นร.เฮ! ร่างระเบียบทรงผมใหม่ ศธ. เอาใจสุดฤทธิ์ ชาย-หญิงตัดสั้นซอยไว้ยาวทำได้ แต่ต้องไม่ขัดกับระเบียบที่กำหนด เพิ่มเงื่อนไขหากต้องไว้ผมแตกต่างด้วยความจำเป็น เช่น ตามหลักศาสนา ประเพณีให้ ร.ร.พิจารณา พร้อมปิดทางไม่ให้ ร.ร.ได้มีโอกาสออกหลักเกณฑ์ใหม่บังคับเด็ก “พนิตา” เผย “พงศ์เทพ” ลงมือขีดฆ่าแก้ไขใหม่ก่อนเซ็นผ่านเสนอเข้า ครม.26 พ.ค.นี้
วันนี้ (15 พ.ค.) นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่มี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน ว่า ขณะนี้ นายพงศ์เทพ ได้ลงนามในร่างกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติ การแต่งกาย และแบบทรงผมของนักเรียนนักศึกษา พ.ศ....ตามที่ตนได้เสนอให้พิจารณาเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดย สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่นี้ เปิดช่องให้นักเรียนชายไว้ทรงผมรองทรงได้ โดยระบุว่า ให้ “นักเรียนชายให้ไว้ผมด้านข้างและด้านหลังยาวไม่เลยตีนผมหรือผมรองทรงก็ได้” และให้นักเรียนหญิงสามารถเลือกไว้ทรงผมสั้นหรือยาวได้ โดยระบุว่า “นักเรียนหญิงให้ไว้ผมสั้นหรือยาวก็ได้ กรณีไว้ยาวก็ให้รวบให้เรียบร้อย” อย่างไรก็ตาม ในร่างเดียวกันนี้ก่อนหน้าที่ เสนอ รมว.ศึกษาธิการ พิจารณามีข้อความว่า “ห้ามนักเรียนซอยผม” อยู่ด้วย แต่ รมว.ศึกษาธิการ ให้ปรับแก้ถ้อยคำโดยตัดคำว่า “ห้ามนักเรียนซอยผม” ออก โดยให้เหตุผลว่า การที่นักเรียนตัดรองทรงสั้นได้ไม่เลยตีนผมด้านหลัง ก็ถือว่าเป็นการซอยผมเช่นกัน ดังนั้น เมื่อตัดคำว่า ห้ามซอยผมออก ก็เท่ากับว่า นักเรียนหญิงสามารถซอยผมได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม รมว.ศึกษาธิการ ได้เพิ่มข้อความว่า “หากนักเรียนมีความจำเป็นต้องไว้ทรงผมแตกต่างจากที่กำหนดเนื่องจากความจำเป็นทางศาสนา ประเพณี หรือความจำเป็นอื่นใดก็ให้อยู่ในอำนาจของสถานศึกษานั้นเป็นผู้พิจารณา” และให้ตัดคำว่า “โรงเรียนอาจกำหนดแบบทรงผมได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎกระทรวงนี้ โดยให้รับฟังความคิดเห็นและทำประชาพิจารณ์ร่วมกับนักเรียนให้รับความเห็นชอบ จากคณะกรรมการสถานศึกษาก่อน” ออกไป นั่นหมายความว่า กฎกระทรวงฉบับนี้จะเปิดกว้างให้อิสระกับนักเรียน ขณะที่โรงเรียนไม่มีสิทธิไปกำหนดหลักเกณฑ์ต่างเพิ่มเติม อาทิ เดิมกฎกระทรวงกำหนดว่า เด็กผู้หญิงไว้ผมยาวได้แต่ต้องรวบให้เรียบร้อย แต่บางโรงเรียนกำหนดเพิ่มเติมว่าการรวบให้เรียบร้อย อาจจะหมายถึงการถึงผมเปียอย่างเดียว หรือบางโรงเรียนอาจจะกำหนดว่า ไม่ให้ผมยาวเลยตีนผมไปเกินกว่า 8 นิ้ว เป็นต้น
“หากตัดถ้อยคำนี้ออก เท่ากับว่าโรงเรียนจะไม่สามารถกำหนดอะไรเพิ่มเติมได้อีกเลย เพราะในร่างกฎกระทรวงไม่ได้ให้อำนาจไว้ ซึ่งการแก้ร่างกฎกระทรวงครั้งนี้ นายพงศ์เทพ เป็นคนขีดฆ่าถ้อยคำ และพิจารณาข้อกฎหมายด้วยตนเอง จึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ขณะเดียวกันตอนนี้เปิดเทอมไปแล้ว ได้รับแจ้งว่ามีบางโรงเรียนในต่างจังหวัดไล่ให้นักเรียนไปตัดผมใหม่เกือบ 300 คน ดังนั้น นายพงศ์เทพ จึงมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปทำความเข้าใจกับผู้บริหารโรงเรียน ว่าเวลานี้ขอให้ยึดถือกฎกระทรวง พ.