“หมอประดิษฐ” ไม่สนบอร์ด อภ.จะปลด “หมอวิทิต” ออกจากตำแหน่งหรือไม่ เพราะไม่กระทบต่อการเดินหน้าสร้างโรงงานวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ระบุที่ผ่านมาก็ล่าช้าอยู่แล้ว ยันไม่ได้ตั้งธงจะเปลี่ยนตัว ผอ.องค์การเภสัชฯ เตรียมเสนอบอร์ด อภ.รับฟังคำแนะนำจาก คกก.วัคซีน
วันนี้ (15 พ.ค.) นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไม่ได้รายงานความคืบหน้าการสอบสวน นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กรณีความล่าช้าในการก่อสร้างโรงงานผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่/ไข้หวัดนกมายังตนแต่อย่างใด เพราะในเรื่องของการตรวจสอบไม่มีความเกี่ยวข้องกับตนแล้ว ซึ่งจบไปตั้งแต่เข้าให้ปากคำ แต่เป็นเรื่องของดีเอสไอที่จะสอบสวน หรือคณะกรรมการองค์การเภสัชกรรม (บอร์ด อภ.) ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งถือเป็นเรื่องภายใน อภ.ไม่เกี่ยวกับตน แต่ในฐานะที่เป็นคนกำกับก็ให้นโยบายชัดเจนแล้วว่า จะต้องเดินหน้าโครงการดังกล่าวต่อไปอย่างดีที่สุดและเหมาะสมที่สุด โดยจะเชิญคณะกรรมการวัคซีนจากสถาบันวัคซีนแห่งชาติและผู้เชี่ยวชาญมาเป็นที่ปรึกษาทั้งด้านวิชาการและบริหารจัดการ ส่วนเรื่องในอดีตเป็นเรื่องของคนสอบสวนที่จะเสนอขึ้นมาว่าผลเป็นอย่างไร ก็จะดำเนินไปตามขั้นตอนของผู้รับผิดชอบ แต่ตนไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง
“ส่วนที่กล่าวหาว่าผมตั้งธงจะเปลี่ยนตัว ผอ.อภ. ข้อกล่าวหาต้องเป็นข้อเท็จจริงเท่านั้น ผมคงไม่สามารถไปบิดเบือนขึ้นมาได้ และหากจะทำอย่างที่ตั้งธงจริงทำไมจะต้องส่งเรื่องให้องค์กรกลางอย่างดีเอสไอดำเนินการ ก็เพราะผมต้องการให้คนอื่นเห็นว่าผมไม่ได้มีเจตนาที่จะตั้งธง อยากให้ทุกคนดูว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ มีมูลหรือไม่ และที่สำคัญเรื่องที่เกิดขึ้นมาจะมีการรับผิดชอบอย่างไรด้วย” รมว.สาธารณสุข กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากบอร์ด อภ.ปลด นพ.วิทิต ออกจากตำแหน่ง จะส่งผลให้การก่อสร้างโรงงานวัคซีนล่าช้ากว่าเดิมหรือไม่ นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกันและคงไม่ช้าลงไปกว่านี้ เพราะทุกวันนี้ก็ไม่ได้มีความคืบหน้าอะไร ไม่มีความคืบหน้ามาหลายปีแล้ว ในการแก้ปัญหาอย่างที่บอกคือจะให้สถาบันวัคซีนแห่งชาติมาช่วย เพื่อให้เห็นว่ามีการดำเนินการสร้างโรงงานที่ถูกต้องตามหลักวิชาการ ส่วนคณะกรรมการจากภายนอกขณะนี้ได้ทาบทามไว้แล้วประมาณ 2 คน แต่คงต้องขอประชุมสักครั้งก่อนเสนอต่อบอร์ด อภ.เพื่อให้พิจารณาตามคำแนะนำของตนที่จะให้คณะกรรมการวัคซีนมาแนะนำ บอร์ด อภ.จะได้มีคนให้คำแนะนำถูกต้อง
เมื่อถามถึงกรณีกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจองค์การเภสัชกรรมทำหนังสือปกขาวเพื่อชี้แจงการทำงานของ อภ.ซึ่งหลายคนมองว่าสหภาพฯไม่ได้ทำเอง นพ.ประดิษฐ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าสหภาพฯทำเองหรือไม่ และไม่ทราบว่าได้เอกสารบางอย่างมาได้อย่างไร แต่ไม่ว่าใครทำก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องสนใจ สิ่งที่ควรสนใจคือข้อมูลในหนังสือปกขาวเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ มากน้อยเพียงใด
