“หมอวิทิต” เดือด เตรียมยื่นศาลยุติธรรม จ่อฟ้อง “หมอประดิษฐ-ประธานบอร์ด อภ.” เรียงตัว เรียกค่าเสียหาย 31 ล้านบาท ฐานให้ข่าวทำลายชื่อเสียง พ้อถูกเอาเปรียบความดีและกลั่นแกล้ง ด้าน รมว.สธ.ยันการปลดทำตามขั้นตอนถูกต้อง ไม่เคยใส่ร้าย ห่วงเรื่องถึงศาลกระทบการตรวจสอบข้อเท็จจริง อภ. ขณะที่บอร์ด อภ.เตรียมฟ้องกลับเช่นกันฐานทำองค์การฯเสียหาย
นพ.วิทิต อรรถเวชกุล อดีตผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือข้อกฎหมายร่วมกับทีมที่ปรึกษากฎหมาย ผู้แทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ อภ.และผู้แทนเครือข่ายเพื่อความเป็นธรรมด้านสุขภาพ กรณีการเลิกจ้างตนจากตำแหน่ง ผอ.อภ.ว่า ที่ประชุมเห็นพ้องว่ามีข้อมูลและหลักฐานภายในที่ชัดเจนสามารถฟ้องเอาผิดคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) นพ.ประดิษฐ รมว.สาธารณสุข และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ ทั้งคดีทางปกครอง เพื่อให้ถอนมติ ครม.และคุ้มครองฉุกเฉิน คดีอาญามาตรา 157 ในฐานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด นอกจากนี้ จะฟ้องหมิ่นประมาท นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี ประธานบอร์ด อภ.และ นพ.ประดิษฐ ที่ให้ข่าวกล่าวร้ายทำให้เกิดความเสียหาย รวมทั้งจะฟ้องคดีทางแพ่งเรียกค่าเสียหาย 31 ล้านบาท
"เพื่อปกป้องระบบยาของประเทศ ปกป้ององค์การเภสัชกรรมของรัฐ และปกป้องศักดิ์ศรีของคนทำงาน สัปดาห์หน้าจะยื่นฟ้อง บอร์ด อภ. นพ.ประดิษฐ และ ครม.ทั้งคดีปกครอง คดีอาญา และคดีแพ่ง โดยเรียกค่าเสียหาย 31 ล้านบาท เพื่อเป็นตัวอย่างเอาผิดกับการใช้อำนาจรัฐและเครื่องมือของรัฐ โดยไม่เป็นธรรม ไม่ยึดหลักธรรมมาภิบาล” นพ.วิทิต กล่าวและว่า ตนทำงานราชการมาเกือบ 30 ปี รับใช้พี่น้องชาวบ้านแพ้วและพื้นที่ใกล้เคียง จนถูกไปใช้อ้างอิงหาเสียงในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค และกว่า 6 ปีได้พัฒนา อภ.จนเป็นรัฐวิสาหกิจที่ทำรายได้ สร้างระบบความมั่นคงด้านยาให้กับประเทศ แต่ถูกนักการเมืองที่ไร้วุฒิภาวะ อยากดังเร็ว ร่วมกับอดีตข้าราชการที่อยู่ระหว่างถูกข้อหาสมคบนักการเมือง ทุจริตคอร์รัปชันร่วมกันกลั่นแกล้ง ทำลายชื่อเสียงเพื่อยึดครองระบบยาของรัฐ จึงจำเป็นต้องฟ้องเอาผิดเพื่อให้ศาลยุติธรรมได้ทำความจริงให้ปรากฏ ให้คนผิดได้ถูกลงโทษ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดรัฐมนตรี สธ. ได้มอบให้บอร์ด อภ.ตั้งทีมเฉพาะกิจตรวจสอบกรณีปลดผู้อำนวยการ อภ.แล้ว และหากพบข้อมูลเพิ่มเติมสามารถตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งได้ นพ.วิทิต กล่าวว่า การตั้งทีมดังกล่าวไม่เกี่ยวกับตน เนื่องจากถูกเลิกจ้างแล้ว ซึ่งต่างคนต่างทำหน้าที่ไป ตนก็ใช้สิทธิที่พึงมีเช่นกัน