ศ. 2518 เป็นหลัก เพราะกฎกระทรวงดังกล่าวให้เด็กไว้ผมรองทรงได้ ไว้ผมยาวได้ ซึ่งประเด็นส่วนใหญ่ไม่ต่างกับร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่ เพียงแต่มีรายละเอียดเพิ่มเติมนิดหน่อย” นางพนิตา กล่าวและว่า คาดว่าร่างกฎกระทรวง ฉบับใหม่นี้จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 21 พ.ค.นี้ จากนั้นเมื่อมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงจะถือว่ามีผลบังคับใช้ซึ่ง ศธ.จะเริ่มใช้ในปีการศึกษา 2556 นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับร่างกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติฯ ฉบับใหม่ แบ่งเป็น 3 หมวด ได้แก่ หมวด 1 ความประพฤติ เป็นการกำหนดเรื่องความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา ดังนี้ 1.นักเรียนและนักศึกษาต้องประพฤติตนอยู่ในระเบียบวินัยของสถานศึกษาที่ตนสังกัดอยู่ และต้องไม่ประพฤติตน ดังนี้ หนีเรียนหรือออกนอกสถานศึกษาโดยไม่ได้รับอนุญาตในช่วงเวลาเรียน เล่นการพนัน จัดให้มีการเล่นการพนัน หรือมั่วสุมในวงการพนัน พกพาอาวุธ หรือวัตถุอันตราย ซื้อ จำหน่าย แลกเปลี่ยน ให้หรือเสพสุรา เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สิ่งมึนเมา หรือทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย ลักทรัพย์ กรรโชกทรัพย์ ข่มขู่ บังคับขืนใจเพื่อเอาทรัพย์สินบุคคลอื่น หรือทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้อื่น เตรียมการหารือการกระทำใดๆ อันน่าจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือขัดต่อศีลธรรมอันดีงามของประชาชน แสดงกรรมทางชู้สาวซึ่งไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี ออกนอกสถานที่พักเวลากลางคืนเพื่อเที่ยวเตร่หรือรวมกลุ่ม อันเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น และโรงเรียนหรือสถานศึกษาอาจกำหนดระเบียบว่าด้วยความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษาได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย่งกับกฎกระทรวงนี้
หมวดที่ 2 การแต่งกาย ดังนี้ การแต่งกาย นักเรียนและนักศึกษาต้องแต่งกายให้เหมาะสมกับวัยและสภาพการเป็นนักเรียนและนักศึกษา นักเรียนต้องแต่งกายหรือแต่งเครื่องแบบนักเรียนตามกฎหมายว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน นักศึกษาต้องแต่งกายหรือแต่งเครื่องแบบนักศึกษาตามข้อบังหรือระเบียบของสถานศึกษานั้น และนักเรียน นักศึกษาไม่ใช้เครื่องสำอางหรือสิ่งปลอมเพื่อเสริมสวย เว้นแต่กรณีมีความจำเป็น ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลพินิจของโรงเรียนหรือสถานศึกษาพิจารณาเป็นกรณีไป และหมวด 3 แบบทรงผม กำหนดให้นักเรียนต้องไว้ทรงผมแบบสุภาพเรียบร้อยเหมาะสมกับกาลเทศะ ดังนี้ 1.นักเรียนชายให้ไว้ผมด้านข้างและด้านหลังยาวไม่เลยตีนผมหรือผมรองทรงก็ได้ 2.นักเรียนหญิงให้ไว้ผมสั้นหรือยาวก็ได้ กรณีไว้ยาวก็ให้รวบให้เรียบร้อย ห้ามนักเรียน ดัดผม ทำสีผม ไว้หนวดเครา หรือทำการอื่นใดที่ไม่เหมาะสมกับสภาพการเป็นนักเรียน
โดยข้อกำหนดดังกล่าวนี้ไม่ใช้บังคับกับนักเรียนในสถานศึกษาที่จัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยและนักศึกษา โดยให้ไว้ทรงผมแบบสุภาพเรียบร้อยเหมาะสมกับกาลเทศะตามข้อบังคับหรือระเบียบของสถานศึกษา หากนักเรียนมีความจำเป็นต้องไว้ทรงผมแตกต่างจากที่กำหนดไว้ เนื่องจากความจำเป็นทางศาสนา ประเพณีหรือความจำเป็นอื่นใด ก็ให้อยู่ในอำนาจของสถานศึกษาเป็นผู้พิจารณา
