สลด! น้องเอยสิ้นลมแล้ว หลังติดรถตู้นานกว่า 5 ชั่วโมง แพทย์เผยพยายามยื้อชีวิตเต็มที่ แต่การทำงานของอวัยวะต่างๆ ทำงานช้าลง ด้านพ่อเด็กเตรียมย้ายโรงเรียนให้พี่ชายน้องเอยด้วย ส่วนคดีปล่อยให้เป็นเรื่องของตำรวจจัดการ ฝากเป็นอุทาหรณ์ให้ทุกโรงเรียนใส่ใจความปลอดภัยเด็ก ไม่ใช่สักแต่ส่งเสริมเรียนดีกีฬาเด่น
วันนี้ (17 เม.ย.) เมื่อเวลา 11.00 น.ที่หออภิบาลผู้ป่วยหนัก 4 โรงพยาบาลกรุงเทพ นาวาอากาศเอก นพ.ไพศาล จันทรพิทักษ์ ผู้อำนวยการ รพ.กรุงเทพ สายกิจกรรมพิเศษ เปิดเผยกรณี ด.ญ.มนัสนันท์ ทองภู่ หรือน้องเอย วัย 3 ขวบ ที่ติดอยู่ในรถตู้รับส่งนักเรียนนานกว่า 5 ชั่วโมง ส่งผลให้สมองขาดออกซิเจนและต้องส่งตัวเข้ารักษาอาการที่ รพ.กรุงเทพ ว่า เมื่อเวลา 08.50 น.น้องเอยได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ โดยสาเหตุของการเสียชีวิตเกิดจากการที่เด็กติดอยู่ในรถตู้เป็นเวลานานจนทำให้สมองขาดออกซิเจนและยังมีภาวะของการเป็นลมแดดจากการที่ร่างกายสูญเสียน้ำเป็นเวลานาน ดังนั้นจึงส่งผลให้การทำงานของอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายผิดปกติและสูญเสียการทำงานไป ซึ่งตลอดระยะเวลาของการรักษาทางโรงพยาบาลได้ให้การรักษาตามอาการ แต่เนื่องจากสมองขาดออกซิเจนทำให้สมองและอวัยวะต่างๆ สูญเสียการทำงานและในวันนี้การเต้นของหัวใจและอวัยวะต่างๆ ก็ค่อยๆ ทำงานช้าลงจนส่งผลให้น้องเอยเสียชีวิตลงในที่สุด อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตดังกล่าวเป็นการเสียชีวิตที่ผิดธรรมชาติ เพราะฉะนั้นจึงต้องมีการส่งศพไปที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เพื่อให้ทางนิติเวชได้ทำการชันสูตรศพเพื่อหาสาเหตุของการเสียชีวิตอีกครั้ง โดยในการชันสูตรศพคาดว่าจะรู้ผลภายในวันที่ 17 เม.ย.นี้
ด้านนายเอกชัย ทองภู่ บิดาของน้องเอย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้น้องเอยได้ต่อสู้ถึงที่สุดแล้วและทนได้เพียงเท่านี้จริงๆ ซึ่งแพทย์และทางโรงพยาบาลก็ได้ให้การรักษาอย่างเต็มที่ โดยเบื้องต้นตนและครอบครัวคงต้องรอผลการชันสูตรจากฝ่ายนิติเวช รพ.รามาธิบดีอีกครั้ง ก่อนที่จะเคลื่อนศพเพื่อนำไปบำเพ็ญกุศลที่วัดราชบำรุง เนื่องจากเป็นวัดที่ใกล้บ้าน และหากไม่มีอะไรติดขัดก็คงจะเคลื่อนศพออกจาก รพ.รามาธิบดีภายในวันที่17 เม.ย.นี้ หรือช้าสุดก็คงเป็นวันที่ 18 เม.ย.
“ในส่วนของทางเจ้าของโรงเรียนได้ทราบว่าน้อยเอยเสียชีวิตแล้ว และกำลังเดินทางมาที่ รพ.กรุงเทพ โดยตลอดระยะเวลาของการรักษาค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดทางโรงเรียนก็เป็นผู้ดูแล ส่วนในเรื่องของคดีเบื้องต้นก็ต้องมีการดำเนินคดีตามกฎหมาย ซึ่งคงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจต่อไป และขณะนี้เรื่องคดีก็อยู่ที่ สน.บางปู อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนอยากให้ทางโรงเรียนหรือทุกโรงเรียนให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยของเด็กนักเรียนด้วยไม่ใช่ส่งเสริมแต่เรื่องเรียนดีกีฬาเด่นเท่านั้น” บิดาน้องเอย กล่าว
นายเอกชัย กล่าวอีกว่า ตนยังมีบุตรชายซึ่งเป็นพี่ของน้องเอยอีกคนที่เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน โดยตั้งใจจะทำการย้ายโรงเรียนให้กับบุตรชายทันที ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการหาโรงเรียนใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางรัตนา นครโสภา มาดารของน้อยเอย ยังคงอยู่ในอาการที่เศร้าโศกเสียใจ และให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวทั้งน้ำตาว่า ได้เดินทางมาที่ รพ.กรุงเทพ ตั้งแต่เช้าและเมื่อรู้ว่าน้องเอยเสียชีวิตก็ยังคงทำใจไม่ได้ อย่างไรก็ตาม นางรัตนาก็ได้ทำการซื้อของที่น้องเอยชอบมาให้น้องเอยแล้วทั้งตุ๊กตาและเครื่องสำอาง