ด้านชมรมแพทย์ชนบทได้ออกแถลงการณ์ ว่า นพ.ประดิษฐ ได้บิดพลิ้วไม่ทำตามข้อสรุปของการหารือเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาลที่สรุปให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีการทำลายภาพพจน์ อภ.และปลดผู้อำนวยการโดยมิชอบ
นพ.วชิระ บถพิบูลย์ อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า การที่ รมว.สาธารณสุข บิดพลิ้วไม่ทำตามข้อตกลงที่ทำเนียบฯ แต่กลับเฉไฉไปตั้งคณะทำงานของกระทรวง และ อภ.ให้เป็นผู้ให้ข้อมูลและให้ข่าวอนุญาตให้กลุ่มคนที่เครือข่ายความเป็นธรรมด้านสุขภาพเสนอชื่อให้มีหน้าที่เพียงรับฟังข้อมูลจากคณะทำงานที่ตนตั้งขึ้นเท่านั้น ถือเป็นการบิดเบือนข้อตกลงและเป็นการให้ข่าวที่ไร้วุฒิภาวะ ขาดความน่าเชื่อถือ
นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า หาก นพ.วิทิต จะฟ้องก็สามารถทำได้ แต่ขอยืนยันว่าทั้งบอร์ด อภ. และ ครม.ต่างก็ทำหน้าที่ถูกต้องตามขั้นตอนทั้งหมด และตัดสินจากข้อเท็จจริงที่เห็น ส่วนที่ระบุว่าเป็นการฟ้องร้องเพื่อปกป้องระบบยาของประเทศ ปกป้อง อภ.นั้น ถือว่าเป็นคนละเรื่องกัน การเลิกจ้าง นพ.วิทิต ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดกับเรื่องประสิทธิภาพระบบยา เพราะเป็นเรื่องของการบริหารจัดการของ นพ.วิทิต เอง หากนำเรื่องดังกล่าวมาผูกกันเรื่องก็ใหญ่และยาวต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการฟ้อง นพ.วิทิต กลับหรือไม่ นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า ทุกคนสามารถใช้สิทธิของตัวเองได้ หากมีการฟ้องกลั่นแกล้งเพื่อทำลายชื่อเสียง ส่วนที่มีการกล่าวหาว่ามีนักการเมืองไร้วุฒิภาวะ อยากดังเร็ว และอดีตข้าราชการถูกข้อหาทุจริตร่วมกันกลั่นแกล้งนั้น ขอให้ระบุชื่อมาให้ชัดเจนว่าเป็นใคร
"ที่ผ่านมาผมก็พูดไปตามข้อเท็จจริง และไม่เคยพูดจาใส่ร้ายหรือว่าร้าย นพ.วิทิตในทางที่เสียหาย อย่างทุจริตคอร์รัปชันเลย บางครั้งยังพูดเข้าข้างด้วยซ้ำไป" รมว.สาธารณสุข กล่าวและว่า ตนเป็นห่วงว่าหาก นพ.วิทิต ฟ้องศาลจริง ก็จะทำให้การตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อมูลหลักฐานการเลิกจ้าง นพ.วิทิต จะไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะเรื่องเข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี ประธานบอร์ด อภ. กล่าวว่า หากมีการฟ้องร้องจริงก็เป็นสิทธิที่ทำได้ ซึ่งทางบอร์ด อภ.ก็มีข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเลิกจ้าง เนื่องจากในสัญญาการว่าจ้างผู้อำนวยการ อภ.ก็ระบุชัดว่า สามารถเลิกจ้างได้ตามเหตุผลที่กำหนด ซึ่งบอร์ด อภ. ทำตามระเบียบหมด การจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายก็ต้องดูข้อเท็จจริง นอกจากนี้ บอร์ด อภ.