พศจ.ศรีสะเกษ เต้นสอบ “หลวงปู่” ชื่อดังแต่โดนกีดกัน-พบพำนักที่พักสงฆ์ ไม่ใช่วัด ไม่ใช่สำนักสงฆ์ที่ พศ.รับรอง ชาวบ้านเอือมไม่ทำบุญ ด้าน ผอ.พศ.ชี้นั่งเครื่องบิน “ผิดอาจาระ” ประพฤติไม่เหมาะกับความเป็นสงฆ์ ชาวออนไลน์แพร่ภาพคนหน้าคล้ายนอนกับสีกา-โพสท่าแอ๊บแบ๊ว โชว์หราผ่านเน็ตเพียบ ส่วน พระพรหมดิลก เตือนญาติโยม บริจาคของใช้ต้องดูความเหมาะสม เตรียมเช็ก เครื่องบิน รถหรู ชื่อใคร หากชื่อพระ นำเงินบริจาคมาซื้อถือว่าผิด
สืบเนื่องมาจากมีประชาชนร้องเรียนในเชิงตำหนิติเตียนว่าปัจจุบันพบเห็นพระสงฆ์บางรูปมีการสะสมพาหนะการเดินทาง มีรถหรู เครื่องใช้ไม้สอยราคาแพง ฟุ่มเฟือยมาก โดยมีภาพพระสงฆ์เผยแพร่ผ่านทางอินเทอร์เน็ตที่เขียนว่าเป็นเครื่องบินเจ็ตประจำองค์ 2 เป็นภาพคณะสงฆ์จำนวน 3 รูปนั่งอยู่บนเครื่องบินส่วนตัว เสียบหูฟังไอโฟน สวมแว่นตาดำ และกระเป๋าแบรนด์ดังหลุยส์วิตตอง เครื่องบินลำดังกล่าวลงจอดที่สนามบินอุบลราชธานี
วันนี้ (17 มิ.ย.) นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ขณะนี้ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าเป็นหลวงพ่อชื่อดังใน จ.ศรีสะเกษ ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ศรีสะเกษ ตรวจสอบถึงที่มาที่ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม มีผู้สอบถามตนมาว่าเป็นหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก พระสงฆ์ชื่อดังแห่งวัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทารมย์ จ.ศรีสะเกษ ใช่หรือไม่ ตนยังบอกไม่ได้ว่าเป็นหลวงปูเณรคำ หรือพระสงฆ์รูปใด ต้องรอรายงานจาก พศจ.ศรีสะเกษ ก่อน
“มีคนถามว่าพระรูปนี้เป็นเจ้าของเครื่องบินหรือไม่ ส่วนตัวผมยังมองในแง่ดีว่าพระสงฆ์ทุกรูปคงไม่สามารถเป็นเจ้าของเครื่องบินส่วนตัวได้ เพราะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบฐานะทางการเงิน มีใบอนุญาตการบิน การจอด อาจจะเป็นเครื่องบินของญาติโยม หรือลูกศิษย์ ก็ได้ หากถามว่าแล้วท่านผิดตรงไหน ก็ผิดอาจาระ พฤติกรรมโอเวอร์ สวมแว่นตา มีกิริยามารยาทความประพฤติไม่เหมาะสม ไม่สอดคล้องกับสถานะของความเป็นพระสงฆ์ ทำให้ผู้ประสบพบเห็นเสื่อมศรัทธาความเชื่อความเลื่อมใสในบุคคลเหล่านั้น คนที่เคยศรัทธาเลื่อมใสอยู่ก่อนแล้ว ก็จะจืดจาง เสื่อมความเคารพนับถือลงโดยลำดับ พุทธศาสนิกชนดูแล้วหดหู่” ผอ.พศ.กล่าว
ด้านนายวิรอด ไชยพรรณา ผู้อำนวยการ พศจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนได้รับคำสั่งจากนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.พศ.ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ที่มีผู้เกี่ยวข้องกับหลวงปู่เณรคำหรือไม่ ใน 2 ประเด็น คือ 1.ตรวจสอบประวัติที่พักสงฆ์ที่พำนักของหลวงปู่เณรคำปัจจุบันว่าถูกต้องหรือไม่ ซึ่งในเบื้องต้นเท่าที่ตรวจสอบที่หลวงปู่เณรคำพำนักอยู่นั้นเรียกว่าที่พักสงฆ์ทั่วไป ไม่มีสถานะเป็นวัดหรือสำนักสงฆ์ที่ขึ้นทะเบียนกับ พศ.กล่าวคือเมื่อพระสงฆ์พักที่ไหนก็สามารถสร้างที่พักสงฆ์ได้ ไม่ใช่วัดหรือสำนักสงฆ์
