บอร์ดภาพยนตร์แอ่นอกรับข้อผิดพลาดตรวจหนัง “ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง” ก่อนกลับมติให้ฉายแล้วในเรต 18+ แต่ดูดเสียงในส่วนที่ไม่เหมาะสมออก
สืบเนื่องมาจากการเสนอข่าวมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดีทัศน์ สั่งห้ามฉายภาพยนตร์สารคดีเรื่อง “ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง” กำกับโดยนายนนทวัฒน์ นำเบญจกุล พร้อมให้เหตุผลว่า มีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีระหว่างคนในชาติ และกระทบกระเทือนต่อสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศจึงไม่อนุญาตให้ฉายนั้น ล่าสุด วันนี้ (26 เม.ย.) นายสมบัติ ภู่กาญจน์ ผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการภาพยนตร์ และวิดีทัศน์แห่งชาติ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการภาพยนตร์และวิดีทัศน์แห่งชาติ ได้มีการตรวจพิจารณาภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวแล้ว เห็นว่าให้ฉายภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวได้ในเรต 18+ ตามที่ผู้สร้างเสนอ แต่ให้มีการดูดเสียงบรรยากาศในภาพยนตร์ ซึ่งเป็นเสียงการประท้วงต่อต้านการชุมนุม ประกอบกับมีเสียงอ้างอิงถึงสถาบันออกไป ตามที่คณะอนุกรรมการฯ พิจารณา และได้ท้วงติงและแสดงความเป็นห่วงถึงความไม่เหมาะสม เกรงว่าจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และเกิดความแตกแยกได้ ทางผู้สร้างยินดีดำเนินการตามทั้งหมด จึงอนุญาตให้ฉายได้โดยไม่ต้องอุทธรณ์
นายสมบัติ กล่าวว่า ส่วนข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการตรวจพิจารณาภาพยนตร์เรื่อง ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง นั้น ขอชี้แจงว่า เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวถูกเสนอมาในรูปแบบหนังแผ่น ไม่ได้ฉายในโรงภาพยนตร์ ดังนั้น จะมีคณะอนุกรรมการตรวจพิจารณาหลายชุด ซึ่งตามกระบวนการแล้ว เมื่อคณะอนุกรรมการพิจารณาแล้ว ก็จะต้องส่งผลการพิจารณามาให้ที่ประชุมคณะกรรมการภาพยนตร์และวิดีทัศน์ชุดใหญ่ (บอร์ดภาพยนตร์) พิจาณาตัดสินอีกครั้ง แต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเกิดจากในส่วนเจ้าหน้าที่ที่เขียนมติการประชุมของคณะกรรมการภาพยนตร์ฯ ว่า ให้ยืนตามคณะอนุกรรมการฯ ที่พิจารณาในช่วงแรกมาก่อน ทั้งที่คณะกรรมการภาพยนตร์ฯ ยังไม่ได้มีการพิจารณาหนังเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด จึงทำให้ผู้สร้างเกิดความเข้าใจผิดถึงผลการพิจารณา แต่เมื่อเราได้มีการตรวจภาพยนตร์แล้ว ก็เห็นว่า เนื้อหาไม่ได้มีความรุนแรงถึงขนาดต้องสั่งห้ามฉาย อีกทั้งผู้สร้างได้ปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่ไม่เหมาะสมออกตามที่คณะกรรมการแนะนำ
“เมื่อบอร์ดภาพยนตร์ชุดใหญ่ได้ดูหนังแล้ว กลับมองอีกด้านของเนื้อหาหนังเรื่องนี้ และเห็นด้วยที่ผู้สร้างต้องการนำเสนอเรื่องกรณีปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นปัญหาระดับชาติ ระหว่างรัฐกับรัฐ แต่ท้ายที่สุด ประชาชนที่อยู่ชายแดนกลับต้องได้รับความเดือดร้อน หากเราพิจารณาเนื้อหาเป็นหลักก็จะสามารถมองข้ามสิ่งที่มารบกวนความกังวลได้” นายสมบัติกล่าว