ก็เตรียมเรียกค่าเสียหายจาก นพ.วิทิต สมัยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ อภ.ที่ทำให้องค์การฯ เกิดความเสียหาย โดยได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาละเมิดกรณีวัตถุดิบยาพาราเซตามอล กรณีความล่าช้าโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนก ซึ่งหากคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเสร็จก็ต้องเรียกค่าเสียหายเช่นกัน รวมถึงยังตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณียาโครพิโดเกล ซึ่งเป็นยาโรคหัวใจที่ซื้อมามูลค่ากว่า 10 ล้านบาท แต่กลับไม่ได้มีการนำไปใช้ รวมทั้งกรณียาโอเซลทามิเวียร์ ( Oseltamivir) มูลค่า 500 ล้านบาทก็ยังไม่มีการใช้เช่นกัน ตรงนี้หากผลสอบออกมาว่าเกิดความเสียหายจริง ก็ต้องนำเข้าคณะกรรมการพิจารณาละเมิดฯ เพื่อรวบรวมค่าเสียหายที่เกิดขึ้นอีก ทั้งหมดไม่ได้เป็นการโต้กลับ แต่เป็นเรื่องต้องทำ เพราะเป็นระเบียบของอภ.
"ล่าสุด รมว.สาธารณสุขได้ให้บอร์ด อภ.ตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้น ซึ่งมีทั้งผู้แทนกระทรวงฯ และผู้แทนชมรมแพทย์ชนบท เครือข่ายสุขภาพต่างๆ และตัวแทนสหภาพ อภ. ในการเข้ามารับฟังข้อเท็จจริงการปลด นพ.วิทิต ซึ่งจะให้เข้าฟังได้ในวันที่ 8 ก.ค.นี้ ซึ่งทุกอย่างเปิดเผยหมด มีข้อเท็จจริงชัดเจน จึงไม่เข้าใจว่าการเลิกจ้าง นพ.วิทิต ที่ผ่านมาผิดข้อระเบียบตรงไหน และจะมาฟ้องบอร์ด อภ.ได้อย่างไร" นพ.พิพัฒน์ กล่าว
นพ.วิทิต อรรถเวชกุล อดีตผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือข้อกฎหมายร่วมกับทีมที่ปรึกษากฎหมาย ผู้แทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ อภ.และผู้แทนเครือข่ายเพื่อความเป็นธรรมด้านสุขภาพ กรณีการเลิกจ้างตนจากตำแหน่ง ผอ.อภ.ว่า ที่ประชุมเห็นพ้องว่ามีข้อมูลและหลักฐานภายในที่ชัดเจนสามารถฟ้องเอาผิดคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) นพ.ประดิษฐ รมว.สาธารณสุข และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ ทั้งคดีทางปกครอง เพื่อให้ถอนมติ ครม.และคุ้มครองฉุกเฉิน คดีอาญามาตรา 157 ในฐานปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่ โดยมิชอบทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด นอกจากนี้ จะฟ้องหมิ่นประมาท นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี ประธานบอร์ด อภ.และ นพ.ประดิษฐ ที่ให้ข่าวกล่าวร้ายทำให้เกิดความเสียหาย รวมทั้งจะฟ้องคดีทางแพ่งเรียกค่าเสียหาย 31 ล้านบาท