2.ตรวจสอบประวัติของหลวงปู่เณรคำว่าปัจจุบันท่านสังกัดวัดไหน เจ้าคณะปกครองใด เพราะเท่าที่ทราบแต่เดิมท่านสังกัดวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ จ.อุบลราชธานี แต่ปัจจุบันท่านสังกัดวัดไหน เรื่องนี้จะหาคำตอบให้ได้ภายในวันนี้ อย่างไรก็ตาม การเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหลวงปู่เณรคำค่อนข้างยาก เพราะเป็นพระธรรมยุต ท่านมักไม่เปิดเผยว่าปัจจุบันอยู่ในสังกัดที่ไหน เจ้าหน้าที่ พศ.จะถูกกีดกันออกมา ไม่ให้ความร่วมมือ
“เมื่อตรวจสอบคลิปที่นั่งเครื่องบินเผยแพร่ผ่านอินเทอร์เน็ตนั้น มุมภาพไม่ใช่แอบถ่าย เป็นการเปิดให้ถ่ายภาพโปรโมตตัวเอง ซึ่งดูแล้วไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ส่วนที่มีภาพเก่าๆ ที่มีคนที่หน้าเหมือนพระสงฆ์รูปหนึ่งนอนหลับอยู่กับสีกาสาวคนหนึ่งนั้น ส่วนจะเป็นภาพตัดต่อหรือภาพจริงหรือไม่นั้น ชาวบ้านแถวนั้นจะรู้ว่าในภาพเป็นใคร เพราะมีเค้าโครงเหมือนกับสีกาคนใกล้ชิดหลวงปู่เณรคำ หากมีการตัดต่อจริงก็ควรเป็นภาพผู้หญิงสวยๆ เลยจะดีกว่า ชาวบ้านแถวนั้นรู้ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ดี จึงไม่ได้พากันไปทำบุญกับท่านมากนัก แต่ที่เห็นเวลาหลวงปู่เณรคำจัดกิจกรรมทำพิธีกรรมทางศาสนาแล้วมีคนไปร่วมนับพันคนนั้น ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่อยู่ไกลๆ มากกว่า คนในพื้นที่ไม่เข้า เพราะรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร หากจะทำบุญจะไปทำบุญที่วัดในพื้นที่มากกว่า” นายวิโรจน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบในเว็บไซต์ต่างๆ อาทิ เว็บไซต์พันทิป ปรากฏว่ามีการนำภาพของพระสงฆ์รูปหนึ่งมาโพสต์ คำบรรยายใต้ภาพระบุว่า เป็นหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ภาพแอ๊บแบ๊ว ถ่ายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง โดยในภาพดังกล่าวเป็นภาพพระสงฆ์ชูสองนิ้ว ทำหน้าแอ๊บแบ๊ว นอกจากนี้ยังภาพที่ชื่อว่า เบนซ์อาตมา ใครอย่าแตะนะโยม เป็นภาพที่ถ่ายคู่กับรถเบนซ์ป้ายทะเบียนต่างประเทศ รวมถึงภาพพระสงฆ์กำลังนั่งอยู่ในห้องนักบิน นอกจากนี้ในเว็บไซต์ดังกล่าวยังมีการนำภาพเหมือนที่อ้างว่าเป็นพระสงฆ์กำลังนอนกับผู้หญิงมาเผยแพร่ด้วย
อย่างไรก็ตามมีประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็นตำหนิและวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับภาพต่างๆ เป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสอบสวนข้อเท็จจริงและตักเตือนพระรูปดังกล่าว เนื่องจากมองว่าพฤติกรรมต่างๆ ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