วันนี้ (15 พ.ค.) นางพนิตา กำภู ณ อยุธยา ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยภายหลังการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ที่มี นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เป็นประธาน ว่า ขณะนี้ นายพงศ์เทพ ได้ลงนามในร่างกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติ การแต่งกาย และแบบทรงผมของนักเรียนนักศึกษา พ.ศ....ตามที่ตนได้เสนอให้พิจารณาเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดย สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่นี้ เปิดช่องให้นักเรียนชายไว้ทรงผมรองทรงได้ โดยระบุว่า ให้ “นักเรียนชายให้ไว้ผมด้านข้างและด้านหลังยาวไม่เลยตีนผมหรือผมรองทรงก็ได้” และให้นักเรียนหญิงสามารถเลือกไว้ทรงผมสั้นหรือยาวได้ โดยระบุว่า “นักเรียนหญิงให้ไว้ผมสั้นหรือยาวก็ได้ กรณีไว้ยาวก็ให้รวบให้เรียบร้อย” อย่างไรก็ตาม ในร่างเดียวกันนี้ก่อนหน้าที่ เสนอ รมว.ศึกษาธิการ พิจารณามีข้อความว่า “ห้ามนักเรียนซอยผม” อยู่ด้วย แต่ รมว.ศึกษาธิการ ให้ปรับแก้ถ้อยคำโดยตัดคำว่า “ห้ามนักเรียนซอยผม” ออก โดยให้เหตุผลว่า การที่นักเรียนตัดรองทรงสั้นได้ไม่เลยตีนผมด้านหลัง ก็ถือว่าเป็นการซอยผมเช่นกัน ดังนั้น เมื่อตัดคำว่า ห้ามซอยผมออก ก็เท่ากับว่า นักเรียนหญิงสามารถซอยผมได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม รมว.ศึกษาธิการ ได้เพิ่มข้อความว่า “หากนักเรียนมีความจำเป็นต้องไว้ทรงผมแตกต่างจากที่กำหนดเนื่องจากความจำเป็นทางศาสนา ประเพณี หรือความจำเป็นอื่นใดก็ให้อยู่ในอำนาจของสถานศึกษานั้นเป็นผู้พิจารณา” และให้ตัดคำว่า “โรงเรียนอาจกำหนดแบบทรงผมได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย้งกับกฎกระทรวงนี้ โดยให้รับฟังความคิดเห็นและทำประชาพิจารณ์ร่วมกับนักเรียนให้รับความเห็นชอบ จากคณะกรรมการสถานศึกษาก่อน” ออกไป นั่นหมายความว่า กฎกระทรวงฉบับนี้จะเปิดกว้างให้อิสระกับนักเรียน ขณะที่โรงเรียนไม่มีสิทธิไปกำหนดหลักเกณฑ์ต่างเพิ่มเติม อาทิ เดิมกฎกระทรวงกำหนดว่า เด็กผู้หญิงไว้ผมยาวได้แต่ต้องรวบให้เรียบร้อย แต่บางโรงเรียนกำหนดเพิ่มเติมว่าการรวบให้เรียบร้อย อาจจะหมายถึงการถึงผมเปียอย่างเดียว หรือบางโรงเรียนอาจจะกำหนดว่า ไม่ให้ผมยาวเลยตีนผมไปเกินกว่า 8 นิ้ว เป็นต้น
“หากตัดถ้อยคำนี้ออก เท่ากับว่าโรงเรียนจะไม่สามารถกำหนดอะไรเพิ่มเติมได้อีกเลย เพราะในร่างกฎกระทรวงไม่ได้ให้อำนาจไว้ ซึ่งการแก้ร่างกฎกระทรวงครั้งนี้ นายพงศ์เทพ เป็นคนขีดฆ่าถ้อยคำ และพิจารณาข้อกฎหมายด้วยตนเอง จึงคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ขณะเดียวกันตอนนี้เปิดเทอมไปแล้ว ได้รับแจ้งว่ามีบางโรงเรียนในต่างจังหวัดไล่ให้นักเรียนไปตัดผมใหม่เกือบ 300 คน ดังนั้น นายพงศ์เทพ จึงมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ไปทำความเข้าใจกับผู้บริหารโรงเรียน ว่าเวลานี้ขอให้ยึดถือกฎกระทรวง พ.