"เพื่อปกป้องระบบยาของประเทศ ปกป้ององค์การเภสัชกรรมของรัฐ และปกป้องศักดิ์ศรีของคนทำงาน สัปดาห์หน้าจะยื่นฟ้อง บอร์ด อภ. นพ.ประดิษฐ และ ครม.ทั้งคดีปกครอง คดีอาญา และคดีแพ่ง โดยเรียกค่าเสียหาย 31 ล้านบาท เพื่อเป็นตัวอย่างเอาผิดกับการใช้อำนาจรัฐและเครื่องมือของรัฐ โดยไม่เป็นธรรม ไม่ยึดหลักธรรมมาภิบาล” นพ.วิทิต กล่าวและว่า ตนทำงานราชการมาเกือบ 30 ปี รับใช้พี่น้องชาวบ้านแพ้วและพื้นที่ใกล้เคียง จนถูกไปใช้อ้างอิงหาเสียงในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค และกว่า 6 ปีได้พัฒนา อภ.จนเป็นรัฐวิสาหกิจที่ทำรายได้ สร้างระบบความมั่นคงด้านยาให้กับประเทศ แต่ถูกนักการเมืองที่ไร้วุฒิภาวะ อยากดังเร็ว ร่วมกับอดีตข้าราชการที่อยู่ระหว่างถูกข้อหาสมคบนักการเมือง ทุจริตคอร์รัปชันร่วมกันกลั่นแกล้ง ทำลายชื่อเสียงเพื่อยึดครองระบบยาของรัฐ จึงจำเป็นต้องฟ้องเอาผิดเพื่อให้ศาลยุติธรรมได้ทำความจริงให้ปรากฏ ให้คนผิดได้ถูกลงโทษ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ล่าสุดรัฐมนตรี สธ. ได้มอบให้บอร์ด อภ.ตั้งทีมเฉพาะกิจตรวจสอบกรณีปลดผู้อำนวยการ อภ.แล้ว และหากพบข้อมูลเพิ่มเติมสามารถตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงอีกครั้งได้ นพ.วิทิต กล่าวว่า การตั้งทีมดังกล่าวไม่เกี่ยวกับตน เนื่องจากถูกเลิกจ้างแล้ว ซึ่งต่างคนต่างทำหน้าที่ไป ตนก็ใช้สิทธิที่พึงมีเช่นกัน
ด้านชมรมแพทย์ชนบทได้ออกแถลงการณ์ ว่า นพ.ประดิษฐ ได้บิดพลิ้วไม่ทำตามข้อสรุปของการหารือเมื่อวันที่ 6 มิ.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาลที่สรุปให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อมูลและข้อเท็จจริงกรณีการทำลายภาพพจน์ อภ.และปลดผู้อำนวยการโดยมิชอบ
นพ.วชิระ บถพิบูลย์ อดีตประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า การที่ รมว.สาธารณสุข บิดพลิ้วไม่ทำตามข้อตกลงที่ทำเนียบฯ แต่กลับเฉไฉไปตั้งคณะทำงานของกระทรวง และ อภ.ให้เป็นผู้ให้ข้อมูลและให้ข่าวอนุญาตให้กลุ่มคนที่เครือข่ายความเป็นธรรมด้านสุขภาพเสนอชื่อให้มีหน้าที่เพียงรับฟังข้อมูลจากคณะทำงานที่ตนตั้งขึ้นเท่านั้น ถือเป็นการบิดเบือนข้อตกลงและเป็นการให้ข่าวที่ไร้วุฒิภาวะ ขาดความน่าเชื่อถือ
นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า หาก นพ.วิทิต จะฟ้องก็สามารถทำได้ แต่ขอยืนยันว่าทั้งบอร์ด อภ. และ ครม.ต่างก็ทำหน้าที่ถูกต้องตามขั้นตอนทั้งหมด และตัดสินจากข้อเท็จจริงที่เห็น ส่วนที่ระบุว่าเป็นการฟ้องร้องเพื่อปกป้องระบบยาของประเทศ ปกป้อง อภ.นั้น ถือว่าเป็นคนละเรื่องกัน การเลิกจ้าง นพ.วิทิต ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใดกับเรื่องประสิทธิภาพระบบยา เพราะเป็นเรื่องของการบริหารจัดการของ นพ.วิทิต เอง หากนำเรื่องดังกล่าวมาผูกกันเรื่องก็ใหญ่และยาวต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการฟ้อง นพ.วิทิต กลับหรือไม่ นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า ทุกคนสามารถใช้สิทธิของตัวเองได้ หากมีการฟ้องกลั่นแกล้งเพื่อทำลายชื่อเสียง ส่วนที่มีการกล่าวหาว่ามีนักการเมืองไร้วุฒิภาวะ อยากดังเร็ว และอดีตข้าราชการถูกข้อหาทุจริตร่วมกันกลั่นแกล้งนั้น ขอให้ระบุชื่อมาให้ชัดเจนว่าเป็นใคร