ขณะที่ พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา ในฐานะเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวว่า กรณีที่มีการกล่าวถึงมีพระบางรูป สะสมรถหรู หรือรถสปอร์ต นั้น การรับบริจาคในปัจจุบัน พระวินัย และ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ไม่ได้มีข้อกำหนดไว้ชัดเจน แต่ญาติโยมต้องดูความเหมาะสมกับสถานภาพของพระเอง ดูประโยชน์ของการใช้สอยไม่ให้เกินฐานะ เกินความพอดี เนื่องจากจะทำให้สังคมติเตียนถึงความไม่เหมาะสมได้ เช่น การบริจาคหรือรับบริจาครถสปอร์ต ซึ่งถือว่าไม่เหมาะกับพระสงฆ์ เป็นต้น
“สำหรับกรณีของพระนั่งเครื่องบินเจ็ต และมีการกล่าวถึงว่า เป็นเครื่องบินส่วนตัวด้วยแล้ว เรื่องนี้หากประชาชนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เห็นว่า ไม่เหมาะสมก็สามารถทำหนังสือถึงเจ้าคณะปกครอง ให้ดำเนินการสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนกรณีที่มีการอ้างว่า พระซื้อเครื่องบิน ก็ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่านำเงินส่วนไหนไปซื้อ เพราะเครื่องบินมีราคาสูง หากพบว่ามีการนำเงินที่ญาติโยมนำมาบริจาคเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนามาซื้อ ก็ถือว่ามีความผิด ที่ต้องมีการตรวจสอบทั้งทางกฎหมายพระสงฆ์ และกฎหมายบ้านเมือง หากกฎหมายบ้านเมืองพิจารณาเป็นที่สุดแล้วว่า พระรูปนั้นกระทำผิดกฎหมายบ้านเมือง โดยเฉพาะกรณีคดีอาญา ก็ต้องดำเนินการสึก เพื่อไปรับโทษทางบ้านเมือง อาตมาอยากให้มีการสืบสวนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ สังคมต้องให้ความเป็นกลางกับทางพระด้วย อย่าเพิ่งด่วนไปตัดสิน” พระพรหมดิลก กล่าว
สืบเนื่องมาจากมีประชาชนร้องเรียนในเชิงตำหนิติเตียนว่าปัจจุบันพบเห็นพระสงฆ์บางรูปมีการสะสมพาหนะการเดินทาง มีรถหรู เครื่องใช้ไม้สอยราคาแพง ฟุ่มเฟือยมาก โดยมีภาพพระสงฆ์เผยแพร่ผ่านทางอินเทอร์เน็ตที่เขียนว่าเป็นเครื่องบินเจ็ตประจำองค์ 2 เป็นภาพคณะสงฆ์จำนวน 3 รูปนั่งอยู่บนเครื่องบินส่วนตัว เสียบหูฟังไอโฟน สวมแว่นตาดำ และกระเป๋าแบรนด์ดังหลุยส์วิตตอง เครื่องบินลำดังกล่าวลงจอดที่สนามบินอุบลราชธานี
วันนี้ (17 มิ.ย.) นายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า ขณะนี้ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าเป็นหลวงพ่อชื่อดังใน จ.ศรีสะเกษ ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ศรีสะเกษ ตรวจสอบถึงที่มาที่ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม มีผู้สอบถามตนมาว่าเป็นหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก พระสงฆ์ชื่อดังแห่งวัดป่าขันติธรรม ต.ยาง อ.กันทารมย์ จ.ศรีสะเกษ ใช่หรือไม่ ตนยังบอกไม่ได้ว่าเป็นหลวงปูเณรคำ หรือพระสงฆ์รูปใด ต้องรอรายงานจาก พศจ.ศรีสะเกษ ก่อน