สืบเนื่องมาจากการเสนอข่าวมติที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวิดีทัศน์ สั่งห้ามฉายภาพยนตร์สารคดีเรื่อง “ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง” กำกับโดยนายนนทวัฒน์ นำเบญจกุล พร้อมให้เหตุผลว่า มีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีระหว่างคนในชาติ และกระทบกระเทือนต่อสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศจึงไม่อนุญาตให้ฉายนั้น ล่าสุด วันนี้ (26 เม.ย.) นายสมบัติ ภู่กาญจน์ ผู้ทรงคุณวุฒิคณะกรรมการภาพยนตร์ และวิดีทัศน์แห่งชาติ กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการภาพยนตร์และวิดีทัศน์แห่งชาติ ได้มีการตรวจพิจารณาภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวแล้ว เห็นว่าให้ฉายภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวได้ในเรต 18+ ตามที่ผู้สร้างเสนอ แต่ให้มีการดูดเสียงบรรยากาศในภาพยนตร์ ซึ่งเป็นเสียงการประท้วงต่อต้านการชุมนุม ประกอบกับมีเสียงอ้างอิงถึงสถาบันออกไป ตามที่คณะอนุกรรมการฯ พิจารณา และได้ท้วงติงและแสดงความเป็นห่วงถึงความไม่เหมาะสม เกรงว่าจะก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และเกิดความแตกแยกได้ ทางผู้สร้างยินดีดำเนินการตามทั้งหมด จึงอนุญาตให้ฉายได้โดยไม่ต้องอุทธรณ์
นายสมบัติ กล่าวว่า ส่วนข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นในการตรวจพิจารณาภาพยนตร์เรื่อง ฟ้าต่ำแผ่นดินสูง นั้น ขอชี้แจงว่า เนื่องจากภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวถูกเสนอมาในรูปแบบหนังแผ่น ไม่ได้ฉายในโรงภาพยนตร์ ดังนั้น จะมีคณะอนุกรรมการตรวจพิจารณาหลายชุด ซึ่งตามกระบวนการแล้ว เมื่อคณะอนุกรรมการพิจารณาแล้ว ก็จะต้องส่งผลการพิจารณามาให้ที่ประชุมคณะกรรมการภาพยนตร์และวิดีทัศน์ชุดใหญ่ (บอร์ดภาพยนตร์) พิจาณาตัดสินอีกครั้ง แต่ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเกิดจากในส่วนเจ้าหน้าที่ที่เขียนมติการประชุมของคณะกรรมการภาพยนตร์ฯ ว่า ให้ยืนตามคณะอนุกรรมการฯ ที่พิจารณาในช่วงแรกมาก่อน ทั้งที่คณะกรรมการภาพยนตร์ฯ ยังไม่ได้มีการพิจารณาหนังเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด จึงทำให้ผู้สร้างเกิดความเข้าใจผิดถึงผลการพิจารณา แต่เมื่อเราได้มีการตรวจภาพยนตร์แล้ว ก็เห็นว่า เนื้อหาไม่ได้มีความรุนแรงถึงขนาดต้องสั่งห้ามฉาย อีกทั้งผู้สร้างได้ปรับปรุงแก้ไขในส่วนที่ไม่เหมาะสมออกตามที่คณะกรรมการแนะนำ
“เมื่อบอร์ดภาพยนตร์ชุดใหญ่ได้ดูหนังแล้ว กลับมองอีกด้านของเนื้อหาหนังเรื่องนี้ และเห็นด้วยที่ผู้สร้างต้องการนำเสนอเรื่องกรณีปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นปัญหาระดับชาติ ระหว่างรัฐกับรัฐ แต่ท้ายที่สุด ประชาชนที่อยู่ชายแดนกลับต้องได้รับความเดือดร้อน หากเราพิจารณาเนื้อหาเป็นหลักก็จะสามารถมองข้ามสิ่งที่มารบกวนความกังวลได้” นายสมบัติกล่าว