“พนิตา” เตรียมสอบเพิ่ม “อนันต์-สุเทพ-ไกร” สัปดาห์หน้า ชี้หากพบมีความผิดจะเสนอตั้ง กก.สอบวินัยอย่างร้ายแรง
นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีการทุจริตสอบคัดเลือกครูผู้ช่วยกรณีที่มีความจำเป็นหรือเหตุพิเศษ ว12 กล่าวว่า กรณีการสอบสวนเพิ่มนายอนันต์ ระงับทุกข์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.), นายสุเทพ ชิตยวงศ์ ผู้ตรวจราชการ ศธ.อดีตผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ.และนายไกร เกษทัน อดีตผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติกร สพฐ.นั้น คาดว่าจะสามารถนัดประชุมเพื่อหารือร่วมกับคณะกรรมการ ได้ภายในสัปดาห์หน้า โดยในส่วนของนายอนันต์ และนายสุเทพ จะต้องสืบสวนเพิ่มเติมกรณีไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย เมื่อได้รับคำสั่งแล้ว ดำเนินการตรวจสอบตามข้อมูลที่ได้มาหรือไม่ โดยเฉพาะนายสุเทพ ที่ได้รับรายงานการทุจริต จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) อุดรธานี เขต 3 โดยตรง แต่ปรากฏว่าเอกสารดังกล่าวหายไป จึงต้องสืบสวนให้ชัดเจนว่าเอกสารฉบับดังกล่าวหายไปไหน และหายไปได้อย่างไร ส่วนนายไกร จะสืบสวนในประเด็นที่เป็นผู้รับผิดชอบการจัดสอบโดยตรง ซึ่งหากพบว่า ทั้ง 3 คนมีความผิดจริงทางคณะกรรมการก็จะต้องเสนอให้ตั้งกรรมการสืบสวนวินัยอย่างร้ายแรงเพิ่มเติมต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการ กพฐ.ตามหลักการควรจะต้องมีการโยกนายชินภัทร ออกจากตำแหน่งก่อนหรือไม่ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนนั้น นางพนิตา กล่าวว่า กรณีที่ผู้ถูกกล่าวหายังอยู่ในตำแหน่ง ทางคณะกรรมการจะพิจารณาและมีความเห็นร่วมกันเองว่าเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนหรือไม่ ซึ่งหากเห็นว่าเป็นอุปสรรคก็สามารถทำเรื่องเสนอมายัง รมว.ศึกษาธิการ เพื่อเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ ขอย้ำว่า กระบวนการสอบสวนนายชินภัทร ครั้งนี้เป็นการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง ซึ่งเป็นอำนาจโดยตรงของ ศธ.ยังไม่ใช่การตรวจสอบทุจริต ซึ่งเป็นคดีอาญาและถือเป็นหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ จะต้องดำเนินการ
นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีการทุจริตสอบคัดเลือกครูผู้ช่วยกรณีที่มีความจำเป็นหรือเหตุพิเศษ ว12 กล่าวว่า กรณีการสอบสวนเพิ่มนายอนันต์ ระงับทุกข์ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.), นายสุเทพ ชิตยวงศ์ ผู้ตรวจราชการ ศธ.อดีตผู้ช่วยเลขาธิการ กพฐ.และนายไกร เกษทัน อดีตผู้อำนวยการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติกร สพฐ.นั้น คาดว่าจะสามารถนัดประชุมเพื่อหารือร่วมกับคณะกรรมการ ได้ภายในสัปดาห์หน้า โดยในส่วนของนายอนันต์ และนายสุเทพ จะต้องสืบสวนเพิ่มเติมกรณีไม่ปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย เมื่อได้รับคำสั่งแล้ว ดำเนินการตรวจสอบตามข้อมูลที่ได้มาหรือไม่ โดยเฉพาะนายสุเทพ ที่ได้รับรายงานการทุจริต จากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) อุดรธานี เขต 3 โดยตรง แต่ปรากฏว่าเอกสารดังกล่าวหายไป จึงต้องสืบสวนให้ชัดเจนว่าเอกสารฉบับดังกล่าวหายไปไหน และหายไปได้อย่างไร ส่วนนายไกร จะสืบสวนในประเด็นที่เป็นผู้รับผิดชอบการจัดสอบโดยตรง ซึ่งหากพบว่า ทั้ง 3 คนมีความผิดจริงทางคณะกรรมการก็จะต้องเสนอให้ตั้งกรรมการสืบสวนวินัยอย่างร้ายแรงเพิ่มเติมต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่า เมื่อมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการ กพฐ.ตามหลักการควรจะต้องมีการโยกนายชินภัทร ออกจากตำแหน่งก่อนหรือไม่ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนนั้น นางพนิตา กล่าวว่า กรณีที่ผู้ถูกกล่าวหายังอยู่ในตำแหน่ง ทางคณะกรรมการจะพิจารณาและมีความเห็นร่วมกันเองว่าเป็นอุปสรรคต่อการสอบสวนหรือไม่ ซึ่งหากเห็นว่าเป็นอุปสรรคก็สามารถทำเรื่องเสนอมายัง รมว.ศึกษาธิการ เพื่อเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาได้ ขอย้ำว่า กระบวนการสอบสวนนายชินภัทร ครั้งนี้เป็นการสอบสวนทางวินัยร้ายแรง ซึ่งเป็นอำนาจโดยตรงของ ศธ.ยังไม่ใช่การตรวจสอบทุจริต ซึ่งเป็นคดีอาญาและถือเป็นหน้าที่ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ จะต้องดำเนินการ