คนไทยเครียด! พบสถิติผู้ป่วยคลุ้มคลั่งจำนวนมาก สพฉ.เผยปี 55-56 ออกช่วยเหลือผู้ป่วยคลุ้มคลั่งกว่า 19,240 ครั้ง แนะ 4 วิธีช่วยเหลืออย่างถูกวิธี หลังเกิดเหตุระทึกผู้ป่วยคลุ้มคลั่งใช้มีดจี้คอตัวเองที่ขอนแก่น ย้ำก่อนเข้าให้การช่วยเหลือต้องนึกถึงความปลอดภัยของตนเองและผู้ป่วย
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวถึงกรณีผู้ป่วยโรคจิตจากสารเสพติดคลุ้มคลั่งที่ จ.ขอนแก่น โดยใช้มีดจี้คอตัวเองถูกหลอดลมด้านหน้า ส่งผลให้หายใจลำบาก จนหน่วยกู้ชีพจำเป็นต้องเข้าให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ว่า ประชาชนทั่วไปควรสังเกตผู้ใกล้ชิดมีความเสี่ยงต่ออาการโรคจิตหรือไม่ โดยอาการเบื้องต้นของผู้ป่วยโรคจิตจะมีอาการซึมเศร้า เก็บตัว จากที่เคยเรียบร้อยก็จะกลายเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรงจนน่ากลัว ไม่ชอบอาบน้ำ สะสมขยะ พูดจาหรือหัวเราะอยู่คนเดียว ซึ่งหากพบเห็นควรรีบพาไปพบจิตแพทย์เพื่อทำการรักษาและบำบัด เพื่อลดอัตราการเกิดเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉิน โดยสถิติการออกปฏิบัติการทางการแพทย์ฉุกเฉินในปี 2555 พบว่า มีผู้ป่วยฉุกเฉินที่ได้รับการช่วยเหลือจากอาการคลุ้มคลั่ง ภาวะทางจิตประสาทและอารมณ์ 11,652 ครั้ง และในปี 2556 ตั้งแต่ ต.ค.2555-มิ.ย.2556 ทั้งหมด 7,588 ดังนั้น หากพบเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุสามารถโทร.แจ้งได้ที่สายด่วน 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้าน นางสุภลักษณ์ ชารีพัด พยาบาลวิชาชีพประจำศูนย์สื่อสารสั่งการ รพ.ขอนแก่น กล่าวว่า หากประชาชนทั่วไปพบเห็นเหตุการณ์ของผู้ป่วยโรคจิตในลักษณะนี้และเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ทำร้ายร่างกายตนเอง และทำร้ายร่างกายผู้อื่น ผู้พบเห็นเหตุการณ์จะต้องรีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 เพื่อเข้าให้การช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินอย่างทันท่วงที และในระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่เข้ามาให้การช่วยเหลือ ผู้พบเหตุจะต้องประเมินสถานการณ์ที่จะทำให้เกิดความปลอดภัยทั้งต่อตัวผู้ให้การช่วยเหลือเองและกับผู้ป่วยด้วย โดยจะต้องพูดคุยเพื่อให้ผู้ป่วยผ่อนคลาย และต้องปฏิบัติตามคำร้องขอของผู้ป่วย ในกรณีที่ปัญหานั้นๆ สามารถดำเนินการได้ พร้อมทั้งแสดงความเข้าใจในปัญหาของผู้ป่วย ไม่ซ้ำเติมและทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น
นางสุภลักษณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับขั้นตอนการช่วยเหลือมีดังนี้ 1.โทร.แจ้งสายด่วน 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ 2.บอกผู้ป่วยว่าเรามาช่วยเหลือ เราพร้อมที่จะทำตามคำร้องขอ 3.แนะนำให้นั่งลงและคุยกัน ควรปลดอาวุธให้เรียบร้อยก่อนทำการช่วยเหลือ แต่ทั้งนี้หากประเมินว่าไม่ปลอดภัยควรให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาให้การช่วยเหลือจะดีกว่า และ 4.หากผู้ป่วยมีภาวะเลือดออกภายนอกมาก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตควรปฐมพยาบาลเบื้องต้นโดยการห้ามเลือด คือให้ใช้ผ้าสะอาดกดให้แน่นในตำแหน่งบาดแผล เพื่อหยุดเลือดที่ออก แต่ทั้งนี้จะต้องมีอุปกรณ์ป้องกันตัวเองด้วย อาทิ ถุงมือ หน้ากาก เสื้อคลุมเพื่อป้องกันการติดเชื้อ อย่างไรก็ตามหัวใจสำคัญของการช่วยเหลือที่เหมาะสมและปลอดภัยต้องเริ่มต้นจากการประเมินสถานการณ์ ณ จุดเกิดเหตุที่ดี ซึ่งจะส่งผลทำให้เกิดความปลอดภัยและทำให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