“มีคนถามว่าพระรูปนี้เป็นเจ้าของเครื่องบินหรือไม่ ส่วนตัวผมยังมองในแง่ดีว่าพระสงฆ์ทุกรูปคงไม่สามารถเป็นเจ้าของเครื่องบินส่วนตัวได้ เพราะต้องผ่านกระบวนการตรวจสอบฐานะทางการเงิน มีใบอนุญาตการบิน การจอด อาจจะเป็นเครื่องบินของญาติโยม หรือลูกศิษย์ ก็ได้ หากถามว่าแล้วท่านผิดตรงไหน ก็ผิดอาจาระ พฤติกรรมโอเวอร์ สวมแว่นตา มีกิริยามารยาทความประพฤติไม่เหมาะสม ไม่สอดคล้องกับสถานะของความเป็นพระสงฆ์ ทำให้ผู้ประสบพบเห็นเสื่อมศรัทธาความเชื่อความเลื่อมใสในบุคคลเหล่านั้น คนที่เคยศรัทธาเลื่อมใสอยู่ก่อนแล้ว ก็จะจืดจาง เสื่อมความเคารพนับถือลงโดยลำดับ พุทธศาสนิกชนดูแล้วหดหู่” ผอ.พศ.กล่าว
ด้านนายวิรอด ไชยพรรณา ผู้อำนวยการ พศจ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ตนได้รับคำสั่งจากนายนพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผอ.พศ.ให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้ที่มีผู้เกี่ยวข้องกับหลวงปู่เณรคำหรือไม่ ใน 2 ประเด็น คือ 1.ตรวจสอบประวัติที่พักสงฆ์ที่พำนักของหลวงปู่เณรคำปัจจุบันว่าถูกต้องหรือไม่ ซึ่งในเบื้องต้นเท่าที่ตรวจสอบที่หลวงปู่เณรคำพำนักอยู่นั้นเรียกว่าที่พักสงฆ์ทั่วไป ไม่มีสถานะเป็นวัดหรือสำนักสงฆ์ที่ขึ้นทะเบียนกับ พศ.กล่าวคือเมื่อพระสงฆ์พักที่ไหนก็สามารถสร้างที่พักสงฆ์ได้ ไม่ใช่วัดหรือสำนักสงฆ์
2.ตรวจสอบประวัติของหลวงปู่เณรคำว่าปัจจุบันท่านสังกัดวัดไหน เจ้าคณะปกครองใด เพราะเท่าที่ทราบแต่เดิมท่านสังกัดวัดใต้พระเจ้าใหญ่องค์ตื้อ จ.อุบลราชธานี แต่ปัจจุบันท่านสังกัดวัดไหน เรื่องนี้จะหาคำตอบให้ได้ภายในวันนี้ อย่างไรก็ตาม การเข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับหลวงปู่เณรคำค่อนข้างยาก เพราะเป็นพระธรรมยุต ท่านมักไม่เปิดเผยว่าปัจจุบันอยู่ในสังกัดที่ไหน เจ้าหน้าที่ พศ.จะถูกกีดกันออกมา ไม่ให้ความร่วมมือ
“เมื่อตรวจสอบคลิปที่นั่งเครื่องบินเผยแพร่ผ่านอินเทอร์เน็ตนั้น มุมภาพไม่ใช่แอบถ่าย เป็นการเปิดให้ถ่ายภาพโปรโมตตัวเอง ซึ่งดูแล้วไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ส่วนที่มีภาพเก่าๆ ที่มีคนที่หน้าเหมือนพระสงฆ์รูปหนึ่งนอนหลับอยู่กับสีกาสาวคนหนึ่งนั้น ส่วนจะเป็นภาพตัดต่อหรือภาพจริงหรือไม่นั้น ชาวบ้านแถวนั้นจะรู้ว่าในภาพเป็นใคร เพราะมีเค้าโครงเหมือนกับสีกาคนใกล้ชิดหลวงปู่เณรคำ หากมีการตัดต่อจริงก็ควรเป็นภาพผู้หญิงสวยๆ เลยจะดีกว่า ชาวบ้านแถวนั้นรู้ข้อเท็จจริงเรื่องนี้ดี จึงไม่ได้พากันไปทำบุญกับท่านมากนัก แต่ที่เห็นเวลาหลวงปู่เณรคำจัดกิจกรรมทำพิธีกรรมทางศาสนาแล้วมีคนไปร่วมนับพันคนนั้น ส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านที่อยู่ไกลๆ มากกว่า คนในพื้นที่ไม่เข้า