเนียอี (Streptococcus Pneumoniae) ซึ่งกลุ่มเสี่ยงที่จะติดเชื้อดังกล่าวคือกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี และผู้สูงอายุ หากได้รับวัคซีนไอพีดีก็จะช่วยให้ความรุนแรงของโรคบางอย่างน้อยลง เช่น โรคปอดบวม โรคหูน้ำหนวก เป็นต้น โดยวัตถุประสงค์หลักของการฉีดก็คือป้องกันไม่ให้เชื้อดังกล่าวเข้าสู่เส้นเลือดและสมอง

รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี กล่าวด้วยว่า และ 4.วัคซีนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งล่าสุดเป็นเพียงการให้วัคซีนแบบเฉพาะกลุ่ม คือ กลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ เป็นต้น ปีหนึ่งประมาณ 3 ล้านโดส ครอบคลุมประชากรประมาณ 5% เท่านั้น จึงต้องมีการบรรจุเป็นวัคซีนพื้นฐาน โดยมุ่งฉีดให้แก่หญิงตั้งครรภ์ เนื่องจากการฉีดวัคซีนใหม่แม่จะช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในเด็กสามารถป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ 6 เดือนแรกหลังคลอดถึง 63% และยังป้องกันโรคแทรกซ้อนในเด็ก และหากฉีดวัคซีนในเด็กยังช่วยควบคุมโรคทางอ้อมได้ เพราะเมื่อเด็กไม่ป่วยก็จะไม่นำเชื้อไปติดยังผู้สูงอายุภายในบ้าน

การบรรจุวัคซีนชนิดใหม่เป็นวัคซีนพื้นฐาน เชื่อว่าไม่ได้ติดขัดในเรื่องของเม็ดเงินที่รัฐจะต้องลงทุน เพราะเชื่อว่ารัฐน่าจะมีงบประมาณอยู่แล้ว แต่ที่บรรจุวัคซีนได้ช้าเพราะมีระบบที่วางไว้ จะต้องมีการตรวจสอบ พิจารณาข้อมูล และผ่านการประเมินของคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค ภายใต้คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ” รศ.(พิเศษ) นพ.ทวี กล่าว

ด้าน ศ.เกียรติคุณ นพ.สมศักดิ์ โล่ห์เลขา ประธานราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า วัคซีนที่เตรียมบรรจุเป็นวัคซีนพื้นฐานใหม่ทั้ง 4 ตัวนั้นเป็นวัคซีนที่ในต่างประเทศมีการบรรจุใช้เป็นวัคซีนพื้นฐานแล้ว แต่ไทยยังไม่มี อย่างวัคซีน HPV ที่มาเลเซียก็เริ่มฉีดแล้ว ซึ่งความจริงไทยต้องเริ่มฉีดพร้อมกับมาเลเซีย อย่างไรก็ตาม หากมีการบรรจุวัคซีนดังกล่าวเป็นวัคซีนพื้นฐานตัวใหม่ก็จะช่วยลดอุบัติการณ์ของแต่ละโรคลงได้ และเมื่อซื้อวัคซีนเข้ามาเป็นจำนวนมาก แน่นอนว่าจะช่วยให้ราคาวัคซีนถูกลง


กำลังโหลดความคิดเห็น