“สุขุมพันธุ์” ให้ สจส.ดึงภาพจากกล้อง CCTV ตรวจสอบมือระเบิดปากซอยรามคำแหง 43/1 ยันกล้องโทรทัศน์วงจรปิดใน กทม.ทุกตัวเป็นกล้องจริง
วันนี้ (27 พ.ค.) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เวลา 11.45 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุระเบิดบริเวณปากซอยรามคำแหง 43/1 เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ได้มอบหมายให้สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม.ตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) บริเวณโดยรอบจุดเกิดเหตุ ตั้งแต่บริเวณแยกเทพลีลา โรงเรียนเทพลีลา ปากซอยรามคำแหง 27 ปากซอยรามคำแหง 41/1 และปากซอยรามคำแหง 53 โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณปากซอย 41/1 ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 150 เมตร โดยจะดึงสัญญาณภาพตั้งแต่ช่วงเวลา 18.00-22.00 น.ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปใช้เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไป
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน CCTV เป็นกล้องจริงทุกตัวไม่มีกล้องดัมมี่ (กล้องเปล่า) แต่บางจุดที่ยังไม่มีการเชื่อมไฟ เนื่องจากบริษัทผู้ติดตั้งไม่สามารถดำเนินการได้เอง เนื่องด้วยการไฟฟ้านครหลวงได้กำหนดเงื่อนไขว่าการไฟฟ้านครหลวงจะเป็นผู้ดำเนินการเอง อย่างไรก็ตาม กทม.จะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงความคืบหน้าในการติดตั้งกล้อง CCTV พร้อมเชื่อมสัญญาณให้ทราบเป็นระยะ ซึ่งปัจจุบัน กทม.ได้ติดตั้งกล้อง CCTV ทั่วกรุงเทพฯ และสามารถใช้ได้จริง 13,000 ตัว ขณะเดียวกันกำลังดำเนินการติดตั้งเพิ่มเติมพร้อมเชื่อมต่อสัญญาณให้ครบ 27,000 ตัว ให้เร็วที่สุด โดยจะประสานจุดติดตั้งที่เหมาะสมกับผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ เช่น สถานีตำรวจนครบาล สำนักงานเขต และชุมชน รวมถึงบริเวณปากซอยรามคำแหง 43/1 ด้วย เนื่องจากเคยเกิดเหตุระเบิดบริเวณดังกล่าวเมื่อปี 2553 แล้วครั้งหนึ่ง
วันนี้ (27 พ.ค.) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เวลา 11.45 น. ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุระเบิดบริเวณปากซอยรามคำแหง 43/1 เมื่อคืนที่ผ่านมาว่า ได้มอบหมายให้สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม.ตรวจสอบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) บริเวณโดยรอบจุดเกิดเหตุ ตั้งแต่บริเวณแยกเทพลีลา โรงเรียนเทพลีลา ปากซอยรามคำแหง 27 ปากซอยรามคำแหง 41/1 และปากซอยรามคำแหง 53 โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณปากซอย 41/1 ซึ่งห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 150 เมตร โดยจะดึงสัญญาณภาพตั้งแต่ช่วงเวลา 18.00-22.00 น.ส่งมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำไปใช้เพื่อดำเนินการสืบสวนสอบสวนต่อไป
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน CCTV เป็นกล้องจริงทุกตัวไม่มีกล้องดัมมี่ (กล้องเปล่า) แต่บางจุดที่ยังไม่มีการเชื่อมไฟ เนื่องจากบริษัทผู้ติดตั้งไม่สามารถดำเนินการได้เอง เนื่องด้วยการไฟฟ้านครหลวงได้กำหนดเงื่อนไขว่าการไฟฟ้านครหลวงจะเป็นผู้ดำเนินการเอง อย่างไรก็ตาม กทม.จะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงความคืบหน้าในการติดตั้งกล้อง CCTV พร้อมเชื่อมสัญญาณให้ทราบเป็นระยะ ซึ่งปัจจุบัน กทม.ได้ติดตั้งกล้อง CCTV ทั่วกรุงเทพฯ และสามารถใช้ได้จริง 13,000 ตัว ขณะเดียวกันกำลังดำเนินการติดตั้งเพิ่มเติมพร้อมเชื่อมต่อสัญญาณให้ครบ 27,000 ตัว ให้เร็วที่สุด โดยจะประสานจุดติดตั้งที่เหมาะสมกับผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ เช่น สถานีตำรวจนครบาล สำนักงานเขต และชุมชน รวมถึงบริเวณปากซอยรามคำแหง 43/1 ด้วย เนื่องจากเคยเกิดเหตุระเบิดบริเวณดังกล่าวเมื่อปี 2553 แล้วครั้งหนึ่ง