สธ.ตั้งเป้า 7 ปีคุมโรคมาลาเรียทั่วประเทศ เผยตั้งศูนย์มาลาเรียตามแนวชายแดนช่วยผู้ป่วยเข้าถึงบริการ ลดป่วยตายได้ลงเกินครึ่ง จับมือเพื่อนบ้านบังคับแรงงานต่างด้าวตรวจเลือดก่อนเข้ามาทำงาน สกัดการแพร่เชื้อ แนะมีอาการไข้จับสั่นให้รีบพบแพทย์ มาช้าอาจเสียชีวิต
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า สธ.ตั้งเป้าหมายภายใน 7 ปี คือภายในปี 2563 จะต้องยับยั้งการแพร่เชื้อมาลาเรียอย่างถาวรครอบคลุมพื้นที่ร้อยละ 80 ของประเทศ เน้นทำงานเชิงรุก โดยตั้งจุดตรวจและรักษาโรคมาลาเรียในพื้นที่ที่มีการระบาดหรือพบผู้ป่วย โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดตามแนวชายแดน ซึ่งขณะนี้ได้จัดตั้งแล้ว 760 แห่ง ประกอบด้วย ศูนย์มาลาเรียคลินิก 300 แห่ง และมาลาเรียคลินิกชุมชน 460 แห่งทั่วประเทศ สามารถตรวจหาเชื้อรู้ผลภายใน 15 นาที และจัดยารักษาฟรีให้แก่ผู้ป่วยทั้งคนไทยและต่างชาติได้ทันที โรคนี้มียารักษาหาย หากรักษาเร็วจะลดความรุนแรงโรคและลดอัตราการเสียชีวิตได้ ซึ่งมาตรการนี้ใช้ได้ผลดีมาก ผู้ป่วยเข้าถึงบริการได้ง่าย ไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล จำนวนผู้ป่วยและการเสียชีวิตลดลงได้มาก
“จากข้อมูลสำนักระบาดวิทยาปี 2550 ทั่วประเทศมีผู้ป่วยมาลาเรีย 30,889 ราย เสียชีวิต 38 ราย ในปี 2555 จำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตลดลงกว่าครึ่ง พบผู้ป่วย 16,138 ราย เสียชีวิต 16 ราย และในปีนี้ตั้งแต่ 1 ม.ค.-15 เม.ย. พบผู้ป่วย 2,494 ราย เป็นคนไทยร้อยละ 77 พม่าร้อยละ 13 เสียชีวิต 2 รายเท่านั้น” รมว.สาธารณสุข กล่าว
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า โรคมาลาเรีย มียุงก้นปล่อง ซึ่งเป็นยุงป่าเป็นพาหะนำโรค ส่วนมากพบในพื้นที่ชนบทและชายแดนที่ที่เป็นป่าเขา ป่าทึบ สวนยางพารา ลำธารตามธรรมชาติ คนที่เสี่ยงป่วยโรคนี้มี 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มคนที่มีอาชีพในป่า เช่น กรีดยาง หาของป่า และกลุ่มแรงงานต่างชาติที่ส่วนใหญ่มาจากชนบทในประเทศเพื่อนบ้าน สธ.ได้มีมาตรการป้องกัน โดยร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านคือ กัมพูชา และพม่า ควบคุมป้องกันโรคตามพื้นที่ชายแดนร่วมกัน และกำหนดให้แรงงานต่างด้าวทุกคนที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยทุกพื้นที่ทุกประเภทงานต้องตรวจเลือด เพื่อตรวจหาเชื้อมาลาเรียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้นำเชื้อมาแพร่ต่อ หากพบติดเชื้อจะให้การรักษาฟรี ส่วนวิธีการป้องกันทำได้โดยการนอนในมุ้งและป้องกันไม่ให้ยุงกัด เช่น การสวมเสื้อปกปิดร่างกายให้มิดชิด การใช้ยาทากันยุงหรือยาจุดกันยุง หรืออยู่ในป่าเขาให้ใช้มุ้งชุบสารเคมีไพรีทรอยด์ (pyrethroid) ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ยุงเป็นอัมพาตและตายในระยะเวลาอันสั้น ไม่เป็นอันตรายต่อคน
ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ยุงก้นปล่องโดยทั่วไปออกหากินตอนกลางคืน แต่หากอยู่ป่าทึบ แสงสลัว ก็อาจถูกยุงกัดในตอนกลางวันได้เช่นกัน ทั้งนี้เชื้อมาลาเรียที่พบในไทยมี 4 สายพันธุ์ ที่พบมากที่สุดคือ ชนิดฟาลซิปารัม (Falciparum) และไวแวกซ์ (Vivax) หลังติดเชื้อประมาณ 10-14 วัน จะมีอาการป่วยไข้สูง ปวดศีรษะ หนาวสั่นสลับร้อน หรือร้อนๆ หนาวๆ มีเหงื่อออก ชาวบ้านเรียกว่าไข้จับสั่น บางรายสามวันดีสี่วันไข้ หากมีอาการที่กล่าวมา ขอให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทุกแห่งใกล้บ้านหรือที่หน่วยมาลาเรีย เพื่อเจาะเลือดตรวจหาเชื้อมาลาเรีย และต้องแจ้งประวัติการเข้าป่าหรือไปบริเวณพื้นที่เสี่ยงให้แพทย์ทราบด้วย เพื่อให้การรักษาที่รวดเร็ว โรคนี้หากรักษาช้า อาจมีอาการแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น มาลาเรียขึ้นสมอง เม็ดเลือดแดงแตกง่าย เหลืองซีด ปัสสาวะสีดำ ไตวาย ปอดบวมน้ำ ทำให้เสียชีวิตได้
นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดเผยว่า สธ.ตั้งเป้าหมายภายใน 7 ปี คือภายในปี 2563 จะต้องยับยั้งการแพร่เชื้อมาลาเรียอย่างถาวรครอบคลุมพื้นที่ร้อยละ 80 ของประเทศ เน้นทำงานเชิงรุก โดยตั้งจุดตรวจและรักษาโรคมาลาเรียในพื้นที่ที่มีการระบาดหรือพบผู้ป่วย โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดตามแนวชายแดน ซึ่งขณะนี้ได้จัดตั้งแล้ว 760 แห่ง ประกอบด้วย ศูนย์มาลาเรียคลินิก 300 แห่ง และมาลาเรียคลินิกชุมชน 460 แห่งทั่วประเทศ สามารถตรวจหาเชื้อรู้ผลภายใน 15 นาที และจัดยารักษาฟรีให้แก่ผู้ป่วยทั้งคนไทยและต่างชาติได้ทันที โรคนี้มียารักษาหาย หากรักษาเร็วจะลดความรุนแรงโรคและลดอัตราการเสียชีวิตได้ ซึ่งมาตรการนี้ใช้ได้ผลดีมาก ผู้ป่วยเข้าถึงบริการได้ง่าย ไม่ต้องเดินทางไปโรงพยาบาล จำนวนผู้ป่วยและการเสียชีวิตลดลงได้มาก
“จากข้อมูลสำนักระบาดวิทยาปี 2550 ทั่วประเทศมีผู้ป่วยมาลาเรีย 30,889 ราย เสียชีวิต 38 ราย ในปี 2555 จำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตลดลงกว่าครึ่ง พบผู้ป่วย 16,138 ราย เสียชีวิต 16 ราย และในปีนี้ตั้งแต่ 1 ม.ค.-15 เม.ย. พบผู้ป่วย 2,494 ราย เป็นคนไทยร้อยละ 77 พม่าร้อยละ 13 เสียชีวิต 2 รายเท่านั้น” รมว.สาธารณสุข กล่าว
นพ.ประดิษฐ กล่าวอีกว่า โรคมาลาเรีย มียุงก้นปล่อง ซึ่งเป็นยุงป่าเป็นพาหะนำโรค ส่วนมากพบในพื้นที่ชนบทและชายแดนที่ที่เป็นป่าเขา ป่าทึบ สวนยางพารา ลำธารตามธรรมชาติ คนที่เสี่ยงป่วยโรคนี้มี 2 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มคนที่มีอาชีพในป่า เช่น กรีดยาง หาของป่า และกลุ่มแรงงานต่างชาติที่ส่วนใหญ่มาจากชนบทในประเทศเพื่อนบ้าน สธ.ได้มีมาตรการป้องกัน โดยร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านคือ กัมพูชา และพม่า ควบคุมป้องกันโรคตามพื้นที่ชายแดนร่วมกัน และกำหนดให้แรงงานต่างด้าวทุกคนที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยทุกพื้นที่ทุกประเภทงานต้องตรวจเลือด เพื่อตรวจหาเชื้อมาลาเรียก่อน เพื่อป้องกันไม่ให้นำเชื้อมาแพร่ต่อ หากพบติดเชื้อจะให้การรักษาฟรี ส่วนวิธีการป้องกันทำได้โดยการนอนในมุ้งและป้องกันไม่ให้ยุงกัด เช่น การสวมเสื้อปกปิดร่างกายให้มิดชิด การใช้ยาทากันยุงหรือยาจุดกันยุง หรืออยู่ในป่าเขาให้ใช้มุ้งชุบสารเคมีไพรีทรอยด์ (pyrethroid) ซึ่งมีฤทธิ์ทำให้ยุงเป็นอัมพาตและตายในระยะเวลาอันสั้น ไม่เป็นอันตรายต่อคน
ด้าน นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค (คร.) กล่าวว่า ยุงก้นปล่องโดยทั่วไปออกหากินตอนกลางคืน แต่หากอยู่ป่าทึบ แสงสลัว ก็อาจถูกยุงกัดในตอนกลางวันได้เช่นกัน ทั้งนี้เชื้อมาลาเรียที่พบในไทยมี 4 สายพันธุ์ ที่พบมากที่สุดคือ ชนิดฟาลซิปารัม (Falciparum) และไวแวกซ์ (Vivax) หลังติดเชื้อประมาณ 10-14 วัน จะมีอาการป่วยไข้สูง ปวดศีรษะ หนาวสั่นสลับร้อน หรือร้อนๆ หนาวๆ มีเหงื่อออก ชาวบ้านเรียกว่าไข้จับสั่น บางรายสามวันดีสี่วันไข้ หากมีอาการที่กล่าวมา ขอให้รีบไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลทุกแห่งใกล้บ้านหรือที่หน่วยมาลาเรีย เพื่อเจาะเลือดตรวจหาเชื้อมาลาเรีย และต้องแจ้งประวัติการเข้าป่าหรือไปบริเวณพื้นที่เสี่ยงให้แพทย์ทราบด้วย เพื่อให้การรักษาที่รวดเร็ว โรคนี้หากรักษาช้า อาจมีอาการแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น มาลาเรียขึ้นสมอง เม็ดเลือดแดงแตกง่าย เหลืองซีด ปัสสาวะสีดำ ไตวาย ปอดบวมน้ำ ทำให้เสียชีวิตได้