นพ.อนุชา เศรษฐเสถียร เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) กล่าวถึงกรณีผู้ป่วยโรคจิตจากสารเสพติดคลุ้มคลั่งที่ จ.ขอนแก่น โดยใช้มีดจี้คอตัวเองถูกหลอดลมด้านหน้า ส่งผลให้หายใจลำบาก จนหน่วยกู้ชีพจำเป็นต้องเข้าให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ว่า ประชาชนทั่วไปควรสังเกตผู้ใกล้ชิดมีความเสี่ยงต่ออาการโรคจิตหรือไม่ โดยอาการเบื้องต้นของผู้ป่วยโรคจิตจะมีอาการซึมเศร้า เก็บตัว จากที่เคยเรียบร้อยก็จะกลายเป็นคนที่มีอารมณ์รุนแรงจนน่ากลัว ไม่ชอบอาบน้ำ สะสมขยะ พูดจาหรือหัวเราะอยู่คนเดียว ซึ่งหากพบเห็นควรรีบพาไปพบจิตแพทย์เพื่อทำการรักษาและบำบัด เพื่อลดอัตราการเกิดเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉิน โดยสถิติการออกปฏิบัติการทางการแพทย์ฉุกเฉินในปี 2555 พบว่า มีผู้ป่วยฉุกเฉินที่ได้รับการช่วยเหลือจากอาการคลุ้มคลั่ง ภาวะทางจิตประสาทและอารมณ์ 11,652 ครั้ง และในปี 2556 ตั้งแต่ ต.ค.2555-มิ.ย.2556 ทั้งหมด 7,588 ดังนั้น หากพบเหตุเจ็บป่วยฉุกเฉินหรืออุบัติเหตุสามารถโทร.แจ้งได้ที่สายด่วน 1669 ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้าน นางสุภลักษณ์ ชารีพัด พยาบาลวิชาชีพประจำศูนย์สื่อสารสั่งการ รพ.ขอนแก่น กล่าวว่า หากประชาชนทั่วไปพบเห็นเหตุการณ์ของผู้ป่วยโรคจิตในลักษณะนี้และเกิดอาการคลุ้มคลั่ง ทำร้ายร่างกายตนเอง และทำร้ายร่างกายผู้อื่น ผู้พบเห็นเหตุการณ์จะต้องรีบโทรแจ้งสายด่วน 1669 เพื่อเข้าให้การช่วยเหลือผู้ป่วยฉุกเฉินอย่างทันท่วงที และในระหว่างที่รอเจ้าหน้าที่เข้ามาให้การช่วยเหลือ ผู้พบเหตุจะต้องประเมินสถานการณ์ที่จะทำให้เกิดความปลอดภัยทั้งต่อตัวผู้ให้การช่วยเหลือเองและกับผู้ป่วยด้วย โดยจะต้องพูดคุยเพื่อให้ผู้ป่วยผ่อนคลาย และต้องปฏิบัติตามคำร้องขอของผู้ป่วย ในกรณีที่ปัญหานั้นๆ สามารถดำเนินการได้ พร้อมทั้งแสดงความเข้าใจในปัญหาของผู้ป่วย ไม่ซ้ำเติมและทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น
นางสุภลักษณ์ กล่าวอีกว่า สำหรับขั้นตอนการช่วยเหลือมีดังนี้ 1.โทร.แจ้งสายด่วน 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือทางการแพทย์ 2.บอกผู้ป่วยว่าเรามาช่วยเหลือ เราพร้อมที่จะทำตามคำร้องขอ 3.แนะนำให้นั่งลงและคุยกัน ควรปลดอาวุธให้เรียบร้อยก่อนทำการช่วยเหลือ แต่ทั้งนี้หากประเมินว่าไม่ปลอดภัยควรให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาให้การช่วยเหลือจะดีกว่า และ 4.หากผู้ป่วยมีภาวะเลือดออกภายนอกมาก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการเสียชีวิตควรปฐมพยาบาลเบื้องต้นโดยการห้ามเลือด คือให้ใช้ผ้าสะอาดกดให้แน่นในตำแหน่งบาดแผล เพื่อหยุดเลือดที่ออก แต่ทั้งนี้จะต้องมีอุปกรณ์ป้องกันตัวเองด้วย อาทิ ถุงมือ หน้ากาก เสื้อคลุมเพื่อป้องกันการติดเชื้อ อย่างไรก็ตามหัวใจสำคัญของการช่วยเหลือที่เหมาะสมและปลอดภัยต้องเริ่มต้นจากการประเมินสถานการณ์ ณ จุดเกิดเหตุที่ดี ซึ่งจะส่งผลทำให้เกิดความปลอดภัยและทำให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