ป่วยไข้เลือดออกพุ่งต่อเนื่องเกือบ 5 หมื่นราย ตาย 59 ราย เกินครึ่งเป็นนักเรียน สธ.กำชับโรงพยาบาลทุกแห่งเข้มตรวจคนไข้ พร้อมตั้งวอร์รูมเน้นทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลาย ชี้เป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุด เพราะยังไม่มีวัคซีนรักษา
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้พบผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ ม.ค. - 18 มิ.ย. 2556 มีผู้ป่วยไข้เลือดออกสะสมทั่วประเทศ 48,592 ราย เสียชีวิต 59 ราย โดยผู้เสียชีวิตกว่าร้อยละ 50 เป็นเด็กนักเรียน จึงกำชับโรงพยาบาลทุกแห่งให้เคร่งครัดการตรวจวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยที่เป็นไข้ เพื่อลดจำนวนการป่วยและการเสียชีวิตให้มากที่สุด ส่วนประชาชนหากพบผู้ป่วยมีอาการไข้สูง 1-2 วัน กินยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลดลง หน้าแดง ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก ขอให้นึกถึงไข้เลือดออกไว้ก่อน และรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที อย่าปล่อยไว้หรือซื้อยาลดไข้มากินเอง อาจทำให้อาการหนัก รักษายากและเสียชีวิตได้
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า สธ.ได้ตั้งวอร์รูมไข้เลือดออก ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคที่สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัด เพื่อป้องกันการป่วยและเสียชีวิต รวมทั้งประสานความร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ช่วยกันลดแหล่งเพาะพันธุ์และทำลายลูกน้ำยุงลาย และให้ สสจ.ประสานข้อมูลผู้ป่วยไข้เลือดออก ทั้งผู้ที่ไปรับการรักษาในโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป คลินิกและโรงพยาบาลเอกชนด้วย เพื่อให้ทราบสถานการณ์ควบคุมโรคในพื้นที่และติดตามควบคุมป้องกันโรคได้รวดเร็วและครอบคลุม
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ.กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก การทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายเป็นมาตรการที่ดีและได้ผลที่สุด เพราะเป็นการกำจัดที่แหล่งต้นตอของโรคโดยตรง นอกจากนี้ ขอให้แต่ละครัวเรือนใช้ยาทากันยุงป้องกันยุงกัดด้วย
อนึ่ง ข้อมูลสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค ตั้งแต่ ม.ค. - 18 มิ.ย. 2556 พบว่ามีผู้ป่วยไข้เลือดออกสะสมทั่วประเทศ 48,592 ราย เสียชีวิต 59 ราย พบผู้ป่วยสูงสุดในกลุ่มอายุ 15-24 ปี ร้อยละ 29 ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนร้อยละ 52 ผู้ป่วยตายสูงสุดในกลุ่มอายุ 15-24 ปี ร้อยละ 31 เป็นนักเรียนร้อยละ 54 โดยมีผู้ป่วยสะสมสูงสุดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 14,203 ราย เสียชีวิต 16 ราย ภาคใต้ 11,990 ราย เสียชีวิต 23 ราย ภาคกลาง 11,960 ราย เสียชีวิต 10 ราย และภาคเหนือ 10,439 ราย เสียชีวิต 10 ราย
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้พบผู้ป่วยและเสียชีวิตจากโรคไข้เลือดออกเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ ม.ค. - 18 มิ.ย. 2556 มีผู้ป่วยไข้เลือดออกสะสมทั่วประเทศ 48,592 ราย เสียชีวิต 59 ราย โดยผู้เสียชีวิตกว่าร้อยละ 50 เป็นเด็กนักเรียน จึงกำชับโรงพยาบาลทุกแห่งให้เคร่งครัดการตรวจวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยที่เป็นไข้ เพื่อลดจำนวนการป่วยและการเสียชีวิตให้มากที่สุด ส่วนประชาชนหากพบผู้ป่วยมีอาการไข้สูง 1-2 วัน กินยาลดไข้แล้วไข้ไม่ลดลง หน้าแดง ไม่ไอ ไม่มีน้ำมูก ขอให้นึกถึงไข้เลือดออกไว้ก่อน และรีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทันที อย่าปล่อยไว้หรือซื้อยาลดไข้มากินเอง อาจทำให้อาการหนัก รักษายากและเสียชีวิตได้
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า สธ.ได้ตั้งวอร์รูมไข้เลือดออก ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคที่สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัด เพื่อป้องกันการป่วยและเสียชีวิต รวมทั้งประสานความร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน ช่วยกันลดแหล่งเพาะพันธุ์และทำลายลูกน้ำยุงลาย และให้ สสจ.ประสานข้อมูลผู้ป่วยไข้เลือดออก ทั้งผู้ที่ไปรับการรักษาในโรงพยาบาลชุมชน โรงพยาบาลทั่วไป คลินิกและโรงพยาบาลเอกชนด้วย เพื่อให้ทราบสถานการณ์ควบคุมโรคในพื้นที่และติดตามควบคุมป้องกันโรคได้รวดเร็วและครอบคลุม
ด้าน นพ.ณรงค์ สหเมธาพัฒน์ ปลัด สธ.กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก การทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายเป็นมาตรการที่ดีและได้ผลที่สุด เพราะเป็นการกำจัดที่แหล่งต้นตอของโรคโดยตรง นอกจากนี้ ขอให้แต่ละครัวเรือนใช้ยาทากันยุงป้องกันยุงกัดด้วย
อนึ่ง ข้อมูลสำนักโรคติดต่อนำโดยแมลง กรมควบคุมโรค ตั้งแต่ ม.ค. - 18 มิ.ย. 2556 พบว่ามีผู้ป่วยไข้เลือดออกสะสมทั่วประเทศ 48,592 ราย เสียชีวิต 59 ราย พบผู้ป่วยสูงสุดในกลุ่มอายุ 15-24 ปี ร้อยละ 29 ส่วนใหญ่เป็นนักเรียนร้อยละ 52 ผู้ป่วยตายสูงสุดในกลุ่มอายุ 15-24 ปี ร้อยละ 31 เป็นนักเรียนร้อยละ 54 โดยมีผู้ป่วยสะสมสูงสุดที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 14,203 ราย เสียชีวิต 16 ราย ภาคใต้ 11,990 ราย เสียชีวิต 23 ราย ภาคกลาง 11,960 ราย เสียชีวิต 10 ราย และภาคเหนือ 10,439 ราย เสียชีวิต 10 ราย