ด้าน นายนิมิตร์ เทียนอุดม ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์ กล่าวว่า ได้ยินข่าวว่าการประชุมบอร์ด อภ.ในวันที่ 17 พ.ค.นี้ มีวาระสำคัญจะปลด นพ.วิทิต เป็นใบสั่งทางการเมือง โดยบอร์ดจะใช้วิธีเลี่ยงให้ออกโดยจ่ายเงินจ้างออก เพื่อไม่ให้มีปัญหาการฟ้องร้อง ซึ่งสังคมคงต้องช่วยกันตั้งคำถามกับบอร์ด อภ.โดยเฉพาะ นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี ประธานบอร์ด อภ.และ นพ.ประดิษฐ ว่ากำลังทำอะไรกับ อภ.กำลังใช้รัฐวิสาหกิจเป็นเครื่องมือตอบแทนผลประโยชน์พรรคพวก หรือทำให้รัฐวิสาหกิจที่สำคัญต่อความเป็นอยู่ของประชาชนเสียความเป็นอิสระใช่หรือไม่ หรือ นพ.พิพัฒน์ กำลังจะเอาผลงานคุณความดีในชีวิตราชการที่ผ่านมา มาเป็นส่วนหนึ่งของการบ่อนเซาะทำลายความมั่นคงทางยาของประเทศ ที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความมั่นคงทางยา การประชุมบอร์ดที่จะถึงนี้จะเป็นสิ่งชี้วัดที่สำคัญ ที่จะพิสูจน์ธรรมาภิบาลในการทำงานของ บอร์ด อภ.ในการนำของ นพ.พิพัฒน์
น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า ความพยายามทำลาย อภ.ทั้งในฐานะองค์กรที่ผลิตยาชื่อสามัญหลักของประเทศ และทำลายภาพพจน์ของยาชื่อสามัญของ นพ.ประดิษฐ และคณะ มีความสอดคล้องอย่างมากกับความต้องการของสหภาพยุโรปในการเจรจาเอฟทีเอ ที่ส่งสัญญาณว่า ต้องการยกเลิกระเบียบการจัดซื้อพัสดุ ในการเจรจาหัวข้อการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (Government Procurement) และการพยายามทำให้ยาชื่อสามัญผนวกเข้าไปในนิยามยาปลอม ทั้งๆ ที่ไม่ใช่
“เมื่อไม่นานมานี้ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรปออกมาเผยว่า ต้องการยกเลิกระเบียบการจัดซื้อพัสดุ ในการเจรจาหัวข้อการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ (Government Procurement) และการพยายามทำให้ยาชื่อสามัญถูกผนวกเข้าไปในนิยามยาปลอม ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย และไม่ใช่หน้าที่ของ อย.ที่ต้องไล่จับยาละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา อย.มีหน้าที่ดูแลเรื่องคุณภาพยาเท่านั้น เห็นชัดเลยว่า ต้องการทำลายผู้ผลิตยาชื่อสามัญ ซึ่งองค์การเภสัชเป็นผู้ผลิตยาชื่อสามัญรายใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และที่ผ่านมาผลงานขององค์การเภสัชฯโดยเฉพาะในช่วงหลายปีที่ผ่านมาก็เพิ่มอำนาจต่อรองกับบริษัทยาข้ามชาติได้อย่างมาก จนยา วัคซีน และวัสดุเภสัชภัณฑ์ของบริษัทยาข้ามชาติต้องลดราคาลงอย่างมาก มีส่วนเพิ่มศักยภาพให้ระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติดูแลประชาชนได้ ดังนั้น ภาคประชาชนจึงต้องออกมาติดตามตรวจสอบเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด เพราะนี่คือการทำลายความั่นคงของยาและระบบหลักประสุขภาพแห่งชาติ ไม่อยากคิดว่านี่เป็นเรื่องบังเอิญตรงกันกับบริษัทยาข้ามชาติ เราขอให้นายกรัฐมนตรีตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง เพราะท่านอาจไม่รู้ว่า ระบบหลักประกันที่พรรคของท่านสร้างมานั้นกำลังถูกทำลาย” น.ส.สารี กล่าว