ศ. 2518 เป็นหลัก เพราะกฎกระทรวงดังกล่าวให้เด็กไว้ผมรองทรงได้ ไว้ผมยาวได้ ซึ่งประเด็นส่วนใหญ่ไม่ต่างกับร่างกฎกระทรวงฉบับใหม่ เพียงแต่มีรายละเอียดเพิ่มเติมนิดหน่อย” นางพนิตา กล่าวและว่า คาดว่าร่างกฎกระทรวง ฉบับใหม่นี้จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันที่ 21 พ.ค.นี้ จากนั้นเมื่อมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษา จึงจะถือว่ามีผลบังคับใช้ซึ่ง ศธ.จะเริ่มใช้ในปีการศึกษา 2556 นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับร่างกฎกระทรวงกำหนดความประพฤติฯ ฉบับใหม่ แบ่งเป็น 3 หมวด ได้แก่ หมวด 1 ความประพฤติ เป็นการกำหนดเรื่องความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษา ดังนี้ 1.นักเรียนและนักศึกษาต้องประพฤติตนอยู่ในระเบียบวินัยของสถานศึกษาที่ตนสังกัดอยู่ และต้องไม่ประพฤติตน ดังนี้ หนีเรียนหรือออกนอกสถานศึกษาโดยไม่ได้รับอนุญาตในช่วงเวลาเรียน เล่นการพนัน จัดให้มีการเล่นการพนัน หรือมั่วสุมในวงการพนัน พกพาอาวุธ หรือวัตถุอันตราย ซื้อ จำหน่าย แลกเปลี่ยน ให้หรือเสพสุรา เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สิ่งมึนเมา หรือทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย ลักทรัพย์ กรรโชกทรัพย์ ข่มขู่ บังคับขืนใจเพื่อเอาทรัพย์สินบุคคลอื่น หรือทำให้ทรัพย์สินของผู้อื่นเสียหาย ก่อเหตุทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายผู้อื่น เตรียมการหารือการกระทำใดๆ อันน่าจะก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย หรือขัดต่อศีลธรรมอันดีงามของประชาชน แสดงกรรมทางชู้สาวซึ่งไม่เหมาะสมในที่สาธารณะ เกี่ยวข้องกับการค้าประเวณี ออกนอกสถานที่พักเวลากลางคืนเพื่อเที่ยวเตร่หรือรวมกลุ่ม อันเป็นการสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น และโรงเรียนหรือสถานศึกษาอาจกำหนดระเบียบว่าด้วยความประพฤติของนักเรียนและนักศึกษาได้เท่าที่ไม่ขัดหรือแย่งกับกฎกระทรวงนี้
หมวดที่ 2 การแต่งกาย ดังนี้ การแต่งกาย นักเรียนและนักศึกษาต้องแต่งกายให้เหมาะสมกับวัยและสภาพการเป็นนักเรียนและนักศึกษา นักเรียนต้องแต่งกายหรือแต่งเครื่องแบบนักเรียนตามกฎหมายว่าด้วยเครื่องแบบนักเรียน นักศึกษาต้องแต่งกายหรือแต่งเครื่องแบบนักศึกษาตามข้อบังหรือระเบียบของสถานศึกษานั้น และนักเรียน นักศึกษาไม่ใช้เครื่องสำอางหรือสิ่งปลอมเพื่อเสริมสวย เว้นแต่กรณีมีความจำเป็น ทั้งนี้ให้อยู่ในดุลพินิจของโรงเรียนหรือสถานศึกษาพิจารณาเป็นกรณีไป และหมวด 3 แบบทรงผม กำหนดให้นักเรียนต้องไว้ทรงผมแบบสุภาพเรียบร้อยเหมาะสมกับกาลเทศะ ดังนี้ 1.นักเรียนชายให้ไว้ผมด้านข้างและด้านหลังยาวไม่เลยตีนผมหรือผมรองทรงก็ได้ 2.นักเรียนหญิงให้ไว้ผมสั้นหรือยาวก็ได้ กรณีไว้ยาวก็ให้รวบให้เรียบร้อย ห้ามนักเรียน ดัดผม ทำสีผม ไว้หนวดเครา หรือทำการอื่นใดที่ไม่เหมาะสมกับสภาพการเป็นนักเรียน
โดยข้อกำหนดดังกล่าวนี้ไม่ใช้บังคับกับนักเรียนในสถานศึกษาที่จัดการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยและนักศึกษา โดยให้ไว้ทรงผมแบบสุภาพเรียบร้อยเหมาะสมกับกาลเทศะตามข้อบังคับหรือระเบียบของสถานศึกษา หากนักเรียนมีความจำเป็นต้องไว้ทรงผมแตกต่างจากที่กำหนดไว้ เนื่องจากความจำเป็นทางศาสนา ประเพณีหรือความจำเป็นอื่นใด ก็ให้อยู่ในอำนาจของสถานศึกษาเป็นผู้พิจารณา