"ที่ผ่านมาผมก็พูดไปตามข้อเท็จจริง และไม่เคยพูดจาใส่ร้ายหรือว่าร้าย นพ.วิทิตในทางที่เสียหาย อย่างทุจริตคอร์รัปชันเลย บางครั้งยังพูดเข้าข้างด้วยซ้ำไป" รมว.สาธารณสุข กล่าวและว่า ตนเป็นห่วงว่าหาก นพ.วิทิต ฟ้องศาลจริง ก็จะทำให้การตั้งคณะกรรมการเพื่อตรวจสอบข้อมูลหลักฐานการเลิกจ้าง นพ.วิทิต จะไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะเรื่องเข้าสู่กระบวนการในชั้นศาล
นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี ประธานบอร์ด อภ. กล่าวว่า หากมีการฟ้องร้องจริงก็เป็นสิทธิที่ทำได้ ซึ่งทางบอร์ด อภ.ก็มีข้อมูลข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเลิกจ้าง เนื่องจากในสัญญาการว่าจ้างผู้อำนวยการ อภ.ก็ระบุชัดว่า สามารถเลิกจ้างได้ตามเหตุผลที่กำหนด ซึ่งบอร์ด อภ. ทำตามระเบียบหมด การจะฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายก็ต้องดูข้อเท็จจริง นอกจากนี้ บอร์ด อภ.ก็เตรียมเรียกค่าเสียหายจาก นพ.วิทิต สมัยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ อภ.ที่ทำให้องค์การฯ เกิดความเสียหาย โดยได้ตั้งคณะกรรมการพิจารณาละเมิดกรณีวัตถุดิบยาพาราเซตามอล กรณีความล่าช้าโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนก ซึ่งหากคณะกรรมการฯ พิจารณาแล้วเสร็จก็ต้องเรียกค่าเสียหายเช่นกัน รวมถึงยังตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงกรณียาโครพิโดเกล ซึ่งเป็นยาโรคหัวใจที่ซื้อมามูลค่ากว่า 10 ล้านบาท แต่กลับไม่ได้มีการนำไปใช้ รวมทั้งกรณียาโอเซลทามิเวียร์ ( Oseltamivir) มูลค่า 500 ล้านบาทก็ยังไม่มีการใช้เช่นกัน ตรงนี้หากผลสอบออกมาว่าเกิดความเสียหายจริง ก็ต้องนำเข้าคณะกรรมการพิจารณาละเมิดฯ เพื่อรวบรวมค่าเสียหายที่เกิดขึ้นอีก ทั้งหมดไม่ได้เป็นการโต้กลับ แต่เป็นเรื่องต้องทำ เพราะเป็นระเบียบของอภ.
"ล่าสุด รมว.สาธารณสุขได้ให้บอร์ด อภ.ตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้น ซึ่งมีทั้งผู้แทนกระทรวงฯ และผู้แทนชมรมแพทย์ชนบท เครือข่ายสุขภาพต่างๆ และตัวแทนสหภาพ อภ. ในการเข้ามารับฟังข้อเท็จจริงการปลด นพ.วิทิต ซึ่งจะให้เข้าฟังได้ในวันที่ 8 ก.ค.นี้ ซึ่งทุกอย่างเปิดเผยหมด มีข้อเท็จจริงชัดเจน จึงไม่เข้าใจว่าการเลิกจ้าง นพ.วิทิต ที่ผ่านมาผิดข้อระเบียบตรงไหน และจะมาฟ้องบอร์ด อภ.ได้อย่างไร" นพ.พิพัฒน์ กล่าว