เกิดอุบัติเหตุรถตู้โดยสาร สายตลิ่งชัน-แฮปปี้แลนด์ ชนรถเก๋งอัลติส บริเวณแยกยมราช จนท.กู้ภัยต้องใช้เครื่องตัดถ่างช่วยหญิงติดภายในรถตู้ สภาพขาเกือบขาด แต่โชคดีไม่มีผู้เสียชีวิต
วันนี้ (12 เม.ย.) เมื่อเวลา 15.30 น.ร.ต.ท.ภูวิศ ศรีอ่อน พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง รับแจ้งมีอุบัติเหตุรถตู้โดยสารชนกับรถเก๋งโตโยต้า มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 ราย ที่บริเวณแยกไฟแดงยมราช ถ.พิษณุโลก แขวงและเขตดุสิต กทม.มุ่งหน้าถนนเพชรบุรีตัดใหม่ จึงรีบเดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุพบรถตู้โดยสารวิ่งระหว่าง สถานีขนส่งกรุงเทพ สายใต้ (ตลิ่งชัน)-แฮปปี้แลนด์ (ทางด่วน) ยี่ห้อ โตโยต้า สีขาว จำนวน 14 ที่นั่ง หมายเลขทะเบียน 15-5479 กทม. หมายเลขข้างรถ สาย ต.125 จอดอยู่ลักษณะเกยฟุตปาทช่องเลนซ้ายสุด อัดติดกับเสาไฟฟ้าสภาพด้านหน้ายุบพังยับเยิน กระจกด้านหน้าแตกละเอียด ประตูหน้าซ้ายหลุดออกจากตัวรถ ตรวจสอบภายในรถตู้คันดังกล่าว พบผู้บาดเจ็บสาหัส จำนวน 2 ราย เป็นชาย 1 คน หญิง 1 คน โดยไม่ทราบชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บ
เบื้องต้นทราบว่า เจ้าหน้าที่ได้นำคนขับรถตู้ที่มีอาการหมดสติ ส่ง รพ.รามาธิบดี ไปก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนผู้บาดเจ็บอีกรายเป็นหญิงติดอยู่ภายในรถตู้คันดังกล่าว สภาพยังมีสติ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่างทำการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน กระทั่งสามารถนำผู้บาดเจ็บออกมาได้ พร้อมส่งตัวไปรักษาที่ รพ.รามาธิบดี
ต่อมาทราบว่าหญิงรายดังกล่าวได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณขาซ้าย สภาพเกือบขาด แพทย์ต้องทำการผ่าตัดรักษา ส่วนรถคู่กรณีนั้นทราบว่า เป็นรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นอัลติส สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน ษจ 2701 กทม.สภาพประตูหลัง ฝั่งซ้าย ถูกรถตู้โดยสารชนเข้าอย่างจัง อย่างไรก็ตามหลังเกิดเหตุเจ้าของรถเก๋งได้ออกมายืนรอเพื่อให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากการสอบสวน น.ส.จิราพร ปราณีตทอง อายุ 55 ปี คนขับรถเก๋ง ให้การว่า ขณะเกิดเหตุตนขับรถเก่งมาพร้อมกับญาติ ระหว่างติดสัญญาณไฟแดงที่แยกยมราชอยู่นั้น ก็เห็นรถตู้โดยสารคันดังกล่าววิ่งมาด้วยความเร็วสูง และคนขับพยายามเบรก แต่เนื่องจากอยู่ในระยะกระชั้นชิด คนขับรถตู้โดยสารคาดว่าไม่น่าจะพ้น จึงหักรถหลบไปด้านซ้าย เป็นเหตุให้รถตู้คันดังกล่าวเสียหลักพุ่งชนกับติดเสาไฟฟ้าข้างทาง เป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บดังกล่าว
ทั้งนี้เจ้่าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำ น.ส.จิราพร และลงบันทึกประจำวันไว้ หลังจากนี้จะต้องรอให้ผู้บาดเจ็บทั้ง 2 ราย มีสติ สามารถให้ปากคำได้ จึงจะทำการสอบสวนถึงสาเหตุและหาตัวผู้กระทำผิด เพื่อแจ้งข้อหาและดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ทราบชื่อผู้บาดเจ็บในเวลาต่อมาคือ น.ส.รามินตรา หลงชัย อายุ 34 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่บริเวณขาจนเกือบขาด ต้องพักรักษาตัวประมาณ 1 เดือน ส่วนผู้ขับขี่ทราบชื่อคือ นายสมรวย บุญโสม อายุ 44 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้าอก กระแทกกับพวงมาลัย ต้องพักรักษาตัวประมาณ 3 วัน โดยเจ้าหน้าที่รอให้พักรักษาตัวประมาณ 3 วันก่อนถึงจะค่อยเรียกมาสอบปากคำต่อไป