เพราะรู้ว่าความจริงเป็นอย่างไร หากจะทำบุญจะไปทำบุญที่วัดในพื้นที่มากกว่า” นายวิโรจน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบในเว็บไซต์ต่างๆ อาทิ เว็บไซต์พันทิป ปรากฏว่ามีการนำภาพของพระสงฆ์รูปหนึ่งมาโพสต์ คำบรรยายใต้ภาพระบุว่า เป็นหลวงปู่เณรคำ ฉัตติโก ภาพแอ๊บแบ๊ว ถ่ายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง โดยในภาพดังกล่าวเป็นภาพพระสงฆ์ชูสองนิ้ว ทำหน้าแอ๊บแบ๊ว นอกจากนี้ยังภาพที่ชื่อว่า เบนซ์อาตมา ใครอย่าแตะนะโยม เป็นภาพที่ถ่ายคู่กับรถเบนซ์ป้ายทะเบียนต่างประเทศ รวมถึงภาพพระสงฆ์กำลังนั่งอยู่ในห้องนักบิน นอกจากนี้ในเว็บไซต์ดังกล่าวยังมีการนำภาพเหมือนที่อ้างว่าเป็นพระสงฆ์กำลังนอนกับผู้หญิงมาเผยแพร่ด้วย
อย่างไรก็ตามมีประชาชนเข้ามาแสดงความคิดเห็นตำหนิและวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับภาพต่างๆ เป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสอบสวนข้อเท็จจริงและตักเตือนพระรูปดังกล่าว เนื่องจากมองว่าพฤติกรรมต่างๆ ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
ขณะที่ พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา ในฐานะเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) กล่าวว่า กรณีที่มีการกล่าวถึงมีพระบางรูป สะสมรถหรู หรือรถสปอร์ต นั้น การรับบริจาคในปัจจุบัน พระวินัย และ พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ไม่ได้มีข้อกำหนดไว้ชัดเจน แต่ญาติโยมต้องดูความเหมาะสมกับสถานภาพของพระเอง ดูประโยชน์ของการใช้สอยไม่ให้เกินฐานะ เกินความพอดี เนื่องจากจะทำให้สังคมติเตียนถึงความไม่เหมาะสมได้ เช่น การบริจาคหรือรับบริจาครถสปอร์ต ซึ่งถือว่าไม่เหมาะกับพระสงฆ์ เป็นต้น
“สำหรับกรณีของพระนั่งเครื่องบินเจ็ต และมีการกล่าวถึงว่า เป็นเครื่องบินส่วนตัวด้วยแล้ว เรื่องนี้หากประชาชนหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เห็นว่า ไม่เหมาะสมก็สามารถทำหนังสือถึงเจ้าคณะปกครอง ให้ดำเนินการสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนกรณีที่มีการอ้างว่า พระซื้อเครื่องบิน ก็ต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่านำเงินส่วนไหนไปซื้อ เพราะเครื่องบินมีราคาสูง หากพบว่ามีการนำเงินที่ญาติโยมนำมาบริจาคเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนามาซื้อ ก็ถือว่ามีความผิด ที่ต้องมีการตรวจสอบทั้งทางกฎหมายพระสงฆ์ และกฎหมายบ้านเมือง หากกฎหมายบ้านเมืองพิจารณาเป็นที่สุดแล้วว่า พระรูปนั้นกระทำผิดกฎหมายบ้านเมือง โดยเฉพาะกรณีคดีอาญา ก็ต้องดำเนินการสึก เพื่อไปรับโทษทางบ้านเมือง อาตมาอยากให้มีการสืบสวนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ สังคมต้องให้ความเป็นกลางกับทางพระด้วย อย่าเพิ่งด่วนไปตัดสิน” พระพรหมดิลก กล่าว