กรมจิตแนะเลี่ยงแดด ดื่มน้ำมากๆ หากิจกรรมทำ ช่วยลดเครียดจากความร้อน ย้ำดูแลผู้สูงอายุเสี่ยงลมแดดถึงขั้นเสียชีวิต
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ขณะนี้ทั่วประเทศมีสภาพอากาศร้อนจัด ดังนั้นจึงควรดูแลสุขภาพร่างกายอย่าทำให้เจ็บป่วย เนื่องจากหากร่างกายเจ็บป่วยแล้วจะส่งผลต่อร่างกายทำให้เกิดความหงุดหงิด จนส่งผลให้ร่างกายมีความทนทานต่อความเครียดน้อยลง ส่งผลให้เมื่อมีอะไรมากระตุ้นกับจิตใจก็จะทำให้เครียดง่ายกว่าปกติ โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60-70 ปี ขึ้นไปเป็นกลุ่มที่น่าเป็นห่วง เพราะจะปรับตัวไม่ได้กับอากาศที่ร้อนจัด อาทิ การเคลื่อนย้ายเปลี่ยนที่พักอาศัยเวลาพบกับอากาศร้อนจัดและผู้สูงอายุบางรายอาจได้รับอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตจากอากาศที่ร้อน เช่น การเป็นลมแดดเนื่องจากร่างกายปรับตัวไม่ทัน เพราะฉะนั้นในกลุ่มผู้สูงอายุควรมีญาติคอยอยู่ดูแลเพื่อความปลอดภัย หรือไม่ก็หลีกเลี่ยงอากาศในช่วงเวลาที่ร้อนจัดด้วยการใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวอีกว่า สำหรับวิธีการหลีกเลี่ยงจากปัญหาความเครียด โดยเฉพาะความเครียดจากอากาศร้อนนั้น สามารถทำได้ในหลายวิธี ได้แก่ หลีกเลี่ยงการตากแดดและสถานที่ที่ร้อนอับ ดื่มน้ำให้มากๆ และหากิจกรรมที่ผ่อนคลายทำ เช่น ปลูกต้นไม้ อ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ อย่างไรก็ตามแม้แต่การจราจรก็ติดขัด ดังนั้น เวลารถติดและอากาศร้อน ก็ขอให้ประชาชนอย่าไปใสใจกับปัญหาการจราจรที่ติดขัดมากนัก ให้หากิจกรรมทำ อาทิ ฟังเพลง พูดคุยกับคนที่นั่งมาข้างๆ หรือบางคนที่มาคนเดียวก็ให้โทร.หาเพื่อนหรือคนรัก เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดในสภาวะรถติดและอากาศร้อน ทั้งนี้หากเลือกได้ก็ไม่ควรขับรถในช่วงเวลาที่รถติดหรืออากาศร้อน
“ช่วงอากาศร้อนจะส่งผลให้รับประทานอาหารได้น้อยกว่าปกติ เนื่องจากอากาศที่ร้อนจะทำให้รู้สึกว่าอาหารไม่อร่อย ดังนั้นจึงปรุงรสจัดขึ้น ซึ่งการกินรสจัดจะเป็นการส่งผลเสียต่อร่างกาย ควรหันมาทานผักและผลไม้มากกว่า นอกจากนี้ ประชาชนสามารถสังเกตอาการและทางออกของโรคเครียดได้จาก 4 ด้าน คือ 1.รู้จักสังเกตตัวเองก่อนและหลังเมื่อรู้สึกว่าร่างกายเปลี่ยนไป 2.ตั้งคำถามกับตัวเองว่าสามารถจัดการความเครียดด้วยตัวเองได้หรือไม่ 3.หาสาเหตุที่ทำให้เครียด และ 4.หยุดคิดกับเรื่องที่ทำให้เครียด ทั้งนี้หากใครมีปัญหาสามารถติดต่อมาได้ที่สายด่วนกรมสุขภาพจิต 1323” รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว
นพ.เกียรติภูมิ วงศ์รจิต รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ขณะนี้ทั่วประเทศมีสภาพอากาศร้อนจัด ดังนั้นจึงควรดูแลสุขภาพร่างกายอย่าทำให้เจ็บป่วย เนื่องจากหากร่างกายเจ็บป่วยแล้วจะส่งผลต่อร่างกายทำให้เกิดความหงุดหงิด จนส่งผลให้ร่างกายมีความทนทานต่อความเครียดน้อยลง ส่งผลให้เมื่อมีอะไรมากระตุ้นกับจิตใจก็จะทำให้เครียดง่ายกว่าปกติ โดยเฉพาะในกลุ่มของผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60-70 ปี ขึ้นไปเป็นกลุ่มที่น่าเป็นห่วง เพราะจะปรับตัวไม่ได้กับอากาศที่ร้อนจัด อาทิ การเคลื่อนย้ายเปลี่ยนที่พักอาศัยเวลาพบกับอากาศร้อนจัดและผู้สูงอายุบางรายอาจได้รับอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตจากอากาศที่ร้อน เช่น การเป็นลมแดดเนื่องจากร่างกายปรับตัวไม่ทัน เพราะฉะนั้นในกลุ่มผู้สูงอายุควรมีญาติคอยอยู่ดูแลเพื่อความปลอดภัย หรือไม่ก็หลีกเลี่ยงอากาศในช่วงเวลาที่ร้อนจัดด้วยการใช้ชีวิตอยู่ในบ้าน
นพ.เกียรติภูมิ กล่าวอีกว่า สำหรับวิธีการหลีกเลี่ยงจากปัญหาความเครียด โดยเฉพาะความเครียดจากอากาศร้อนนั้น สามารถทำได้ในหลายวิธี ได้แก่ หลีกเลี่ยงการตากแดดและสถานที่ที่ร้อนอับ ดื่มน้ำให้มากๆ และหากิจกรรมที่ผ่อนคลายทำ เช่น ปลูกต้นไม้ อ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ อย่างไรก็ตามแม้แต่การจราจรก็ติดขัด ดังนั้น เวลารถติดและอากาศร้อน ก็ขอให้ประชาชนอย่าไปใสใจกับปัญหาการจราจรที่ติดขัดมากนัก ให้หากิจกรรมทำ อาทิ ฟังเพลง พูดคุยกับคนที่นั่งมาข้างๆ หรือบางคนที่มาคนเดียวก็ให้โทร.หาเพื่อนหรือคนรัก เพื่อไม่ให้เกิดความเครียดในสภาวะรถติดและอากาศร้อน ทั้งนี้หากเลือกได้ก็ไม่ควรขับรถในช่วงเวลาที่รถติดหรืออากาศร้อน
“ช่วงอากาศร้อนจะส่งผลให้รับประทานอาหารได้น้อยกว่าปกติ เนื่องจากอากาศที่ร้อนจะทำให้รู้สึกว่าอาหารไม่อร่อย ดังนั้นจึงปรุงรสจัดขึ้น ซึ่งการกินรสจัดจะเป็นการส่งผลเสียต่อร่างกาย ควรหันมาทานผักและผลไม้มากกว่า นอกจากนี้ ประชาชนสามารถสังเกตอาการและทางออกของโรคเครียดได้จาก 4 ด้าน คือ 1.รู้จักสังเกตตัวเองก่อนและหลังเมื่อรู้สึกว่าร่างกายเปลี่ยนไป 2.ตั้งคำถามกับตัวเองว่าสามารถจัดการความเครียดด้วยตัวเองได้หรือไม่ 3.หาสาเหตุที่ทำให้เครียด และ 4.หยุดคิดกับเรื่องที่ทำให้เครียด ทั้งนี้หากใครมีปัญหาสามารถติดต่อมาได้ที่สายด่วนกรมสุขภาพจิต 1323” รองอธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าว